วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ปัจจุบันอินเตอร์เนตได้เข้ามามีบทบาททั้งชีวิตการทำงานและชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งนักเรียน นักศึกษาที่ในอดีตต้องเข้าห้องสมุดค้นคว้าหาข้อมูลการศึกษา ทุกวันนี้สามารถเข้าถึงอินเตอร์เนตผ่านทางโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์
แต่ก่อนการทำธุรกรรมทางการเงินต้องเดินทางไปที่ธนาคาร การเดินทางอาจไม่สะดวก ต้องหาที่จอดรถ ต้องรอเข้าแถว หรือรอเรียกตามลำดับ ต่างจากทุกวันนี้ที่บางธุรกรรมสามารถทำผ่านแอพโมบายแบงก์กิ้ง (App Mobile Banking) ของทางธนาคารต่างๆ ทั้งสามารถโอนเงินต่างธนาคารโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ซึ่งต่างจากการโอนเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร หรือตู้เอทีเอ็มที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ยิ่งโอนมาก ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น
โลกในปัจจุบันได้เข้าสู่ยุคอี-คอมเมิร์ซ (E-Commerce) มีการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพราะการใช้จ่ายผ่านอินเตอร์เนต ทำได้อย่างง่ายดายและทั่วถึงทุกมุมโลก ธนาคารต่างๆ ได้ออกมาตอบรับกระแสนี้เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้งานได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
การทำธุรกรรมทางการเงินทำได้ง่ายเพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส มิจฉาชีพต่างจ้องหาเหยื่อที่ต่อมาได้กลายเป็นผู้เสียหาย เพื่อที่จะเอาเงินจากบัญชีเหยื่อเข้าบัญชีตน
ศูนย์การแปลเอกสารบางครั้งยังตกเป็นเหยื่อเป้าหมาย มิจฉาชีพต่างประเทศได้สร้างบัญชีอีเมล สร้างประวัติส่วนตัวที่ดูหน้าเชื่อถือ นำรูปบุคคลอื่นที่มีลักษณะดูดีอ้างว่าเป็นตนเองเพื่อติดต่อศูนย์การแปลผ่านอีเมลของศูนย์การแปล โดยอ้างว่า เคยเห็นผลงานหลายชิ้นที่แสดงถึงความสามารถด้านภาษา จึงสนใจที่จะใช้บริการให้แปลงานของนักเขียนที่มีชื่อในต่างประเทศเพื่อแปลเป็นภาษาไทย โดยเสนอค่าแปลหน้าละ 140 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ4,200 บาท ซึ่งปกติค่าแปลอาจอยู่ที่หน้าละ 1,000-1,500 บาท และได้ส่งต้นฉบับบางส่วนให้ศูนย์การแปลได้พิจารณา หลังจากนั้นจะสรุปจำนวนเงินค่าแปลและให้เริ่มงานบางส่วน ขอเลขบัญชีของศูนย์การแปล เพื่อจะได้จ่ายค่าตอบแทนส่วนแรก พอถึงเวลามิจฉาชีพจะอ้างว่า ธนาคารกลางหรือแบงก์ชาติของประเทศผู้ว่าจ้าง มีกฎระเบียบให้ผู้รับจ้างต่างประเทศต้องชำระเงินเพื่อเป็นการวางหลักประกันเป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับค่าครองชีพในประเทศไทย ผู้รับจ้างประเทศไทยจึงจะมีสิทธิรับเงินค่าจ้างได้
กรณีดังกล่าวเป็นการหลอกลวง หากผู้รับจ้างหลงเชื่อโอนเงินไปให้ จะถูกหลอกให้เสียเงินค่าหลักประกันไปโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างใดๆ เลย
มิจฉาชีพต่างประเทศบางรายหลอกผู้เสียหายว่า มีสิทธิได้รับมรดกในต่างประเทศหลายร้อยล้านบาท แต่ไม่มีเงินในการดำเนินการ เพราะต้องวางเงินประกันต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อดำเนินการเสร็จจะให้ส่วนแบ่งมรดกเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก จึงหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน ผู้เสียหายบางรายหลงเชื่อ ทำให้ต้องสูญเงิน
มิจฉาชีพต่างประเทศบางรายหลอกเหยื่อ โดยแอบอ้างว่าเป็นนักธุรกิจลำดับต้นๆ ของไทยและใช้ชื่อจริงของนักธุรกิจไทยรายนั้น เพื่อเปิดบัญชีอีเมลปลอม แล้วแอบอ้างหลอกลวงต่อบริษัทหรือโรงงานในหลายๆ ประเทศว่านักธุรกิจไทยรายนั้นสนใจร่วมลงทุนในบริษัทหรือโรงงานต่างประเทศ เมื่อบริษัทหรือโรงงานต่างประเทศตรวจสอบ จะพบชื่อของนักธุรกิจไทย ที่ถูกแอบอ้าง ทำให้น่าเชื่อถือจึงหลงเชื่อ จึงยินดีที่นักธุรกิจไทยระดับต้นๆ จะมาเป็นผู้ถือหุ้นด้วย หลังจากนั้นไม่นานจะมีบุคคลแอบอ้างว่าเป็นผู้ช่วยของนักธุรกิจไทยระดับต้นๆ รายนั้น ติดต่อไปที่บริษัทหรือโรงงานต่างประเทศว่า นักธุรกิจไทยรายนั้นจะยังโอนเงินค่าหุ้นมาให้ไม่ได้ ต้องให้บริษัทหรือโรงงานในต่างประเทศนั้นส่งเอกสารมาเพื่อให้รับรอง และขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ซึ่งจะต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนมาก เมื่อบริษัทหรือโรงงานต่างประเทศหลงเชื่อโอนเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายมาให้แล้ว เรื่องจะเงียบหายไปเพราะถูกหลอกให้โอนเงินมาให้มิจฉาชีพต่างประเทศไปแล้ว เพียงเพื่อหวังจะได้รับเงินค่าหุ้นจากการลงทุนของนักธุรกิจไทยรายนั้นที่ถูกแอบอ้าง
ทุกวันนี้ภัยคุกคามทางอินเตอร์เนต ได้พัฒนาหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบล้วนสร้างความเสียหาย มีกลโกงหลอกให้กู้ยืมเงินนอกระบบออนไลน์ สร้างเว็บไซต์ปลอมและโฆษณาผ่านเว็บไซต์ต่างๆ หรือส่งอีเมลหาเหยื่อโดยตรงหรือส่งข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่า ให้บริการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติภายใน 30 วัน ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันและไม่ตรวจสอบเครดิตบูโรเมื่อเหยื่อหลงเชื่อมิจฉาชีพจะขอให้เหยื่อโอนเงินเพื่อเป็นค่าจัดทำเอกสารเบื้องต้น หรือค่ามัดจำร้อยละ 5-10 ของยอดเงินกู้ เหยื่อจำนวนไม่น้อยเห็นว่ากู้ได้ง่ายจึงหลงเชื่อ
มิจฉาชีพบางรายจะแฮกหรือปลอมไลน์ ทำทีเป็นเพื่อนญาติ หรือคนรู้จัก แล้วส่ง “คิวอาร์โค้ด” ให้เหยื่อที่เป็นเพื่อนในไลน์ ช่วยชำระเงินค่าสินค้าแทนให้ก่อนแล้วจะโอนเงินคืนให้ภายหลัง เมื่อเหยื่อเห็นคิวอาร์โค้ดส่งมา ไม่ทันได้ตั้งตัวและไม่ได้ตรวจสอบกลับไปยังคนขอก่อนว่า เป็นตัวจริงหรือเปล่าจึงสแกนคิวอาร์โค้ดของมิจฉาชีพ เพื่อโอนเงินและถูกหลอก
จากข้อมูลของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้เปิดเผยว่า สถิติผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับปอท.ในปีพ.ศ. 2562 ณ วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562 มี 2,870 คดี มูลค่าความเสียหาย 371,096,744 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปีพ.ศ. 2561 ทั้งปี มีตัวเลขอยู่ที่ 2,718 คดี มูลค่าความเสียหาย 527,309,998 บาท
ผู้เสียหายจากการถูกหลอกให้โอนเงิน สามารถแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุหรือที่ปอท. แต่หากแจ้งความที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งแล้ว อีกหน่วยงานหนึ่งจะไม่รับแจ้งความ เพื่อไม่ให้เป็นการทำงานซ้ำซ้อนกัน ในกรณีที่ผู้เสียหายแจ้งความที่ปอท. ผู้เสียหายอาจต้องเดินทางมาขึ้นศาลที่กรุงเทพฯ ทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด การแจ้งความกับตำรวจท้องที่อาจสะดวกกว่า
สำหรับหลักฐานที่ผู้เสียหายต้องนำไปแจ้งความ คือ สลิปโอนเงินเข้าบัญชี หรือหลักฐานที่แสดงถึงการโอนเงิน ข้อความการสนทนาในเฟซบุ๊ค หรือโปรแกรมไลน์ ที่คุยกับมิจฉาชีพ เพราะถือได้ว่าเป็นเบาะแสสำคัญในการแกะรอยมิจฉาชีพ
ผู้ที่ทำธุรกรรมทางออนไลน์ควรรักษารหัสส่วนตัวให้ดีหรือเปลี่ยนรหัสส่วนตัวบ่อยๆ และควรกด Log out ทุกครั้ง
ก่อนตัดสินใจโอนเงินไปให้ใคร ไม่ว่าจะด้วยความสงสารเห็นใจ หรือเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายเบื้องต้นแล้วจะมีโอกาสได้เงินก้อนใหญ่ตามมา ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้

'บิ๊กเล็ก' ลั่น สบายใจ หลัง 'ฮุน เซน' ท้าปิดด่าน 100 ปี ยันไม่ปล่อย 18 เชลยศึก
'พล.อ.ทรงวิทย์' บวชอุทิศส่วนกุศล ให้กับทหารที่เสียชีวิต
'สีหศักดิ์'เชื่อญี่ปุ่นฟันกฎหมาย หลังโซเชียลจี้ถอดพาสปอร์ต แจ็กแปปโฮ
เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม! ศาลฎีการะบุชัด 'ทักษิณ'เป็นตัวการให้ลูกถือหุ้นชินฯ ต้องจ่ายภาษี 1.7 หมื่นล้าน
จ่อ3หมื่นล้าน! MotoGPวงรอบใหม่มูลค่ามหาศาล

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี