คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตั้งแต่ฉบับปี 2540 จนถึงฉบับปี 2560 มีหน้าที่หลักเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มีการเลือกตั้งหรือการสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นรวมทั้งการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
เดิมผู้ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งในประเทศไทยทั้งหมดเป็นหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทำให้ถูกตำหนิว่าข้าราชการไม่เป็นกลางในที่สุดรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 จึงได้มีบทบัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญทำหน้าที่หลักในการดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้งเป็นการเฉพาะยังผลให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 20 ถึง 24 มีความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมาย กกต.ได้กำหนดให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง
กกต.ต้องไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไร หรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด และไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด
รายนามคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดที่หนึ่งถึงชุดที่สี่มีดังนี้คือ ชุดที่หนึ่ง ดำรงตำแหน่งในวันที่ 27 พ.ย. 2540 ถึงวันที่ 26 พ.ค. 2544 นายธีรศักดิ์ กรรณสูต ประธาน กกต. นายสวัสดิ์ โชติพานิช กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย นายยุวรัตน์ กมลเวชช กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายจัดการการเลือกตั้งนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายกิจการพรรคการเมืองต่อมานายวิสุทธิ์ โพธิแท่น ได้ลาออกจากตำแหน่งและได้นายจิระ บุญพจนสุนทร กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายกิจการพรรคการเมือง แทนและนายโคทม อารียากรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายการมีส่วนร่วมขอประชาชน
ชุดที่สองดำรงตำแหน่งวันที่ 21 ต.ค. 2544 ถึงวันที่ 25 ก.ค.2549 ในช่วงแรก พลเอกศิรินทร์ ธูปกล่ำเป็นประธานกรรมการการเลือกตั้งต่อมาได้ลาออกและได้พลเอกจารุภัทร เรืองสุวรรณ เข้ามาทำหน้าที่แทนหลังจากนั้นพลเอกจารุภัทร ได้ลาออกและได้พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ ส่วนท่านอื่นๆ ได้แก่ นายจรัล บูรณพันธุ์ศรี,นายวีระชัย แนวบุญเนียร และนายปริญญา นาคฉัตรีย์
ชุดที่สามดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 ก.ย. 2549 ถึงวันที่ 13 ธ.ค. 2556 ประกอบด้วย นายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นประธานกรรมการการเลือกตั้ง และมี 4 กรรมการ คือ นายประพันธ์ นัยโกวิท นายสมชัย จึงประเสริฐ นางสดศรี สัตยธรรม นายสุเมธ อุปนิสากร ต่อมา นายสุเมธ อายุครบ 70 ปี จึงได้นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น อดีต กกต.ชุดแรกได้กลับมาทำหน้าที่แทนนายสุเมธจนหมดวาระ
ชุดที่สี่เป็นชุดปัจจุบันที่ดำรงตำแหน่งในวันที่ 13 ธ.ค. 2556 ถึงปัจจุบันในวันที่ 16 ก.ค. 2561 ซึ่งเป็นช่วงรักษาการ ได้แก่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้งกรรมการอีก 4 คน คือ นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายประวิช รัตนเพียร นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ปัจจุบันชุดนี้เหลือกรรมการ 4 คน เพราะนายสมชัยถูกอำนาจตามมาตรา 44 ให้ออกจากตำแหน่ง
ชุดที่ห้าซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำหนดให้มีจำนวน 7 คน แทน 5 คน ตามมาตรา 222 ในวรรค 1 และวรรค 2 กำลังอยู่ในช่วงของการสรรหาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2561 สนช. ได้มีมติเลือกคณะกรรมการ กกต. ชุดที่ 5 ได้รวม 5 คน และต้องดำเนินการสรรหาใหม่ในเวลา 90 วัน อีก 2 คน โดย 5 คนแรกคือนายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์,นายอิทธิพร บุญประคอง, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย, นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี, นายปกรณ์ มหรรณพส่วนที่ สนช. ไม่รับรองได้แก่ นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า และนายสมชาย ชาญณรงค์กุล
นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ชุดที่ 4 ได้เผยหลังทราบผลการลงมติของสนช.ว่า ตนขอแสดงความยินดีกับคณะกกต.ชุดใหม่ทั้ง 5 คน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแล้วแม้จะมีในขั้นแรก 5 คน ก็ปฏิบัติหน้าที่ได้โดยให้มีการเลือกกันเองเป็นประธานกกต.จากนั้นเมื่อได้ครบจำนวน 7 คน ก็จะทำหน้าที่ได้สมบูรณ์มากขึ้น กกต.ต้องมีความเป็นกลางและซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่โดยความเที่ยงธรรม
หลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแล้ว กกต.ชุดใหม่คงเริ่มงานทันทีในการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 25 ในปี 2562 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่ากันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญต่อประเทศมากและเป็นงานหนักที่ท้าทายต่อตำแหน่งมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของไทยด้วย
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี