วันพุธ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ / ลงมือสู้โกง โดย...เบญจมาส เป็งเรือน
ลงมือสู้โกง โดย...เบญจมาส เป็งเรือน

ลงมือสู้โกง โดย...เบญจมาส เป็งเรือน

เบญจมาส เป็งเรือน
วันพุธ ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2565, 02.00 น.
ปัญหาคอร์รัปชันอยู่ตรงไหนในระบบทุนนิยมไทย

ดูทั้งหมด

  •  

หัวใจของระบบทุนนิยมคือการแข่งขัน

นักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักหลายกลุ่มมีความเชื่อว่า ตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์จะนำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับสังคมโดยรวม ดังนั้นแล้วรัฐจงอย่าเข้าไปแทรกแซงและปล่อยให้กลไกตลาดทำงานต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคมโดยรวม เพราะหากปล่อยให้ตลาดผูกขาดแล้ว ย่อมส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตรงกับธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบการแข่งขันเลย


การที่มนุษย์ชื่นชอบการแข่งขันนั้น ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมาพร้อมกับการก่อตัวของระบบทุนนิยม แต่เกิดขึ้นนานแล้ว พร้อมกับความพยายามที่จะเอาชนะธรรมชาติ เช่น การก่อสงครามเพื่อแย่งชิงทรัพยากร การให้ผู้ชนะการแข่งขันเป็นผู้จัดสรรทรัพยากร ดังนั้นแล้วจะเห็นได้ว่าการแข่งขันเริ่มจากเพื่อใช้ในคัดสรรผู้จัดสรรทรัพยากร โดยที่ผู้ชนะจะได้รับความเชื่อถือมากกว่าและสามารถจัดสรรทรัพยากร

อย่างไรก็ตาม ทัศนะของนักเศรษฐศาสตร์สายเสรีนิยมกลุ่มนี้ที่ให้ความสำคัญกับหลักการของตลาดเสรีและการจำกัดอำนาจของรัฐ กลับถูกโต้แย้งโดย คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) ผู้เขียนหนังสือ Das Kapitalที่นำเสนอว่าทัศนะดังกล่าวเป็นเพียงนิทานยูโทเปียของอดัม สมิธ (Adam Smith) เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงกลไกตลาดหรือมือที่มองไม่เห็นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก ดังเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นกับ Google Microsoft และ Amazon ว่าเป็นภาวะที่ผิดเพี้ยนออกจากดุลยภาพในตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์

ทัศนะดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากนโยบาย กฎหมาย และการแต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการผูกขาดซึ่งมีหน้าที่ในการเน้นย้ำว่าการผูกขาดเป็นสิ่งที่ไม่ดี ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 20 ในสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีเท็ดดี้ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt) ที่มีคำสั่งให้ทำลายการผูกขาดของบริษัท AT&T ในด้านโทรคมนาคมในสหรัฐอเมริกา โดยที่แนวคิดของอดัม สมิธ (Adam Smith) ได้แนะนำให้รัฐบาลเป็นผู้กำกับดูแลเพื่อป้องกันการขูดรีดราคาเกินจริง ดังนั้นเป้าหมายของนโยบายสาธารณะที่ประกาศเป็นทางการก็คือป้องกันการตั้งราคาแบบผูกขาดและเอื้ออำนวยให้เกิดนวัตกรรมผลิตภาพเพิ่มขึ้นและราคาต่ำลง โดยทั้งหมดนี้มักอ้างว่าเป็นสิ่งที่จะได้จากการแข่งขันระหว่างนายทุน และการที่รัฐเข้าไปแทรกแซงเพื่อรักษาบรรยากาศของการแข่งขันมักถูกหยิบยกเป็นจุดยืนเชิงนโยบายที่สำคัญสำหรับระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (David Harvey, 2014) ดังนั้นการแข่งขันในตลาดจึงเต็มไปด้วยอคติ อำนาจผูกขาด และไม่ได้สะท้อนถึงเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของทุกคนหรือสังคมโดยรวม แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นการตอกย้ำการแบ่งชนชั้นที่เอื้อประโยชน์แก่กลุ่มคนมั่งคั่งและมีอำนาจ

ผู้เขียนขอยกตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี พ.ศ. 2540 เกิดการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจในไทยมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงมาก ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกลับตรึงค่าเงินบาทไม่ให้อ่อนค่าลงไป จึงส่งผลให้เกิดการโจมตีค่าเงินบาทเป็นระลอกๆ จนในที่สุดก็ไม่สามารถปกป้องค่าเงินบาทและประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในที่สุด จนนำไปสู่การปิดกิจการของสถาบันการเงินราว 56 แห่ง

กระบวนการสะสางหนี้ของรัฐบาลเริ่มจากมาตรการแทรกแซงของรัฐบาลทั้งเพิ่มทุนระงับการดำเนินกิจการ และปิดกิจการเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2540 จากบริษัทเงินทุนที่ถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการ 58 ราย มีเพียงสองรายที่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินกิจการต่อ และส่งผลต่อความเสียหายไปยังผู้ฝากเงินแต่เนื่องจากทางการได้ประกันผู้ฝากเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ย่อมหมายความว่า ในที่สุดความเสียหายมหาศาลของภาคเอกชนก็ได้ถูกส่งต่อมาเป็นหนี้สาธารณะและเป็นภาระของผู้เสียภาษีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการที่รัฐเข้าไปแทรกแซงเพื่อรักษาบรรยากาศของการแข่งขัน ดังกล่าวมิได้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของทุกคน แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นการตอกย้ำการแบ่งชนชั้นที่เอื้อประโยชน์แก่คนบางกลุ่มที่มีความมั่งคั่งและมีอำนาจในสังคมเพียงเท่านั้น

ระบบทุนนิยมไทย

เพื่อให้เข้าใจกระบวนการสะสมทุนของกลุ่มทุนในประเทศไทย จำเป็นต้องทำความเข้าใจลักษณะของระบบทุนนิยมในประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่อิงกับความสัมพันธ์ส่วนตัวและเครือข่ายอุปถัมภ์ เช่น ในงานศึกษาของ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ได้เสนอว่าระบบทุนนิยมในประเทศไทยนั้นได้รับมรดกตกทอดมาจากยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์หรือทุนนิยมแบบจอมพลสฤษดิ์ที่มีธนาคารเป็นศูนย์กลาง โดยมีทหาร และเทคโนแครตเป็นพันธมิตรที่คอยเกื้อหนุน อิงกับความสัมพันธ์ส่วนตัวและการเมืองเป็นหลักโดยมีลักษณะเป็นเครือข่ายอุปถัมภ์ แต่ก็มีการแข่งขันระหว่างกลุ่มต่าง ๆ อยู่ (Doner and Ramsay, 1997) หลักการนี้จึงกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ทุนนิยมไทยสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปี พ.ศ. 2540

ต่อมาในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร (พ.ศ. 2544-2549) ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและทุนมีการเปลี่ยนแปลงจาก “ระบบอุปถัมภ์แบบแข่งขัน” (Competitive Clientelism) มาสู่ “ระบบอุปถัมภ์กึ่งผูกขาด” (Monopolistic Clientelism) ซึ่งมีสาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากวิกฤตเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2540 เกิดการรวมตัวกันของกลุ่มทุนขนาดใหญ่เพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองและเป็นรัฐบาลโดยตรง กรุยทางสู่โครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและทุนแบบใหม่ที่มีแนวโน้มในการรวมศูนย์มากขึ้น จนทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ทุนรอบนอกที่เข้าไม่ถึงอำนาจรวมศูนย์นี้

ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 พบว่ามีการจัดตั้งคณะทำงานประชารัฐที่ประกอบไปด้วย นายทหารยศสูง ข้าราชการระดับสูง กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อส่งเสริมบริษัทขนาดเล็ก SMEs ด้วยการช่วยเหลือในด้านการตลาด เทคโนโลยี และการเงิน แลกกับการลดภาษีได้เพิ่มขึ้น (The Nation, 2 April 2016) โดยกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เหล่านี้จะประหยัดเงินได้มากกว่าร้อยล้านบาท แถมยังสามารถสร้างชื่อเสียงด้วยการเข้าร่วมโครงการประชารัฐรักสามัคคีโดยไม่ต้องไปลงทุนในการทำกิจการเพื่อสังคม (CSR) (Wasamon, 2016) แนวทางการจัดการเศรษฐกิจในช่วงหลังการรัฐประหารนี้แสดงให้เห็นความพยายามสร้างรูปแบบความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีลักษณะเป็นช่วงชั้นมากขึ้น เพราะแทนที่รัฐจะเข้ามาแทรกแซง หรือเปิดให้มีการแข่งขันมากขึ้น แต่รัฐกำลังสนับสนุนให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่มีบทบาทในการเป็น “พี่เลี้ยง” และ “ดูแล” วิสาหกิจท้องถิ่นในธุรกิจเดียวกับตนโดยตรง สำหรับมาตรการอื่นๆ ที่งานวิชาการหลายชิ้นมองว่าเป็นกลไกช่วยสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและการแข่งขันในประเทศได้ดี (Acemoglu and Robinson, 2012) เช่น การลดการผูกขาด การส่งเสริมการแข่งขันที่เท่าเทียม กลับหายไปจากนโยบายสาธารณะโดยสิ้นเชิง

ระบบทุนนิยมไทยได้พัฒนารูปแบบให้มีลักษณะเฉพาะที่อิงกับความสัมพันธ์ส่วนตัวและเครือข่ายอุปถัมภ์คู่ขนานไปกับการสร้างอำนาจผูกขาดในทางเศรษฐกิจกับอำนาจผูกขาดในกระบวนการทางการเมืองได้อย่างแยบยลภายใต้ระบบทุนนิยมแบบรัฐชี้นำ ที่หมายถึงรัฐเป็นผู้เลือกผู้ชนะและคนในสังคมก็คาดหวังและมองโลกในแง่ดีกับผู้ชนะเหล่านั้นว่าเอกชนรายใหญ่จะช่วยเหลือสังคม (สฤณี อาชวานันทกุล, 2560)

ปัญหาคอร์รัปชันอยู่ตรงไหนในระบบทุนนิยมไทย

มาถึงตรงนี้แล้วทุกท่านคงพอจะเห็นว่าอำนาจผูกขาดมิใช่แค่ความผิดเพี้ยนแต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งเกิดจาก “การแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจ” (Rent seeking) ดังเช่นที่ โจเซฟ สติกลิตซ์ (Joseph E.Stiglitz) นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าวไว้ว่า “มีวิธีรวยสองวิธี วิธีแรกคือสร้างความมั่งคั่ง ส่วนวิธีที่สองคือฉกชิงความมั่งคั่งจากผู้อื่น ซึ่งวิธีที่สองนี้มักเริ่มต้นขึ้นจากการเอาเปรียบสังคม เพราะในกระบวนการฉกชิงนั้นความมั่งคั่งก็ถูกทำลายไปด้วย”ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า “การแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจ” (Rent seeking) จึงเป็นการตีสำนวนให้สุภาพแต่จริงๆ แล้วมักจะมีความหมายเช่นเดียวกับ “การสะสมทุนด้วยการปล้นชิง” (Accumulation by dispossession) (David Harvey, 2014) นั่นเอง

การแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจหรือการสะสมทุนด้วยการปล้นชิงตามแนวคิดของโจเซฟ สติกลิตซ์ (Joseph E. Stiglitz) อธิบายถึงความเป็นคู่ขนานของอำนาจผูกขาดในการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจกับอำนาจผูกขาดในกระบวนการทางการเมืองหรือการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เช่น การได้มาหรือการให้เช่าทรัพย์สินของรัฐหรือเอกชนในราคาถูก การออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองหรือให้ทุนอุดหนุนกลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม การซื้ออิทธิพลทางการเมืองด้วยการบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิธีการทางการเมืองที่ทำให้กลุ่มผลประโยชน์สามารถผูกขาดทำอะไรตามใจชอบในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้กลุ่มผลประโยชน์ปล้นเงินภาษีของประชาชน และยังมีวิธีปฏิบัติที่ฉ้อฉลในการกอบโกยกำไรด้วยวิธีการกึ่งถูกกฎหมาย เช่น ค่าธรรมเนียมซ่อนเร้น รวมถึงวิธีปฏิบัติที่หมิ่นเหม่หรือถึงขั้นฝ่าฝืนกฎหมาย

นอกจากนี้ในหนังสือความขัดแย้งสิบเจ็ดประการกับจุดจบของระบบทุนนิยม (Seventeen Contradictions and the End of Capitalism) ของ เดวิด ฮาร์วี (David Harvey) ได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมว่าการแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจหรือการสะสมทุนด้วยการปล้นชิงนั้นยังเป็นการทำลายสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยในโครงการต่างๆ ที่รัฐให้ทุนอุดหนุน เช่น สิทธิทางเศรษฐกิจที่มีต่อเงินบำเหน็จบำนาญและการดูแลสุขภาพ รวมถึงการเข้าถึงบริการสำคัญๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น การศึกษา อีกด้วย ดังนั้นหากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันจะเพิ่มขึ้นในสังคมใดสังคมหนึ่งนั้นย่อมมีสาเหตุสำคัญที่มาจากการที่ระบบเศรษฐกิจในประเทศนั้นมีการผูกขาดที่สูง เพราะย่อมทำให้กลุ่มทุนสามารถแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจ (Rent seeking) เพื่อแย่งชิงกำไรส่วนเกินดังกล่าวที่มีอยู่จำนวนมากพร้อมกับความพร้อมในการทุจริตคอร์รัปชันเพื่อรักษาอำนาจในการผูกขาดดังกล่าวไว้

การคอร์รัปชันกับระบบทุนนิยมไทย

เมื่อการทำงานของระบบทุนนิยมเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เกิดการผูกขาดด้วยการแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจหรือการสะสมทุนด้วยการปล้นชิงความมั่งคั่งของสังคมโดยรวมมาไว้เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม หรือชนชั้นใดชนชั้นหนึ่งในสังคม ในความหมายนี้จึงมีความสัมพันธ์กับคำว่า “การคอร์รัปชัน” หรือการทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตัวเองหรือผู้อื่น

ในประเทศไทยเรามักจะเห็นการผูกขาดเป็นเรื่องปกติแต่มีความเห็นเกี่ยวกับการคอร์รัปชันว่าเป็นเรื่องเลวร้าย และตั้งหน้าตั้งตาในการทำสงครามกับการคอร์รัปชันเพียงอย่างเดียวซึ่งไม่ได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่านายทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะเป็นนักผูกขาดมากกว่าการแข่งขัน และเมื่อการทำงานของระบบทุนนิยมเป็นรากฐานที่ทำให้เกิดการผูกขาดแล้วนั้น ดังนั้นเราจึงสามารถเห็นภาพความขัดแย้งนี้ปรากฏเด่นชัดมากขึ้นในสังคมไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ประเด็นที่เราควรให้ความสำคัญต่อจากนี้ของปัญหาการคอร์รัปชันในระบบทุนนิยมไทย คือควรต้องพิจารณาใหม่ว่าระบบทุนนิยมไทย และการคอร์รัปชัน เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ดังนั้นเพื่อให้สอดรับกับโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้ การเป็น “พลเมืองตื่นรู้” หรือ Active Citizen เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยกันตรวจสอบ ดูแล การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน เช่น ติดตามนโยบาย โครงการ และกฎหมายที่เอื้อให้เกิดประโยชน์แก่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งผ่านเครื่องมืออย่าง ACT AI ในการป้องกันและช่วยกันเป็นหูเป็นตากระบวนการฉกชิงความมั่งคั่งจากสังคมไปอยู่ในกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือชนชั้นใดชนชั้นหนึ่ง

เบญจมาศ เป็งเรือน HAND Social Enterprise

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:18 น. สังหารโหด! หนุ่มป่วยทางจิต ทิ้งร่างไว้หน้าบ้าน ตร.สงสัยพ่อเลี้ยง-คุมตัวสอบเข้ม
21:11 น. (คลิป) 'ชวน หลีกภัย' ตีแสกหน้า พวกอยากแก้กติการัฐธรรมนูญ
21:08 น. (คลิป) จับตา! สถานการณ์ 'ประชาธิปัตย์' 'เลขาฯพรรค' หมากตัวสำคัญในยุค'อภิสทธิ์'
20:59 น. 'ยุทธพร' มอง คนละครึ่งพลัส จุดเริ่มต้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ชี้เหมาะสมกับรัฐบาล 4 เดือน
20:53 น. ถ้าใช้เงินพ่อแม่แก้ รธน. คงไม่ทำ! โซเชียลปลื้ม! 'สว.รัชนีกร' อภิปรายนักการเมืองรื้อ รธน.60 (คลิป)
ดูทั้งหมด
ร้านอาหารจีนในไทยสวนกระแสทูตจีน ติด'หน้าฮุนเซน'พื้นทางเข้าร้าน ลูกค้าทั้งเหยียบทั้งขยี้ฉ่ำ
'องคมนตรี'เป็นผู้แทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
‘กัน จอมพลัง’เปิดประวัติ‘เขมร’อพยพพึ่งใบบุญไทย แทนเสียงผี ดัดหลัง‘มาลี’ฟ้องIOT
สะพัด‘อนุทิน’ชง‘ครม.’โยกย้าย‘บิ๊กมท.’หลายตำแหน่ง ‘4อธิบดี’ไม่รอด ‘น้ำเงิน’ผงาด
(คลิป) 'เจ๊ปอง'สั่งลุย! ส่ง'ดร.มัลลิกา'ต้องยึดเก้าอี้ 'ผู้ว่าฯกทม'ให้ได้
ดูทั้งหมด
วาทกรรมความเสียดเย้ย
อย่ายอมให้‘สส.’ปล้นรัฐธรรมนูญ
เมื่อคำขู่ภาษี100%ของสหรัฐฯสั่นสะเทือนตลาดคริปโต : บทเรียนจากการล้างสถานะกว่า19พันล้านดอลลาร์
‘นักสิทธิมนุษยชน’ กับ เสียงหลอนๆ
รัฐบาลไทยด้อย ฮุนเซนจึงกร่าง
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สังหารโหด! หนุ่มป่วยทางจิต ทิ้งร่างไว้หน้าบ้าน ตร.สงสัยพ่อเลี้ยง-คุมตัวสอบเข้ม

(คลิป) 'ชวน หลีกภัย' ตีแสกหน้า พวกอยากแก้กติการัฐธรรมนูญ

(คลิป) จับตา! สถานการณ์ 'ประชาธิปัตย์' 'เลขาฯพรรค' หมากตัวสำคัญในยุค'อภิสทธิ์'

'ยุทธพร' มอง คนละครึ่งพลัส จุดเริ่มต้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ชี้เหมาะสมกับรัฐบาล 4 เดือน

หมดเวลาเงียบ! 'กัน จอมพลัง'ฟาดกลับ'รักชนก' ซัดพรรคส้มแค่อยากเบี่ยงประเด็นให้นักสิทธิฯ

(คลิป) 'เจ๊ปอง'ชื่นใจหลังทวงทุกวัน! วันนี้ 'นายกฯพี่หนู' คืนความยุติธรรมให้ 'นิชา' แล้ว!

  • Breaking News
  • สังหารโหด! หนุ่มป่วยทางจิต ทิ้งร่างไว้หน้าบ้าน ตร.สงสัยพ่อเลี้ยง-คุมตัวสอบเข้ม สังหารโหด! หนุ่มป่วยทางจิต ทิ้งร่างไว้หน้าบ้าน ตร.สงสัยพ่อเลี้ยง-คุมตัวสอบเข้ม
  • (คลิป) \'ชวน หลีกภัย\' ตีแสกหน้า พวกอยากแก้กติการัฐธรรมนูญ (คลิป) 'ชวน หลีกภัย' ตีแสกหน้า พวกอยากแก้กติการัฐธรรมนูญ
  • (คลิป) จับตา! สถานการณ์ \'ประชาธิปัตย์\' \'เลขาฯพรรค\' หมากตัวสำคัญในยุค\'อภิสทธิ์\' (คลิป) จับตา! สถานการณ์ 'ประชาธิปัตย์' 'เลขาฯพรรค' หมากตัวสำคัญในยุค'อภิสทธิ์'
  • \'ยุทธพร\' มอง คนละครึ่งพลัส จุดเริ่มต้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ชี้เหมาะสมกับรัฐบาล 4 เดือน 'ยุทธพร' มอง คนละครึ่งพลัส จุดเริ่มต้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ชี้เหมาะสมกับรัฐบาล 4 เดือน
  • ถ้าใช้เงินพ่อแม่แก้ รธน. คงไม่ทำ! โซเชียลปลื้ม! \'สว.รัชนีกร\' อภิปรายนักการเมืองรื้อ รธน.60 (คลิป) ถ้าใช้เงินพ่อแม่แก้ รธน. คงไม่ทำ! โซเชียลปลื้ม! 'สว.รัชนีกร' อภิปรายนักการเมืองรื้อ รธน.60 (คลิป)
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ปัญหาคอร์รัปชันอยู่ตรงไหนในระบบทุนนิยมไทย

ปัญหาคอร์รัปชันอยู่ตรงไหนในระบบทุนนิยมไทย

28 ก.ย. 2565

‘แรงงาน’ไม่ใช่‘สินค้า’ในระบบเศรษฐกิจ

‘แรงงาน’ไม่ใช่‘สินค้า’ในระบบเศรษฐกิจ

18 พ.ค. 2565

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved