สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภายใต้เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ 60 แห่ง และภาคีเครือข่าย จัดงานประชุมเชิงปฏิบัติการมุ่งสู่ “สูงวัยสร้างเมือง”พร้อมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงเครือข่ายสูงวัยสร้างเมือง ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
ด้วยมองเห็นแนวโน้มว่า ประชากรไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัย”ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่าประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 และจะเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอดในปี 2574 ดังนั้นหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ จึงต้องเตรียมความพร้อมรับมือเพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
นางสาวดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สสส.กล่าวว่า สสส. และเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 2,618 แห่ง ได้มีการสำรวจจำนวนผู้สูงวัยในพื้นที่ เพื่อรายงานผลเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลเชิงลึกในการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือดูแลผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพ ดังนั้นเพื่อเป็นการรับมือกับสถานที่จะเกิดขึ้น คณะทำงานจึงหาแนวทางดำเนินงานเพื่อพัฒนาให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเอื้อต่อการดำรงชีวิตที่ยืนนาน โดยกำหนดยุทธศาสตร์หลัก “5 อ. 5 ก.” โดย 5 อ. แรกประกอบด้วย 1.การส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ2.อาหารสำหรับผู้สูงอายุ 3.การส่งเสริมการออกกำลังกายผู้สูงอายุ 4.การออมเพื่อผู้สูงอายุ 5.อาสาสร้างเมือง และ5ก. คือ 1.การป้องกันและลดอุบัติเหตุ2.การตั้งและการพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ 3.การพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ 4.การดูแลอย่างต่อเนื่อง และ 5.การบริการกายอุปกรณ์ ซึ่งทั้ง 10 ประเด็นนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการ “สร้าง 10 ให้กระทบ 100” เพื่อใช้สร้างแรงขับเคลื่อนพลังผู้สูงวัยสร้างเมือง
ความวิตกกังวลในเรื่องของสภาวการณ์เป็น “สังคมผู้สูงอายุ”อาจจะมีอีกหลายคน ยังไม่กระจ่างชัดว่า สภาวการณ์นี้จะ “เป็นภาระให้กับสังคม” ได้อย่างไร???
คุณนัยนา ศรีเลิศ ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม องค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้ข้อมูลว่า จากผลสำรวจจำนวนผู้สูงวัยในตำบลคอรุม พบว่ามีจำนวนผู้สูงอายุ ร้อยละ 20 และอีกร้อยละ 4 มีสภาวะต้องได้รับการช่วยเหลือ จากปัญหานี้ จึงต้องเกิดกระบวนการสร้างกิจกรรมให้กับผู้สูงวัย เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพของคนในชุมชน และเพื่อสุขภาวะที่ดีและสุขภาพจิตที่ดีของผู้สูงอายุในชุมชน
คุณณัฐพงษ์ คำแดง นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ/รักษาผู้อำนวยการกองสวัสดิการ องค์การบริหารส่วนตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า ปัจจุบันในชุมชนมีจำนวนผู้สูงอายุ 934 คน แบ่งออกเป็น ผู้สูงอายุติดเตียงจำนวน 17 คน ติดบ้านจำนวน 103 คน ติดสังคมจำนวน 814 คน ที่ อสม. และศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุให้ความช่วยเหลือดูแลอยู่ โดยผู้ป่วยติดเตียงจะมีหน่วยงานเคลื่อนที่เร็ว คอยดูแล และผู้สูงอายุที่ติดบ้านได้รับการช่วยเหลือจาก อสม. ให้การดูแล
สำหรับรูปแบบของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชนจะมุ่งแก้ปัญหาเป็นเรื่องๆ ไป อย่างที่องค์การบริหารส่วนตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เน้นในเรื่องของการออม โดยร่วมกับธนาคารให้ผู้สูงอายุที่ต้องการเปิดบัญชี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ อีกทั้งยังให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นในการออมมากขึ้น ผู้สูงอายุบางรายได้รับเบี้ยยังชีพและใช้เงินหมดภายในวันเดียว ทำให้ไม่เหลือเก็บ เป็นปัญหาหนี้สินตามมา การออมครั้งนี้สร้างแรงจูงใจด้วยวิธีการจัดตั้งธนาคารความดีขึ้น ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วม ส่งผลให้ภายในหนึ่งเดือน มีการออม ราว 200,000 บาท และเป็นเป้าหมายอันดีจะยกระดับคุณภาพผู้สูงอายุในชุมชนต่อไป
ส่วนที่ องค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มีการจัดตั้ง เป็นโรงเรียนผู้สูงอายุขึ้น ระบบการทำงาน มีการจำแนกออกเป็น 3 ระดับคือ ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ระดับต้นน้ำมีวิธีการดำเนินงาน คือ จะเริ่มจากกลุ่มคนที่จะเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ซึ่งจะได้รับการดูแลจาก อสม.ร่วมกับกองสาธารณสุข และอบต.ของหมู่บ้าน โดยการอบรมให้ความรู้เพื่อการเตรียมตัวเข้าสู่การเป็นผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพและดูแลตนเองได้ระดับกลางน้ำ จะเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ดำเนินงานโดยการจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุขึ้น เกิดการรวมตัวทำกิจกรรม เพื่อสุขภาวะที่ดีและสุขภาพจิตที่ดีของผู้สูงอายุในชุมชน ส่วนระดับปลายน้ำคือ กลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ในสภาวะติดบ้าน ติดเตียง ไร้ที่พึ่งพิง ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ เป็นการให้ความรู้กลุ่มเฉพาะที่ต้องได้รับการฟื้นฟูด้านสุขภาพจิต
ปัญหาในเรื่องของสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของท้องถิ่นและการดำรงชีวิตดังนั้นความช่วยเหลือดูแลให้เกิดมีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของคนในท้องถิ่นและการให้ความสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ที่จะร่วมมือกันสร้างพลังความเข้มแข็งให้กับผู้สูงอายุในแต่ละชุมชน เพื่อเปลี่ยนความชราภาพให้กลับมามีคุณภาพอีกครั้งอันจะส่งผลให้ประเทศชาติเดินหน้าในการพัฒนาต่อไป
ขับเคลื่อนพลัง‘สูงวัยสร้างเมือง’อย่างยั่งยืน
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี