ต่อตระกูล: ใกล้สิ้นปี 2560 แล้ว ปีนี้มีเทรนด์ใหม่มาแรง คือ การที่หลายหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจและเอกชน ออกมาประกาศงดรับของขวัญปีใหม่เพื่อเป็นการสกัดต้นตอของการทุจริต โดยล่าสุดมีหน่วยงานที่ร่วมแนวทางนี้แล้วได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข,กระทรวงการคลัง,กระทรวงพลังงาน,กระทรวงการท่องเที่ยว,สำนักงานอัยการสูงสุด,ไปรษณีย์ไทย,ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(SME Bank), ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GH Bank), องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.),บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน),บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank), ธนาคารไทยพาณิชย์,ธนาคารออมสิน, บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน), สถานีโทรทัศน์ช่อง 7, บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่่อาศัย (บตท.), และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
การร่วมใจกันประกาศออกมาเช่นนี้ ทำให้ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT และคนที่ทำงานในวงการต่อต้านกับคอร์รัปชันดีใจกันมาก เพราะเหตุการณ์นี้แสดงว่า นอกจากคนไทยจะเริ่มตื่นรู้เรื่องการภัยของการคอร์รัปชันแล้ว ยังรู้ว่า ต้องทำอะไรเพื่อป้องกันที่ต้นเหตุบ้าง และกล้าลงมือทำจริงด้วย
เทรนด์ใหม่ดีๆ เช่นนี้ ต้องชื่นชมผู้นำองค์กรคนแรกที่ประกาศแนวทางนี้ออกมา คือ ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่นำเทรนด์ออกประกาศอย่างเป็นทางการเรื่อง “การรับและการให้ของขวัญแก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือผู้บังคับบัญชาในเทศกาลปีใหม่ 2561” โดยนักข่าวยกให้ว่า เป็นการประกาศที่ชัดเจนและเอาจริงในขั้นปฏิบัติ เพราะมีแจ้งด้วยว่า ถ้าใครฝ่าฝืนประกาศนี้จะเอาผิดวินัยทั้งคนให้และคนรับ โดย นพ.ปิยะสกล อ้างอิงคำสั่งนี้จากนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่ครั้งเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2540 ที่ “ให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยงดการให้ของขวัญแก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชาหรือสมาชิกในครอบครัวของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อเสริมสร้างค่านิยมให้เกิดการประหยัด”
นอกจากนี้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ ยังได้ให้คำแนะนำว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไรในโอกาสจะไปอวยพรวันปีใหม่ต่อผู้บังคับบัญชาว่าให้ “เปลี่ยนมาให้บัตรอวยพรในการแสดงความยินดี หรือสมุดลงนามเพื่อแสดงความยินดีแทน รวมทั้งยังห้ามเรี่ยไรเพื่อจัดหาของขวัญให้เป็นอันขาด”
ด้านกระทรวงการคลังก็ประกาศตามออกมาติดๆโดยใช้วิธีขอความร่วมมือซึ่งนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังออกหนังสือเวียนขอความร่วมมือในการงดให้และรับของขวัญแก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือผู้บังคับบัญชาในเทศกาลปีใหม่ พุทธศักราช 2561 อ้างถึงโครงการ “กระทรวงการคลังคุณธรรม โปร่งใส ไร้ทุจริต”ที่มีวัตถุประสงค์จะให้บุคลากรปฏิบัติหน้าที่ราชการซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากการคอร์รัปชัน
สำหรับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ใช้วิธีประกาศขอความร่วมมืองดเว้นการให้ของขวัญทุกประเภทแก่ผู้บริหารและพนักงานของตลท.และบริษัทในเครือในช่วงเทศกาล
ปีใหม่ ซึ่งเป็นการใช้นโยบายงดของขวัญเป็นปีที่ 4 แล้ว
ต่อภัสสร์ : จะชื่นชมแนวทางเช่นนี้ได้ เราควรจะต้องเข้าใจก่อนว่า ทำไมถึงเหมาะสม ถ้าให้อธิบายสั้นๆ ก็คือ การให้ของขวัญปีใหม่ แม้เป็นวัฒนธรรมที่งดงามที่คนไทยเราปฏิบัติมานาน
ซึ่งแสดงถึงความเคารพ กตัญญู และความผูกพันกัน แต่ในหลายๆ กรณี อาจเป็นการสร้างโอกาสในการทุจริต จากการเป็นหนี้บุญคุณหรือการมีความสัมพันธ์เหนือผู้อื่น ดังนั้น สำหรับหน่วยงานรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรผลประโยชน์สาธารณะหรือสามารถให้คุณให้โทษอย่างมากต่อผู้ใดผู้หนึ่ง การป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นแนวทางที่เหมาะสม และหากต้องการแสดงความเคารพ กตัญญู หรือความผูกพัน ก็สามารถทำได้โดยให้บัตรอวยพร หรือส่งข้อความให้ผ่านทางช่องทางต่างๆ เป็นของขวัญที่มีมูลค่าทางจิตใจมากกว่าทางเงิน
ต่อตระกูล:อีกประเด็นหนึ่งคือ ความจริงการผลักดันเรื่องงดของขวัญในหน่วยราชการ ระหว่างข้าราชการชั้นผู้น้อยกับผู้บังคับบัญชา และระหว่างพ่อค้านักธุรกิจกับข้าราชการนั้น มีมานานแล้ว แต่มิได้เกิดผลในวงกว้างเท่าที่เกิดขึ้นใน 2-3 ปีที่ผ่านมา และไม่เป็นเทรนด์เหมือนในปีนี้ เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ความร่วมมือสมัครใจที่มาจากจิตสำนึกของคนนั้นสำคัญมากกว่ากฎหมายหรือคำสั่งใดๆ ตัวอย่างกฎระเบียบที่มีมานานนี้แล้วเช่น มติคณะรัฐมนตรี“ให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยงดการให้ของขวัญแก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่”มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 และเรายังมี “ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2544” อีกฉบับที่มีความยาวถึง 7 หน้าสั่งการไว้ละเอียดชัดเจนยังไม่รวมว่าเรามีกฎหมาย ป.ป.ช.กำหนดมูลค่าของขวัญว่าต้องไม่เกิน 3,000 บาทและมีกำหนดว่าจะให้ของขวัญได้และให้ไม่ได้ในโอกาสใดบ้างพร้อมคำอธิบายอย่างละเอียด รวมไปถึง“แนวทางการดำเนินการตามประมวล จริยธรรมข้าราชการพลเรือน กรณีการเรี่ยไร การให้หรือรับของขวัญหรือประโยชน์อื่นใด” ของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.)ด้วย
ต่อภัสสร์: เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับว่า จิตสำนึกของผู้มีอำนาจนั้นสำคัญกว่ากฎหมายหรือบทลงโทษ ดังนั้นการที่วันนี้เราได้เห็นตัวอย่างการผลักดันเรื่องงดไม่รับของขวัญเหล่านี้ จึงเป็นสัญญาณที่ดีว่า คนไทยพร้อมแล้วที่จะตื่นรู้สู้โกงอย่างจริงจัง และเมื่อหน่วยงานจำนวนมากประกาศไม่รับของขวัญปีใหม่เช่นนี้แล้ว พวกเราก็ควรชื่นชมและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผลจริงในการลดโอกาสการเกิดคอร์รัปชัน ให้ปีหน้าและปีต่อๆ ไป เป็นปีที่มีความหวังสำหรับคนไทยและเป็นปีที่ดีขึ้นสำหรับลูกหลานเราต่อไปครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี