หลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights : UNGP) เป็นแนวทางที่ องค์การสหประชาชาติ (UN) ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเอกชนในประเทศต่างๆ ปฏิบัติ ด้วยความที่ภาคเอกชนมีโอกาสก่อผลกระทบอย่างกว้างขวางหากประกอบกิจการอย่างไม่มีธรรมาภิบาล และต้องยอมรับว่าโลกปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก หากละเลย ก็อาจถูก “คว่ำบาตร” (Boycott) ไม่ค้าขายด้วย
ดังที่ ไทย ถูกกดดันจากทั้ง สหรัฐอเมริกา-สหภาพยุโรป (EU) “ลูกค้าหลัก” ที่สั่งซื้อสินค้า “อาหารทะเล” ให้แก้ไขปัญหา “การใช้แรงงานทาสบนเรือประมง-การทำประมงด้วยวิธีทำลายสิ่งแวดล้อม (Tier และ IUU)” จนรัฐบาลไทยต้องเร่งออกมาตรการหลายอย่างเพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ภาคธุรกิจสามารถลงมือทำเองได้ทันทีโดย
ไม่ต้องรอกฎหมายหรือคำสั่งจากภาครัฐ
สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอสรุปบางส่วนจากผลการศึกษาที่ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำร่วมกับกลุ่มธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ จ.ภูเก็ตจนเกิดเป็น “คู่มือประเมินผลสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านและรายการตรวจสอบของธุรกิจการโรงแรม” ที่อธิบายแนวทางตั้งแต่เริ่มต้นภายในองค์กรจนขยายความร่วมมือไปยังภาคส่วนอื่นๆ ดังนี้
“ขั้นประเมินความเสี่ยง” โดยดูจาก 4 ด้าน คือ 1.สิทธิด้านแรงงาน เช่น การจ้างแรงงานต้องไม่เป็นไปในลักษณะหลอกลวงหรือบังคับ ไม่ใช้นโยบายกดดันลูกจ้างให้ทำงานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือข่มขู่ไม่ให้รวมกลุ่มสหภาพแรงงาน ค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย รวมถึงประเด็นอื่นๆ เช่น ดูแลแรงงานจ้างเหมาอย่างไร? สภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นอย่างไร? หรือมีมาตรการป้องกันการถูกคุกคามทางเพศหรือไม่?
2.สิทธิในที่อยู่อาศัยและทำกิน เช่น เคยมีกรณีโรงแรมแห่งหนึ่งเกิดข้อพิพาทกับกลุ่มชาติพันธุ์ เนื่องจากกลุ่มชาติพันธุ์เข้าร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ ของรัฐว่าทางโรงแรมปิดกั้นการเข้าถึงที่ดินสาธารณะที่กลุ่มชาติพันธุ์ใช้จอดเรือประมงและเป็นสุสานบรรพชนมาหลายชั่วอายุคน หรือการก่อสร้างโรงแรมนั้นต้องโยกย้ายชุมชนออกจากพื้นที่หรือไม่? ถ้าจำเป็นมีมาตรการเยียวยาอย่างไร?
3.สิทธิในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เพียงต้องระมัดระวังการปล่อยมลพิษออกสู่ชุมชนภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้ทรัพยากร เช่น ใช้น้ำมากเกินไปจนชุมชนโดยรอบขาดแคลนน้ำด้วย และ 4.สิทธิของผู้ใช้บริการ เช่น มีการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเชื้อชาติ สีผิว เพศ ศาสนา ฯลฯ หรือไม่? มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าพักหรือไม่? อย่างไร?
ต่อมา “ขั้นออกแบบและพัฒนานโยบาย” จะมีมาตรการป้องกันและตรวจสอบอย่างไร? เช่น มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนรอบด้าน เพื่อหาแนวทางป้องกันหรือลดผลกระทบให้น้อยที่สุด รวมถึงช่องทางร้องเรียนและมาตรการแก้ไขหากเกิดเหตุขึ้น หรือผู้ประกอบการได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับความเชื่อถือในประเด็นสิทธิมนุษยชน เช่น กสม. หรือนักวิชาการ
ที่ศึกษาประเด็นสิทธิมนุษยชนมายาวนานและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ
จากนั้น “ขั้นนำไปปฏิบัติ” แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ1.การให้ความรู้ มีการจัดฝึกอบรมเพื่อปรับทัศนคติ สร้างความเข้าใจในประเด็นสิทธิมนุษยชนให้บุคลากร ซึ่งผู้ประกอบการหรือผู้บริหารสามารถหารือกับสหภาพแรงงานในฐานะตัวแทนพนักงานเพื่อสนับสนุนนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนขององค์กร รวมถึงทำรายงานสรุปเป็นการภายใน ในบางประเด็นที่องค์กรพบว่ามีความเสี่ยงมากเป็นพิเศษ
กับ 2.การสร้างกลไกความรับผิดชอบ เช่น แต่งตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ มีตัวชี้วัดผลงาน(KPI) ที่ชัดเจน รวมถึงระบบการให้รางวัลกับผู้ที่ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยให้ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนในองค์กร มิใช่เฉพาะแต่บุคคลหรือคณะกรรมการที่เป็นเจ้าภาพเท่านั้น รวมถึงผู้บริหารสูงสุด เช่น CEO หรือผู้จัดการใหญ่ในระดับพื้นที่ เช่น ผู้จัดการภาคต้องร่วมลงนามในรายงานกำกับดูแลด้านสิทธิมนุษยชนด้วย
และ “ขั้นขยายความร่วมมือไปยังผู้เกี่ยวข้อง” หลายกรณีที่บริษัทแม่ทำดีแล้ว แต่ต้องมัวหมองเพราะถูกตรวจสอบพบว่าบริษัทคู่ค้าหรือผู้รับเหมาช่วงที่ทำธุรกิจร่วมกันมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้น ต้องมองหาพันธมิตรหรือหุ้นส่วนธุรกิจที่มีศักยภาพและเต็มใจปฏิบัติตามหลักการด้านสิทธิมนุษยชนด้วย อนึ่ง..แม้คู่มือจะเน้นไปที่ธุรกิจโรงแรม แต่ธุรกิจอื่นๆ ก็สามารถนำไปใช้ได้ เพราะเรื่องของสิทธิหลักๆ ก็ไม่พ้น 4 ด้านข้างต้น
หากองค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดี ในระยะยาวทำธุรกิจกับใครย่อมได้รับความเชื่อถือเชื่อมั่น ดีกว่าทำผิดแล้ววันหนึ่งถูกจับได้ สังคมตำหนิประณาม “ลูกค้าหาย-กำไรหด” ไม่คุ้มแน่ๆ!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี