คสช.แจ้งเอาผิด'พ.ต.อ.พาปูหนี'ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ วันจันทร์ ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560, 16.37 น.
6 พ.ย.60 พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการ ประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช.ให้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ คงอิทธิ รอง ผกก.สอบสวน สน.ปทุมวัน และ พล.ต.ต.ภัคพงษ์ เภตรา รอง ผบช.น.ในฐานะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (รอง ผบก.น.5) ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมาย คสช.ได้กล่าวหาว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม พา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราว แต่ไม่จับกุมตัวนำตัวไปฟังคำพิพากษา แต่กลับขับรถพาหลบหนี จึงแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
(ข่าว จากแนวหน้า เมื่อวานนี้ 6 พฤศจิกายน)
กรณีที่มีตำรวจ 3 นาย พานางสาวยิ่งลักษณ์ เดินทางไปอรัญประเทศ เพื่อให้เล็ดลอดเข้าไปยังกัมพูชาเพื่อที่จะหลบหนีการฟังคำพิพากษาศาลฎีกาดีละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ผ่านมา 2 เดือน เข้าเดือนที่ 3 แล้วครับ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียกตำรวจที่พานางสาวยิ่งลักษณ์หลบหนีมาสอบสวน หลังจากนั้นก็บอกว่า เอาผิดเรื่องพานางสาวยิ่งลักษณ์หนีไม่ได้ เพราะขณะที่ตำรวจพานางสาวยิ่งลักษณ์ไปอรัญประเทศ ชายแดนไทย/กัมพูชานั้น ศาลยังไม่ได้ออกหมายจับนางสาวยิ่งลักษณ์
ศาลมาออกหมายจับเอาเมื่อวันที่ 25 กันยายน หลังจากที่ทนายความแจ้งว่า นางสาวยิ่งลักษณ์มาฟังคำพิพากษาไม่ได้ เพราะป่วย น้ำในหูของนางไม่เท่ากัน ทำให้เสียการทรงตัว
ศาลไม่เชื่อ
นางสาวยิ่งลักษณ์หนีไปแล้ว ไปตั้งแต่ค่ำวันที่ 23 กันยายน
นางหนีไปรักษาหู !
ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ คนช. ระดับชั้นผู้ใหญ่ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตำรวจที่พานางไปอรัญประเทศไม่ผิด เพราะก่อนวันที่ 25 กันยายน คือก่อนที่ศาลจะออกหมายจับ นางมีอิสระเสรี จะเดินทางไปไหนในประเทศไทยก็ได้ ถ้าตำรวจจะผิด ก็ผิดตรงที่ใช้ทะเบียนรถปลอม
มีผู้รู้ ทั้งที่เป็นนักกฎหมาย นักวิชาการ ออกมาคัดค้านว่า ตำรวจ 3 นายที่พานางสาวยิ่งลักษณ์ไปอรัญประเทศนั้นผิดแน่นอน เพราะต้องรู้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นจำเลยในคดีละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ทำให้เกิดการทุจริต ต้องไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันที่ 25 กันยายน นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี
มิใช่ อีเอ๋อธรรมดาที่ไม่รู้ไม่ชี้ ตำรวจ 3 นายจะไม่รู้เป็นไปไม่ได้ ซ้ำลักษณะการเดินทางที่ต้องปลอมทะเบียนรถ ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์หรือก็เอาผ้าอนามัยปิดปาก ปิดบังโฉมหน้าเอาไว้
นี่มันคือพาหนี แน่นอน
สำนักงานตำรวจฯ ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และเอารถที่พานางสาวยิ่งลักษณ์หนี ไปตรวจดีเอนเอ
ตำรวจทั้งสามกลับคำให้การที่เคยให้การไว้กับทหารพระธรรมนูญว่า หญิงที่ตำรวจพาไปอรัญประเทศไม่ใช่นางสาวยิ่งลักษณ์
เป็นใคร ในคำแถลงข่าวของรองผู้บัญชาการตำรวจไม่ได้บอก
นี่แสดงว่า โรคเอ๋อไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง หากแต่ลุกลามมาถึงตำรวจระดับรองผู้บัญชาการด้วย
มันแยกไม่ออกระหว่างหญิงทั่วไป กับผู้หญิงเอ๋อๆที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศนี้
แต่ก็สอดคล้องกับผลตรวจดีเอนเอในรถ ที่กองพิสจน์หลักฐานจนปัญญา แยกไม่ออกว่า มีดีเอนเอใครบ้าง เพราะมันปนเปกันไปหมด
ตำรวจทั้ง 3 นายที่พานางสาวยิ่งลักษณ์ไปอรัญประเทศจะรอดอยู่แล้ว
ประชาชนทั้งประเทศก็ ทำใจแล้ว ได้แต่ครงในใจว่า "กูว่าแล้ว คดีนี้ มันต้องจบอย่างนี้ !"
ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า ฝ่ายกฎหมายของ คสช. ท่านจะตบหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อย่างนี้ เหมาะเหม็งอย่างนี้
ต้องคอยดูว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะรู้สึกรู้สาไหม ?
สะใจดีแท้
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี