เราเคยได้ยินมาหลายครั้งหลายคราแล้วที่ ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก (สำนัก 1) ออกมาบอกทั้งเป็นการส่วนตัว และให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า การออกกฎหมายมากำกับเพื่อลดการสูบบุหรี่อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องเร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อคนในชุมชนท้องถิ่น ให้รู้ถึงโทษภัยของบุหรี่ โดยมุ่งเป้าไปในแง่ของการป้องกัน ไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ ลดจำนวนนักสูบหน้าเก่าให้เลิกสูบบุหรี่อย่างถาวรได้ และไม่กลับไปเป็นทาสของบุหรี่ได้อีก
และเนื่องในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 31 พ.ค. ของทุกปีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อออกแบบการรณรงค์และขับเคลื่อนกิจกรรม “เลิกสูบ ก็เจอสุข5 วิถี ปลอดบุหรี่โดยชุมชนท้องถิ่น” โดยในปีนี้ส่วนกลางรณรงค์ในประเด็น “บุหรี่ตัวร้ายทำลายหัวใจ” ขณะที่ชุมชนมีกิจกรรมการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กลยุทธ์การรณรงค์ “เลิกสูบ ก็เจอสุข” เพื่อทบทวนและออกแบบกิจกรรมการรณรงค์การควบคุมยาสูบในพื้นที่เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ใช้ในการพัฒนากลไกการรณรงค์ในระดับพื้นที่
นางสาวดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. กล่าวว่า การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กลยุทธ์การรณรงค์ “เลิกสูบ ก็เจอสุข” ครั้งนี้ผ่านการออกแบบกิจกรรมการรณรงค์ควบคุมยาสูบในส่วนท้องถิ่น เพื่อใช้เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อน 5 วิถีปลอดบุหรี่โดยชุมชนท้องถิ่นด้วยการปฏิบัติดังนี้ 1.การสร้างบุคคต้นแบบ 2.การเพิ่มพื้นที่ปลอดบุหรี่ให้มากขึ้น 3.เพิ่มกฎกติกาทางสังคมให้เข้มงวด 4.จัดตั้งคลินิกในโครงการเลิกสูบบุหรี่ เช่น การนวดกดจุดที่สามารถทำให้เลิกบุหรี่ได้ และ 5.มีการบังคับใช้กฎหมายยาสูบลงลึกในพื้นที่อย่างจริงจัง ตรงไปตรงมา จากข้อมูลการควบคุมการบริโภคยาสูบ (ระดับครัวเรือน) พบว่า มีจำนวนผู้สูบบุหรี่ ทั้งหมด 252,737 ครัวเรือนและมีผู้สูบบุหรี่รายได้ ต่ำกว่า 40,000 บาท/ปี ถึง 835,474 ครัวเรือน ในการทำงานจึงต้องเน้นการมีส่วนร่วมในการแก้ไข ซึ่งเป็นการเดินร่วมกันกับ สสส. และภาคีเครือข่าย เพื่อช่วยผลักดันให้ท้องถิ่นชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดแรงกระเพื่อมไปถึงผู้ที่สูบบุหรี่ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากบุหรี่
สำหรับแนวทางการควบคุมการบริโภคยาสูบในระดับสากลและประเทศไทย มีการปฏิบัติดังนี้ 1.ติดตามสถานการณ์ 2.ปกป้องผู้ไม่สูบ 3.ให้ความช่วยเหลือเพื่อเลิกสูบบุหรี่ 4.เตือนให้เห็นถึงพิษภัย5.บังคับใช้กฎหมาย การห้ามโฆษณาส่งเสริมการขายและให้ทุนอุปถัมภ์ และ 6.มีการขึ้นภาษีสินค้าบุหรี่ ดังนั้นการขับเคลื่อนในพื้นที่ชุมชนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป้าหมายของ สสส. คือ การลดจำนวนนักสูบหน้าเก่า ป้องกันไม่ให้มีนักสูบหน้าใหม่เกิดขึ้น ชวนให้เลิก ใช้การรณรงค์ให้ความรู้ตระหนักถึงโทษของบุหรี่ เช่น โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่ว รวมถึงส่งเสริมพื้นที่ปลอดควันบุหรี่ในพื้นที่ อย่างโครงการเรือนจำปลอดควันบุหรี่ซึ่งขับเคลื่อนโดยภาคีเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใกล้บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร (อสส. กทม.) โรงพยาบาลในสังกัด กทม. และ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ และเน้นย้ำว่าในการรณรงค์การเลิกสูบบุหรี่นั้นผู้รณรงค์จำเป็นต้องเข้าใจเหตุผลและแรงจูงใจในการเลิกสูบบุหรี่อย่างถูกต้อง เพื่อจะช่วยให้ผู้สูบเลิกได้อย่างถูกวิธีซึ่งกลยุทธ์ทุกอย่างดังกล่าว สสส.พยายามที่จะสกัดกั้นนักสูบหน้าใหม่ โดยเพิ่มกลไกเครือข่ายอีกหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ เรียกว่า สสส. ก้าวล้ำหน้าสากล เขาไปหนึ่งก้าวแล้ว ว่างั้นเถอะ
นอกจากนี้ นางสาวดวงพร ยังได้เปิดเผยรายละเอียดของ โปรแกรม TCNAP ให้ทราบว่าโปรแกรมนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้การจัดเก็บข้อมูลเป็นระบบฐานข้อมูลที่ได้กำหนดรูปแบบในการบันทึกข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล โดยให้แต่ละพื้นที่สามารถดำเนินการได้เองผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เนต นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจทั้งในส่วนของประชาชน (อปท.) ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานพัฒนานโยบาย สามารถเข้าไปเรียนรู้ข้อมูล เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ตามเป้าหมายที่ต้องการได้ ภายใต้โครงการเสริมพลังการขับเคลื่อนตำบลสุขภาวะร่วมกับการขับเคลื่อนนโยบายแก้วิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านการพัฒนาข้อมูลระบบนี้
ซึ่งในการทำงานควรเน้นการวิเคราะห์ปรับใช้ให้เข้ากับชุมชน การ ลด ละ เลิก บุหรี่ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย แต่ก็ต้องทำเพื่อลดปัญหาการสูบบุหรี่ให้หมดไป
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี