การต่อสู้กับคนโกงในระบอบทักษิณของมวลพลังประชาชนคนชั้นกลางและคนชั้นสูงในเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับกปปส. หรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยังไม่สิ้นสุดตราบใดที่ทักษิณยังคงหลบหนีคดีอาญาอยู่ในต่างประเทศหรือยังไม่หายไปจากโลกใบนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น.ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ อ.1805/2558ที่นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายอานนท์ นําภา อาชีพทนายความ กับพวกนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มพลเมืองโต้กลับ และกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ รวม 15 คน ที่เป็นที่ทราบกันว่าเป็นคนในระบอบทักษิณไม่ใช่ใครที่ไหน
ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.อ.ประจินจั่นตอง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ พล.อ.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีในความผิดความมั่นคงต่อรัฐฐานร่วมกันกบฏล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักรโดยใช้กำลังประทุษร้าย และสะสมกำลังพลหรืออาวุธหรือเป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 114
คดีนี้โจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2558 ศาลอาญาได้พิจารณาคำฟ้องประกอบข้อกฎหมายในชั้นตรวจรับคำฟ้องแล้ว เห็นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว 2557 ลงวันที่ 22 ก.ค. 2557 ได้บัญญัติยกเว้นความผิดและความรับผิดการกระทำทั้งหลายในการยึดอำนาจและการควบคุมอำนาจปกครองแผ่นดิน ของหัวหน้าคณะและ คสช. ไว้ จึงพ้นจากความรับผิดโดยสิ้นเชิง ศาลอาญา ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น จึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2558ไม่รับฟ้องคดีดังกล่าว
แต่บริวารทักษิณก็ยังดันทุรังไม่ยอมแพ้ได้ยื่นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติบัญญัติมาตรา 47 และ 48 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 เพื่อนิรโทษกรรมให้กับการทำรัฐประหารและการกระทำในรูปแบบต่างๆ นั้น เป็นการผิดระบบประชาธิปไตย และละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีสภาพเป็นกฎหมาย
โดยบริวารทักษิณได้อ้างว่าเนื่องจากกฎหมาย จะต้องมีสภาพเป็นข้อความคิดที่เชื่อมโยงและใช้ความยุติธรรม หรือเกิดขึ้นโดยปราศจากความยุติธรรมทางจิตวิญญาณ ความปรารถนาของสังคม จึงไม่สามารถอ้างมาตรา 47, 48 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อเป็นเหตุยกเว้นความผิด จึงชอบที่ศาลชั้นต้นชอบจะรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 162
ต่อมาศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2559 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในคดีอาญาที่ประชาชนเป็นโจทก์ศาลต้องไต่สวนมูลฟ้องเพื่อวินิจฉัยคดีก่อน ซึ่งวัตถุประสงค์ของการไต่สวนมูลฟ้องให้ศาลได้ไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์ในเบื้องต้นว่า โจทก์มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของจำเลยในชั้นพิจารณา แต่อย่างไรก็ตาม ในชั้นตรวจรับคำฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด คดีขาดอายุความจึงเห็นควรตามกฎหมายที่จำเลยไม่ต้องรับโทษจึงชอบที่จะมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้โดยไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้อง
ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 48 บัญญัติว่า การกระทำทั้งหลายเนื่องในการยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ของ คสช. จะไม่มีผลบังคับทางรัฐธรรมนูญ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ดังนั้น แม้จำเลยจะกระทำตามโจทก์บรรยายฟ้อง ย่อมทำให้จำเลยทั้งห้ากับพวกพ้นจากความผิดโดยสิ้นเชิง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ต่อมาบริวารทักษิณได้ยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิจารณาคำฟ้องและสั่งรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ต่อไป ซึ่งศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วที่โจทก์ฎีกาว่ามาตรา 47, 48 ของรัฐธรรมนูญ 2557 บัญญัติเพื่อนิรโทษกรรม คสช. เป็นการออกกฎหมายรับรองการกระทำความผิดนั้น
ศาลเห็นว่าสภาพของรัฐใดรัฐหนึ่งประกอบด้วยดินแดนที่แน่นอนประชาชนรัฐบาลและอำนาจอธิปไตย กฎหมายต้องใช้บังคับได้ แม้จะอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ชอบ แต่ต้องตีความกฎหมายให้เกิดผลบังคับใช้ได้ การยึดอำนาจในขณะนั้น คสช.ใช้อำนาจเป็นรัฏฐาธิปัตย์ แม้ว่าการได้มาซึ่งอำนาจจะไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย คณะทหารมีอำนาจในเชิงข้อเท็จจริงและรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 279 ก็ได้รับรองการกระทำของจำเลยทั้ง 5 จึงพ้นผิดโดยสิ้นเชิง
สาเหตุที่คณะทหารจำต้องก่อรัฐประหารล้มรัฐบาลระบอบทักษิณถึง 2 ครั้ง 2 คราวในวันที่ 19 กันยายน 2549 และวันที่ 22 พฤษภาคม2557 นั้นเป็นเพราะประชาชนชาวไทยอีกส่วนหนึ่งที่ทนไม่ไหวกับระบอบรัฐบาลขี้โกงต้องออกมาเรียกร้องให้ทักษิณลาออกรับผิดตามกระบวนการยุติธรรมเป็นการล้มอำนาจรัฐที่ขี้ฉ้อการรัฐประหารของทหารได้กระทำไปเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงเป็นการล้มรัฐบาลจอมโกง การรัฐประหารจึงเป็นความชอบธรรมตามที่คนไทยต้องการ
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี