หลังจากที่ขบวนการสุมไฟป่วนเมืองที่ชักใยใช้กลุ่มอยากเลือกตั้งที่นำโดยนายรังสิมันต์ โรม และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” เป็นหัวหอกในการเคลื่อนไหวเดินแผนหวังปลุกกระแส “14 ตุลาฯโมเดล” มาหลายครั้งแต่ล้มเหลวเพราะจุดไม่ติดมหาชนไม่ให้ความสนใจ ล่าสุดในการชุมนุมแสดงพลังของขบวนการหน้าเดิมราว 200 คน ทั้งกลุ่มอยากเลือกตั้งและกลุ่มไอลอร์ที่นำโดยนายจอน อึ๊งภากรณ์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ภายใต้หัวข้อรวมพลังถอนรากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรากฏว่า “จ่านิว” ประกาศยกระดับการเคลื่อนไหวด้วยการนัดชาวอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ออกมาแสดงพลังในวันที่ 18 มี.ค.นี้ จากนั้นนัดพลังประชาชนไล่คสช.ครั้งใหญ่ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
การที่ขบวนการหน้าเดิมพยายามสุมไฟป่วนเมืองตามแผน “14 ตุลาฯโมเดล” หลายครั้งทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด แต่จุดไม่ติดมีคนออกมาร่วมชุมนุมซึ่งล้วนแต่เป็นพวกเดียวกันเองแค่หยิบมือ เพราะมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศรู้เท่าทันดีว่าขบวนการหน้าเดิมกลุ่มนี้มีเบื้องหลังอย่างไร ต่อสู้เพื่อใครและเพื่ออะไร
ขบวนการหวังปลุกม็อบไล่คสช.ครั้งนี้ถือเป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนมุ่งล้มอำนาจรัฐซึ่งนอกจากเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคสช.และกฎหมายด้านความมั่นคงหลายฉบับ ด้วยการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องระส่ำระสายในบ้านเมืองแล้ว ที่สำคัญหมิ่นเหม่เข้าข่ายความผิดร้ายแรงนั่นคือข้อหา “กบฏ”
ขบวนการป่วนเมืองหน้าเดิมเมื่อล้มเหลวในแผน “14 ตุลาฯโมเดล” เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศรู้ทันไม่เอาด้วย ก็เลยใช้ลูกไม้เก่าๆพยายามหาเรื่องสถานการณ์ยั่วยุให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่จับกุมเพื่อจะได้ใช้เป็นข้ออ้างว่าฝ่ายประชาธิปไตยกำลังถูกเผด็จการจากการรัฐประหารคุกคามทำลายเพื่อเป็นหัวเชื้อสุมไฟในการปลุกระดมให้เกิดการลุกฮือทั้งในประเทศและลุกลาม
บานปลายจนเกิดกระแสโลกล้อมไทย
สำหรับขบวนการที่ให้ท้ายกลุ่มที่กำลังสุมไฟป่วนเมืองที่ชัดเจนคือ พรรคเพื่อแม้วที่บรรดาแกนนำและอดีตสส.ต่างออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะ นายวัฒนา เมืองสุข
และอีกบุคคลหนึ่งที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นตัวการสำคัญที่หนุนหลังขบวนการสุมไฟป่วนเมืองก็คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ฉายา “ไพร่หมื่นล้าน” ที่ล่าสุดโพสต์เฟซบุ๊คให้กำลังใจขบวนการไล่คสช.ที่นัดชุมนุมใหญ่ที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยระบุในเฟซบุ๊คว่า“หยุดการสืบทอดอำนาจคสช. ทหารต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ชื่นชมและให้กำลังใจผู้จัดงาน ผู้ไปร่วมงานรวมพลังถอนรากคสช. ขอปรารถนาเราที่หวังสมดังจำนง รบทัพจับศึกทุกที่ที่รณรงค์ ขอจงมีชัย”
แต่ที่น่ากลัวและเป็นสัญญาณอันตรายกว่าความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้นทุกขณะของขบวนการที่คิดล้มอำนาจรัฐคสช.ก็คือขบวนการที่มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศและเป็นภัยต่อสถาบันเบื้องสูงซึ่งจะเป็นชนวนสร้างความแตกแยกในชาติอย่างลึกซึ้งรุนแรงในอนาคต ซึ่งสัญญาณอันตรายดังกล่าวสะท้อนจากความเห็นของ พล.ต.หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” ที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวมีใจความบางตอนสรุปได้ว่า “......ผมรู้ว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่ง พรรคหนึ่งหรือสองพรรคที่อยากเปลี่ยนแปลงพระราชอาณาจักรนี้ให้เป็นสาธารณรัฐหรือสหพันธรัฐ การปรากฏขึ้นต่อสาธารณะของคนรุ่นใหม่และจินตนาการทางการเมืองใหม่ที่มุ่งสู่อนาคตใหม่ของพวกคนรุ่นใหม่หรืออาจจะเรียกได้ว่าพวกคางคกอยากกินเนื้อหงส์(ใครก็ได้) ถ้าได้ร่วมกับพรรคใหญ่พรรคหนึ่งย่อมมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ.....เป้าหมายแรกคือ การเสนอยกเลิกมาตรา 112 การเสนอยกเลิกมาตรา 112 เป็นกระบวนการแรกเท่านั้น ถ้าสามารถยกเลิกมาตรา 112 ได้หรือเริ่มมีมวลชนคนไม่เอาสถาบันหรือใช้เงินจัดจ้างนักวิชาการ (แดงหัวเอียงซ้าย) อาจารย์ รวมถึงนักวิชาการขายตัวบางคน นักสื่อสารมวลชน ฯลฯ เพื่อปลุกระดมความเกลียดชัง บดบังสติปัญญาของมวลชนคนในสังคมที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยกล่าวเท็จใส่ความต่อสถาบันเพื่อให้พวกเหล่านั้นที่ขายตัว ขายชาติ รวมถึงประชาชนผู้หลงผิดหรือรับอามิสสินจ้างมาสนับสนุน การยกเลิกมาตรา 112 เมื่อมีมวลชนเข้ามาร่วมมากขึ้น พวกเขาเหล่านั้นก็จะสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนในพระราชอาณาจักรนี้เริ่มที่จะไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะเห็นว่าล้าหลังไม่เป็นประชาธิปไตยตามที่พวกเขาวางแนวคิดไว้......”
ส่วนพรรคไหนกลุ่มไหนอยู่เบื้องหลังขบวนการ “คางคกอยากกินเนื้อหงส์” ให้ดูพฤติกรรมในอดีตและจับตาความเคลื่อนไหวของขบวนการกลุ่นนี้ในอนาคตให้ดี
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี