มีคำถาม และบทวิเคราะห์ในสื่อแทบทุกฉบับ มองเรื่องการปฏิรูปประเทศ ในช่วง 3 ปี ของคสช. ไม่มีอะไรคืบหน้า จนกระทั่งล่าสุดเมื่อ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา รัฐบาล โดย คสช. ก็ได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาอีก 11 ด้าน 120 คน ส่วนใหญ่ก็มาจาก สปช. สปท. ที่ทำงานเข้าตา คสช. โดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้มีวาระการทำงานยาวถึง 5 ปี ถูกสังคมวิพากษ์หนักว่า ส่วนใหญ่ เป็นเด็กสายบิ๊กป้อม ปูนบำเหน็จให้ข้าราชการเกษียณ เป็นการซื้อเวลา ยื้ออำนาจ อีกครั้งของรัฐบาล นสพ.การเมืองพาดหัว “ย้อมแมวขายปฏิรูป” มีแต่คนหน้าเดิมๆ
รัฐบาลให้เวลาคณะกรรมการปฏิรูปฯดังกล่าว วางแผนปฏิรูปประเทศ 8 เดือน เพื่อเสนอให้ รัฐบาล และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เทียบกับการปฏิรูปโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช. ) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป หรือ สปท. ก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีอะไรใหม่ วนไปเวียนมา เป็นเหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่
อภิสิทธิ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามการปฏิรูปทั้ง สปช. และสปท. ไม่เคยรู้สึกว่าจะแสดงออกถึงวิสัยทัศน์ หรือหลักการของการปฏิรูป เพราะต่างคนต่างเสนอ ..
“การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูป ดูแล้วภาพวนไปวนมา และบุคคลที่เข้ามาเป็นกรรมการ แม้จะมีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถก็จริง แต่ไม่ใช่ลักษณะของนักปฏิรูป และหลายคนค่อนข้างจะมีแนวคิดอนุรักษ์ นิยมมากกว่า จะเป็นนักปฏิรูปด้วยซ้ำ”
นักวิเคราะห์การเมือง มองว่า การปฏิรูปประเทศที่ผ่านมา 3 ปี ของคสช. ไม่ใช่ของจริง เป็นปฏิลวงมากว่า โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ ก็ไม่เอาจริง ทำอย่างเสียไม่ได้ เพราะถูกแรงกดดันจากสังคม และประชาชนรอบด้าน หนที่สุด ก็ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจอีกครั้งหนึ่ง เอาผู้ที่มีภาพพจน์ดี อย่างพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาเป็นประธาน แต่กรรมการส่วนใหญ่ เป็นข้าราชการตำรวจ ไม่ได้มีบทบาทในการปฏิรูปโครงสร้างอะไร มิหนำซ้ำ บางคนยังขัดขวางการปฏิรูปเสียอีก .... นั่นคือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งดูไม่มีความหวัง สุดท้าย…ก็คงไม่ได้มีการปฏิรูปโครงสร้างอะไร แสร้งปะผุทำโน่นนิด-นี่หน่อย แค่ปรับเปลี่ยนให้ความเป็นธรรมกับการโยกย้ายแต่งตั้ง แต่ไม่แตะเรื่องโครงสร้างอำนาจที่เป็นอยู่ ไม่ยอมให้มีการกระจายอำนาจออกไปให้จังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้มีการถ่วงดุลกับอำนาจส่วนกลาง ไม่กล้าแม้แต่จะยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ได้เคยเสนอแนะไว้ เพราะถือเป็นการเสนอที่ตีแสกหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่รวมศูนย์อำนาจโดยตรง
ทั้งที่งานปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ ได้เคยทำมาเมื่อสิบปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัยรัฐประหาร ปี 2549 รัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ที่แต่งตั้งพลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร ได้ทำไว้ ใกล้แล้วเสร็จ แต่ถูกตำรวจระดับสูงขัดขวาง หนที่สุดก็ล้มเลิกไป จนมารัฐประหาร คสช. ปี 2557 มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช. ) ทำเรื่องการปฏิรูปตำรวจ โดยอนุกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่มีพลเรือเอกพะจุณ ตามประทีป เป็นประธาน และในที่สุดก็ยังไม่สำเร็จ
พลเรือเอกพะจุณ ออกมาเปิดโปงว่า มีการซื้อขายตำแหน่งในการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจ เป็นข่าวฉาวโฉ่ ตีพิมพ์เป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ ทำเอาตำรวจระดับสูงเต้นผาง ออกมาข่มขู่ ออกหมายเรียกให้มารายงานตัว จะฟ้องร้องทุกคนที่ออกมา ทั้งนักวิชาการ หรือใครก็ตาม ที่ออกมาพูดความจริง วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจ ต้องร้อนตัว ทันที เช่น ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต หรือ อจ.สังศิต พิริยะสังสรรค์ สปช. เป็นต้น ต่างก็ถูกตำรวจระดับสูงออกมาข่มขู่จะฟ้อง เพื่อปิดปาก นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายวิทยา แก้วภราดัย, นายถาวร เสนเนียม อดีตนายตำรวจนักคิด-พ.ต.อ วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร .... ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจในการปฏิรูปตำรวจ ดังนั้นสังคม และประชาชน ดูจะไม่ได้ฝากความหวังไว้กับคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจที่มีพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน แต่อย่างใด ประชาชนต่างฟันธงว่า…ก็แค่เกมซื้อเวลา-ยื้ออำนาจต่อไปอีก!! ...
สุริยะใส กตะศิลา นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งทำเรื่องกา
ปฏิรูปประเทศในส่วนของภาคประชาชน กล่าวว่า บิ๊กตู่จะอยู่ยาว ไม่มีใครว่า สถานการณ์เลือกตั้ง ไม่อำนาย เพราะบ้านเมืองยังไม่สงบ ยังไม่เป็นที่วางใจ แต่สำคัญคือ ท่านต้องทำงานให้เป็นมรรคเป็นผล ไม่ใช่อยู่เพื่ออยู่ ..หรืออยู่แบบซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ
“การปฏิรูปก็มีแต่ คณะกรรมการ และคณะกรรมการ ตั้งมา ไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุด ไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม มีแต่งานเอกสาร เป็นวิทยานิพนธ์ปึกใหญ่ 11 เล่มเสร็จแล้วเก็บขึ้นหิ้ง เสียทั้งเงิน-ทั้งเวลา สร้างความผิดหวังให้กับประชาชน ครั้งแล้วครั้งเล่า...”
ส่งสัญญาณ บิ๊กตู่อยู่ยาว ...การเดินสายประชุมครม.สัญจรที่โคราช เมื่อวันที่ 21-22 สิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมกับจับเข่าคุยกับชาวบ้าไน เปิดเป้าพัฒนาอิสานให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยจังหวัดนครราชสีมา มุ่งเน้นให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านอุตสาหกรรมการเกษตร การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานสะอาด ผ่านโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน กทม.- นครราชสีมา มอเตอร์เวย์ โครงการอินเตอร์เนตหมู่บ้าน ยกระดับสินค้าผ้าไหม และผ้าย้อมคราม ... เข้าหาชาวบ้าน ประกาศ “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ….. ชื่นชมคนอิสานว่า น่ารัก “
ประชาชนโห่ร้องตะโกน “รักบิ๊กตู่ ..ๆ .” .. พร้อม เรียกร้องอยากให้ “บิ๊กตู่”เป็นนายกฯอีกสมัย ดังกระหึ่มทั่วภาคอิสาน....
ชาวบ้านเบิกบาน มีความสุข ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีอย่างเนืองแน่น ทุกย่างก้าวที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยี่ยมเยียน พร้อมแจกเอกสารสิทธิที่ดินทำกินให้ชาวบ้าน การเดินสายเที่ยวนี้ บิ๊กตู่ใช้วิธีการจับเข่าคุยกับชาวบ้าน ไม่ใช้รูปแบบการไปบรรยาย เล่าแต่ในสิ่งที่ตนเองอยากพูดอย่างเดียว เปิดใจรับฟังทุกข์ของชาวบ้าน สร้างความประทับใจให้ชาวบ้านได้มากกว่า ทำเอาคนอิสานยิ้มแก้มปริ
สรุป ครม. สัญจรโคราชเที่ยวนี้ รัฐบาล คสช. เอาใจคนอีสานสุด ๆ เทงบเกือบ 7 หมื่นล้านบาท มากสุดเป็นประวัติการณ์ พัฒนาโครงการขนาดใหญ่ มอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูง และการบริหารจัดการน้ำ
กรุงเทพโพลออกผลสำรวจล่าสุด 3 ปี ความนิยมรัฐบาล คสช. ลดลงทุกด้าน เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ได้คะแนนสอบผ่านแบบคาบเส้น โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพโพล ประเมินผลงาน 3 ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จากจำนวน 1,216 คน พบว่า คะแนนความพึงพอใจที่มีต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ได้คะแนนเฉลี่ย 5.27 จากคะแนนเต็ม 10 ด้านความมั่นคง ได้ 6.38 ด้านการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย 5.75 ด้านสังคม และคุณภาพชีวิต 5.30 ด้านต่างประเทศ 5.09 และด้านเศรษฐกิจ 3.85
สำหรับคะแนนความพึงพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพลเอกประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี พบว่า ได้คะแนนเฉลี่ย 7 จากคะแนนเต็ม 10 ถือว่าสอบผ่าน
ขณะที่โพล ของอดีตนายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ยี้ คสช. 3 ปี สอบตกทั้งการปฏิรูป และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จากเว้ปที่ให้คนร่วมโหวต 1,132 คน เมื่อวันที่ 20-21 สิงหาคม ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนร้อยละ 60.7 พอใจในผลงานด้านความสงบเรียบร้อย ร้อยละ 26.2 พอใจด้านการปราบปรามการทุจริต ร้อยละ 4.2 พอใจด้านการปฏิรูป และร้อยละ 0.2 พอใจผลงานด้านเศรษฐกิจ
สัมพันธ์ยังแนบแน่นกับ “บิ๊กป้อม” นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอวยพรพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 72 ปี เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม อยากให้บิ๊กป้อมอยู่กับท่านไปทั้งชาติ ให้หายจากการป่วยเดินไม่ได้ ชมเปาะ ท่านยังแข็งแรง ย้ำ “บิ๊กป้อม” ผูกพันทางจิตใจกันมานาน ตั้งแต่ปี 2519
การเมืองภายในยังไม่สงบ ยังไม่อาจวางใจได้ นักการเมืองดาหน้าออกมาเรียกร้องให้คสช. ปลดล็อคให้พรรคการเมืองสามารถประชุมเตรียมการเลือกตั้ง เพราะกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. สว และ กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ใกล้แล้วเสร็จ แต่รัฐบาลยังไม่อนุญาตประชุมพรรค พลเอกประวิตร รองนายกฯ ซึ่งดูแลด้านความมั่นคง น่าจะมีข้อมูลภายใน ถึงเหตุที่บ้านเมืองที่ยังไม่สงบ จึงยังไม่สามารถปลดล็อคให้ได้ “ผมสบายใจก่อน จึงจะปลดล็อคให้”
วันชี้ชะตาอดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” 25 สิงหาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำพิพากษาตัดสินคดีจำนำข้าว และคดีระบายข้าวจีทูจี ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และพวกอีก 28 คน เป็นจำเลย
การเมืองวันนั้นจะปั่นป่วนหรือไม่แค่ไหน ต้องจับตา เพราะฝ่ายยิ่งลักษณ์ ประกาศแล้วว่า จะมาฟังคำตัดสินของศาล ฯด้วยตนเอง จากการประเมินของฝ่ายความมั่นคง คาดว่า จะมีคนมาที่ศาล ฯ ประมาณ 3-4 พันคน ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ เตรียมกำลังไว้ 4,000 นาย เฮลิคอปเตอร์อีก 3 ลำ ดังนั้น ไม่ว่า คำตัดสินของศาล ฯ จะออกหัว หรือก้อย ยิ่งลักษณ์ จะติดคุก หรือไม่ หรือจะยกฟ้อง ฝ่ายยิ่งลักษณ์ ก็เอาไปเป็นประเด็นทางการเมืองหาประโยชน์ให้กับฝ่ายตนได้หมด ดังนั้นรัฐบาล และคสช. จึงต้องเฝ้าระวัง จะประมาทมิได้
“คาดว่าอุณหภูมิการเมืองปลายปี จะร้อนแรงมากขึ้น ทุกฝ่ายมีเดิมพันสูง ฝั่งทักษิณ ก็ทุ่มสุดฤทธ์ เพื่อช่วยน้องสาว ยิ่งลักษณ์ และมั่นใจว่า จะชนะเลือกตั้ง-กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ขณะที่ ฝั่ง คสช.ก็ต้องกระชับอำนาจ-เดินหน้าปฏิรูปวางรากฐานประเทศ เพื่อให้เห็นผลงาน เป็นรูปธรรม จาก 3 ปี ที่ล้มเหลว ไม่ได้รับการยอมรับ
สงครามแย่งชิงคะแนนนิยมจากประชาชนฝ่ายกลาง ๆ จะเข้มข้นยิ่ง ขณะที่สถานการณ์โลก ก็คุกรุ่นรุนแรง ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-โซเวียต-จีน ก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามหลายระดับ จึงถือเป็นโค้งอันตรายอีกครั้งของประเทศ ที่ประชาชนเราต้องศึกษา-ติดตามและช่วยกันปกบ้านป้องเมืองให้ฝ่าย “ธรรมะ”ชนะ “อธรรม” ให้ประเทศชาติอยู่รอดปลอดภัย มั่นคง และประชาชนมีความสุข.
ปฏินันท์ สันติเมท
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี