ช่วงนี้การเมืองคุกรุ่นร้อนแรงทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น โดยในระดับชาติก็คือการออกมาแสดงท่าทีส่อที่จะบอยคอตต์ไม่ร่วมการหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ
และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กับตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคของพรรคเพื่อแม้ว ส่วนในระดับท้องถิ่นก็คือปมร้อนแรงกรณีหนังสือเชิญหน่วยราชการต่างๆ มาประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะไปตรวจราชการที่จ.ขอนแก่นซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวสีแดงเข้มที่ใช้หัวข้อในหนังสือว่า “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” จนกลายเชื้อไฟสร้างความไม่พอใจแก่ชาวขอนแก่นเป็นอย่างมาก
ในกรณีการหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคนั้นความจริงเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้ผู้นำรัฐจัดประชุมหารือกับตัวแทนพรรคการเมืองหลังจาก
ที่ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้แล้วซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงเดือนมิ.ย.หรือหลังจากนั้นไม่นานนัก ขึ้นอยู่กับว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในบางประเด็นที่ถูกมองว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดเร็วหรือช้า
ประเด็นสำคัญของการหารือจึงไม่ใช่เรื่องการสร้างความปรองดองอย่างที่เป็นข่าว แต่เป็นเรื่องการหาแนวทางเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อยและการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ส่วนจะมีการหารือในเรื่องอื่นๆ เป็นวาระจรด้วยหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ที่ประชุม แต่กลับปรากฏว่าเหล่าแกนนำพรรคเพื่อแม้วดาหน้าออกมาประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมการประชุมกับ พล.อ.ประยุทธ์
นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อแม้ว กล่าวว่าไม่ใช้หน้าที่กงการอะไรของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเรียกประชุมหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคเพื่อสร้างความปรองดอง และป่วยการที่พรรคการเมืองจะไปร่วมประชุมด้วยเพราะคงไม่สามารถทำให้เกิดความปรองดอง
นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อแม้ว กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าการประชุมเพื่อสลายความขัดแย้งและเดินหน้าไปด้วยกันมันสวนทางกับคำพูดตัวเอง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไปพูดในต่างประเทศยังเหน็บแนมคนที่หนีคดีไปต่างประเทศ อย่างนี้หรือจะปรองดอง จากคำพูดของ นายสมคิด เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าพรรคเพื่อแม้วยังไม่ก้าวข้าม นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องตระกูลชิน และสองอดีตนายกฯนักโทษหนีคุก หากพรรคเพื่อแม้วบอยคอตต์ไม่ร่วมประชุมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เท่ากับปฏิเสธการสร้างบรรยากาศที่สร้างสรรค์ก่อนไปสู่การเลือกตั้ง
มาทางด้านกรณีพิษเอกสารข้อความ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” ของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งแม้ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายสุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นางพรทิพย์ ขำชื่น หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้ร่างหนังสือจะออกมาแถลงข่าวขอโทษชาวขอนแก่น และล่าสุดถึงขนาด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ออกมากล่าวคำขอโทษด้วยตัวเอง พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งสถานการณ์น่าจะคลี่คลาย
แต่ล่าสุด นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมือง และเครือข่ายภาคประชาชนในจ.ขอนแก่นได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่นเรียกร้องให้ย้ายผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯและ นางพรทิพย์ ออกจากพื้นที่เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายซึ่งเรื่องนี้ต้องมีคำตอบเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง จะเงียบหายไม่ได้ พร้อมทั้งชี้ว่า การที่ทีมผู้ว่าฯอ้างในการแถลงข่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องความผิดพลาดและเลินเล่อนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะเอกสารสำคัญของทางราชการจะต้องมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความที่เป็นการดูถูกเหยียดหยามชาวขอนแก่นอย่างชัดเจน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงถือเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับอำนาจรัฐคสช.ที่ต้องระวังถูกวางยาและทันเกมการสุมไฟให้สถานการณ์บานปลายซึ่งอาจส่งผลต่ออำนาจรัฐทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี