หลังกู้วิกฤติ “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผู้ประสบภัยทั้ง 13 คน ได้แก่ นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีและโค้ช อยู่ระหว่างฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและจิตใจ สังคมไทยกำลังจะต้องตัดสินใจหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญอีกครั้งหนึ่ง
จะทำอย่างไรให้ปรากฏการณ์สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา?
และจะทำอย่างไรให้ “หมูป่า” เติบโตอย่างมีคุณภาพ สร้างสรรค์ รู้คุณค่าสังคม?
1. การก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ
ขณะนี้ มีแนวคิดหลายฝ่ายที่ต้องการเห็นอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ร่วมแรงร่วมใจและเสียสละชีวิตเพื่อกู้ภัยช่วยเหลือทีมหมูป่า
ผมสนับสนุนการบริหารจัดการข้อมูลความรู้จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ชีวิต
อาจอยู่ใกล้บริเวณถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน แต่ไม่ควรอยู่ภายในถ้ำ
ควรออกแบบภายนอกอาคารให้ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ คล้ายภูเขา ต้นไม้
ภายในอาคาร ควรบริหารจัดการข้อมูลความรู้ นำเสนอให้น่าสนใจ และครอบคลุม
ส่วนที่ 1 ควรให้คนดูเข้าใจสภาพการเดิน การว่ายน้ำในถ้ำ ว่าแต่ละช่วงนั้นลักษณะเป็นอย่างไร จากปากถ้ำไปโถง 1 - โถง 2 - โถง 3 - สามแยก - พัทยาบีช - เนินนมสาว (อาจทำคล้ายอควาเรียม ที่ให้คนเดินเข้าไปในตู้ปลายักษ์) เมื่อเดินลึกเข้าไปพบธรรมชาติของถ้ำ เสมือนการเดินทางเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยทั้ง 13 คน)
ส่วนที่ 2 จัดแสดงเครื่องมือ เครื่องใช้ ในการค้นหา กู้วิกฤติ เช่น เครื่องสูบน้ำ ท่อสูบน้ำ เครื่องดำน้ำ เสื้อผ้า ถังออกซิเจน จาน ชาม เชือก รถตัก เฮลิคอปเตอร์ โดยบางอย่างสามารถประกอบรูปจากจอ LCD
ส่วนที่ 3 ห้องความร่วมมือนานาชาติ เนื่องจากปฏิบัติการครั้งนี้ ได้รับความช่วยเหลือร่วมแรงร่วมใจจากนานาชาติ หลายสิบประเทศ ควรนำเสนอรวบรวมให้ครบถ้วน ทั้งรูปภาพ คลิปการทำงาน รายชื่อบุคคล โดยจัดหมวดหมู่ว่าสนับสนุนปฏิบัติการส่วนไหนอย่างไร ทีมสำรวจถ้ำ ทีม
พร่องน้ำ ทีมสื่อสาร ทีมดำน้ำ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นการรวมทีมดาราดังระดับแถวหน้าของโลกมาในงานนี้)
ส่วนที่ 4 ความร่วมมือของสถาบันต่างๆ หน่วยงานต่างๆ ประชาชน ผู้มีจิตอาสาของไทยเรา
สถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงมีพระเมตตาอย่างไร
หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ เอกชน ที่ส่งบุคลากรและเครื่องมือเข้าไปสนับสนุนปฏิบัติการอย่างไร
ประชาชนที่มีจิตอาสา เดินทางไปเอง ควักกระเป๋าไปเอง ลงขันกันเอง ไปทำอะไร อย่างไร โดยมีคลิปสัมภาษณ์ความคิดบันดาลใจในครั้งนี้ด้วย เช่น ช่วยซักผ้า ทำกับข้าว ทีมเก็บรังนกจากเกาะลิบง ทีมปีนผาไร่เลย์ เครื่องสูบน้ำพญานาคซิ่ง เจาะน้ำบาดาล สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ
ส่วนที่ 5 แสดงปฏิบัติการค้นหา และการกู้ภัย นำผู้ประสบภัยกลับออกจากถ้ำอย่างปลอดภัย
โดยจัดแสดงขั้นตอนการทำงาน ตั้งแต่สถานการณ์วิกฤติ มีโจทย์ของปฏิบัติการอย่างไร?
แผนงาน เป็นอย่างไร?
นำเสนอโดยมีคลิปเหตุการณ์ ภาพแผนที่ รูปถ่าย ประกอบอย่างน่าสนใจ
เมื่อปฏิบัติจริงในแต่ละขั้นตอน เจออุปสรรคอย่างไร จุดไหน ต้องแก้ปัญหาอย่างไร?
และจุดไหนที่ น.ต.สมาน กุนัน วีรบุรุษถ้ำหลวง เข้าไปปฏิบัติภารกิจกระทั่งเสียชีวิต โดยเพิ่มเติมประวัติชีวิต เกร็ดที่น่าสนใจของ น.ต.สมานเพิ่มเติม หลังเสียชีวิตได้รับการยกย่องอย่างไร ทั้งจากในประเทศไทยและ
ในต่างประเทศ ต่างเอ่ยชื่อ “จ่าสมาน” อย่างเชิดชูขนาดไหน
ทั้งหน่วยงาน องค์กรนานาชาติ และคนดังระดับโลก
ส่วนแนวคิดที่จะทำรูปปั้น เป็นอนุสาวรีย์นั้น อาจจะไม่ค่อยเกิดประโยชน์มากนัก เพราะนอกจากจะเน้นที่ตัวบุคคล ไม่ใช่การกระทำแล้ว ต่อไปในอนาคตก็จะมีคนมาปิดทอง จุดธูป บนบานศาลกล่าว แต่ควรระบุถึงกิจกรรมความกล้าหาญ ความเสียสละที่เป็นรูปธรรมในจุดหนึ่งของห้องพิพิธภัณฑ์จะเกิดประโยชน์กว่า
ส่วนที่ 6 การรักษาพยาบาลร่างกายและจิตใจ
เมื่อพบผู้ประสบภัยทั้ง 13 คนแล้ว การเข้าไปดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นที่เนินนมสาวทำอย่างไร? และการช่วยเหลือออกจากถ้ำทำอย่างไร? ทีมงานที่เนินนมสาวมีใครบ้าง ทำอย่างไร ทำไมจึงมีการให้ยาคลายประสาท แล้วใช้วิธีออกมาในแต่ละช่วงอย่างไร? จนกระทั่งออกจากปากถ้ำ ส่งโรงพยาบาล
ส่วนที่ 7 จัดให้เจ้าหน้าที่นำชมและอธิบายสภาพจริงในถ้ำเพียงบางส่วน และในบางฤดูกาล
2. ทำอย่างไรให้ “หมูป่า” เติบโตอย่างมีคุณภาพ รู้คุณค่าสังคม?
ผมมองว่า เด็กๆ ทั้ง 13 คน เป็นเหมือนลูกหลาน และเป็นลูกชาวบ้าน เป็นเด็กบ้านนอก (เหมือนผมเอง)
ในเหตุการณ์นี้ ทั้ง 13 คน ไม่ใช่ฮีโร่ และขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่ผู้ร้ายที่ไปก่อเรื่องเสียหายอะไร
แต่ทั้ง 13 คน เป็นผู้ประสบภัย
เหมือนผู้ประสบภัยตึกถล่ม น้ำท่วม ไฟไหม้ เรือล่ม รถชน ฯลฯ ที่เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยกัน
เพื่อมิให้เกิดภาวะวิกฤติหลังผ่านวิกฤติ... ดังที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ประสบภัยเหมืองชิลี 33 คน เคยเจอมาแล้ว หลังรอดชีวิต ควรต้องมีมาตรการระวังมิให้สื่อมวลชน ผู้ทำภาพยนตร์ หรือหน่วยงานต่างๆ นำน้อง 13 คน ไปหาผลประโยชน์ในลักษณะเป็นนักแสดง เป็นคนดังชั่วข้ามคืน โดยต้องไม่ลืมว่าเกือบทั้ง 13 คน ยังเป็นเยาวชน เป็นวัยรุ่น ที่ยังต้องเรียนรู้ หาความรู้ หาทักษะในการทำงาน มีประสบการณ์ทำงาน และอาชีพติดตัว
มิฉะนั้น หากไหลตามกระแสที่มาเฉียบพลันเหมือนน้ำป่า โดยไม่มีการจัดการ ไม่มีหลักให้ยึด เมื่อกระแสหายไป ยากจะทราบได้ว่าตัวน้องๆหรือไปไปติดอยู่หลืบไหนอีก
สิ่งที่ควรเป็น คือ การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ร่างกายและจิตใจ เยียวยาในฐานะผู้ประสบภัย และจัดกระบวนการให้ทั้ง 13 คน ได้เรียนรู้ และวิเคราะห์เหตุการณ์จริง ในช่วง 3 เดือนแรกหลังวิกฤติ เพื่อค่อยๆ รับรู้ และเรียนรู้จากความจริง ค่อยๆ ปรับสภาพ รู้เท่าทันว่าความจริงที่เกิดขึ้นนอกถ้ำทั้งหมดเกิดอะไร
ขึ้นบ้าง
ให้น้อง 13 คน ได้ช่วยกันค้นหาจุดแข็งของตนเอง เช่น อยู่ร่วมเป็นทีม, บริหารจัดการอาหาร ไฟฉาย การหาแหล่งน้ำดื่ม, การใช้สมาธิ, การเล่นกีฬาทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแกร่งเป็นพื้นฐาน ฯลฯ
ขณะเดียวกัน ก็ควรให้น้องได้สรุปบทเรียน เช่น การไม่เข้าใจธรรมชาติของถ้ำและน้ำดีพอ ฯลฯ
กระบวนการทั้งหมด จะทำให้ผู้ประสบภัยที่เป็นเยาวชน เป็นอนาคตของประเทศ ได้มีส่วนภูมิใจในจุดแข็งของตนเอง และรู้เท่าทันความจริงของกระแสนอกถ้ำ และตระหนักรู้ถึงพลังด้านบวกของสังคมไทยและสังคมโลก ที่ได้ร่วมกันช่วยเหลือนำเขาออกจากถ้ำกันอย่างไร?
ส่วนเขาจะตอบแทนสังคม เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่สร้างสรรค์ ได้อย่างไรต่อไป เขาจะพิจารณาได้เอง
สุดท้าย เมื่อทราบข่าวว่า ผู้ประสบภัยบางคน จะบวชเมื่อออกจากโรงพยาบาล ผมเห็นดีด้วย เพราะนอกจากจะได้เป็นการปฏิบัติบูชา ปฏิบัติธรรม ทำความดีอุทิศให้จ่าสมานแล้ว ยังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน
จากที่เคยติดถ้ำมาใช้ชีวิตปกติและจะเป็นช่วงที่ได้ฝึกจิตใจไม่ล่องลอยไปตามกระแสสังคมและสื่อมวลชนที่จะหาประโยชน์ จากน้องทั้ง 13 คน ดังนั้น หากน้องทั้ง 13 คน บวชเสียด้วยกัน พร้อมๆกันสักระยะหนึ่งก่อน น่าจะเป็นกุศลและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นฟูเยียวยาจิตใจที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี