วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปัจจุบันการขับเคลื่อนของภาคเศรษฐกิจการลงทุนไม่ได้ขึ้นอยู่แค่เพียงผลตอบแทนการลงทุน ต้นทุนการเงิน การผลิต หรือสภาพทางการตลาด แต่พลวัตที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในทศวรรษนี้คือ สภาพทางสังคมทั้งเรื่องสุขภาพอนามัย ปัญหาสิ่งแวดล้อม สภาพของประชากรที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ฯลฯ เรื่องเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยแบบที่อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกแปลกใจ เช่นกรณีที่ ปตท. จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน กำลังร่วมมือกับสภาบันทางการแพทย์แห่งหนึ่ง ลงทุนคิดค้นยารักษาโรคมะเร็ง และยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ธุรกิจที่สอดคล้องสังคมผู้สูงวัย
สำหรับประเทศไทยในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากเรื่องภัยแล้ง ปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เกินมาตรฐานความปลอดภัย กำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อชีวิตประชาชน และส่งแรงกระเพื่อมไปถึงภาคธุรกิจ และปัญหาดังกล่าวกลายเป็นวาระแห่งชาติที่ทำให้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ต้องออกมาตรการเร่งแก้ไขระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ก่อนที่สถานการณ์ฝุ่นพิษเหล่านี้จะคุกคามสุขภาพคนไทยให้ย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้ โดยรัฐบาลได้ออกแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไข ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เมื่อเดือนตุลาคม 2562 อาทิ ไม่ให้มีการเผาในไร่อ้อย 100% ภายในปี 2565, บังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษจากรถยนต์ใหม่ ยูโร 6/VI ภายในปี 2565, ส่งเสริมการจำหน่ายดีเซลB10 ฯลฯ เร่งรัดแผนการเปลี่ยนรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ให้เป็นรถยนต์ที่มีมลพิษต่ำ, พิจารณาปรับวิธีการและปรับลดอายุรถที่เข้ารับการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี, พิจารณาการเพิ่มภาษีรถยนต์เก่า,การลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ นี่เป็นบทพิสูจน์ว่าปัญหา PM2.5 ส่งผลกระทบส่งแรงกระเพื่อมไปยังทุกภาคส่วนในหลากหลายมิติ
ดังนั้น ขณะนี้เราจึงเห็นความพยายามจากหลายภาคส่วน ในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งนับเป็นอีกกลไกหนึ่งที่น่าจับตามองโดยเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ด้วยระบบบำบัดอากาศแบบเปียก (Venturi Scrubbers) ที่ถือเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่ง เนื่องจากประสิทธิภาพสูงมากในการรับอนุภาคขนาดเล็กโดยเฉพาะที่เล็กกว่า 1 ไมครอนโดยมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดสร้างขึ้น จากการสนับสนุนของกรมอู่ทหารเรือ ออกแบบโดยใช้พัดลมดูดอากาศเป็นตัวอัดอากาศเข้าไปในเครื่อง และใช้ละอองน้ำเป็นตัวดักจับฝุ่น และจากการทดสอบพบว่า อากาศที่ผ่านการบำบัดแล้วจะมีค่าความเข้มข้นPM2.5 เท่ากับ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานของอนามัยโลกที่กำหนดระดับดีมากไว้ที่ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อปล่อยอากาศที่บำบัดแล้วออกสู่ภายนอก อากาศที่ผ่านการบำบัดยังช่วยเจือจางความเข้มข้นของอากาศที่ยังไม่ได้บำบัดอีกด้วยโดยมุ่งหวังให้นำไปใช้ในพื้นที่เปิด ซึ่งมีค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานในระดับวิกฤติ เช่น พื้นที่เมือง เขตโรงพยาบาลโรงเรียน สนามบิน และพื้นที่แอ่งกระทะที่มีภูเขาล้อมรอบ
อย่างไรก็ตาม การดักจับฝุ่นด้วย Venturi Scrubbers มีรัศมีการบำบัดอากาศอยู่ในระดับพื้นที่ขนาดเล็ก ดังนั้นเพื่อให้ประสิทธิภาพของเครื่องบำบัดอากาศสามารถขยายพื้นที่ในรัศมีที่เพิ่มขึ้น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ จึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชน โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCในฐานะที่เป็นองค์กรซึ่งให้ความสำคัญในด้านการวิจัย จะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาร่วมสนับสนุนผ่านการลงนามภายใต้ “โครงการทดสอบและพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5” เพื่อพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศดังกล่าวให้สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ต่างๆ ที่ประสบปัญหาปริมาณสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีผลต่อสุขอนามัยของประชาชนทั่วประเทศ
ทั้งนี้การจัดสร้างเครื่องต้นแบบสำหรับบำบัดอากาศที่เป็นมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ที่ใช้งบประมาณไม่เกิน300,000 บาทต่อเครื่อง ดังนั้นความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานจะนำไปสู่การวิจัยพัฒนาต่อยอดตัวเครื่องให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น คาดว่าอีก 6 เดือน จะได้เห็นเครื่องบำบัดรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม
ด้าน ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ GC จะสนับสนุนสร้างเครื่องต้นแบบสำหรับบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ทั้งหมด7 เครื่อง แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ทาง GC จะสนับสนุนการสร้าง ติดตั้ง ทดลองในพื้นที่นำร่อง 2 พื้นที่ ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ บริเวณโดยรอบวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เขตพระนครจำนวน 3 เครื่อง และบริเวณรอบวังสระปทุม เขตปทุมวันจำนวน 4 เครื่อง หรืออาจจะเป็นพื้นที่ตามที่มูลนิธิกำหนด ส่วนระยะที่ 2 เมื่อมีการติดตั้งแล้วจะร่วมมือกับทางมูลนิธิ ในการติดตามรวบรวมข้อมูลและประเมินผลในด้านเทคนิคและประสิทธิภาพของการบำบัดอากาศเพื่อนำมาวิเคราะห์ที่จะนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาเพื่อหาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย GC มีความพร้อมที่จะพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมดังกล่าวและคาดว่าจะมีการขยายผลไปยังทุกภูมิภาคในประเทศต่อไป
โครงการดังกล่าวจะนำไปติดตั้งในพื้นที่นำร่องในส่วนของบริเวณเขตปทุมวัน เพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นและยากต่อการจัดการเรื่องฝุ่นละออง ซึ่งจะสามารถวัดประสิทธิภาพของเครื่องได้เป็นอย่างดี นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ และทางแก้ไขที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เช่น พื้นที่ในเมือง เขตโรงพยาบาล โรงเรียน สนามบิน พื้นที่แอ่งกระทะที่มีภูเขาล้อมรอบ เป็นต้น สำหรับระบบการทำงานของเครื่องนี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ซึ่งมีขีดความสามารถบำบัดอากาศที่ระดับความสูง 3 เมตรได้ เท่ากับ 0.086 ตารางกิโลเมตร ต่อ 12 ชั่วโมง ถ้าในกรณีที่มีความหนาแน่นของ PM2.5 เท่ากับ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุกๆ 1 วินาที เครื่องจะปล่อยอากาศบริสุทธิ์ที่บำบัดแล้วได้ถึง 2 ลูกบาศก์เมตร ที่ค่าความเข้มข้น PM2.5 เท่ากับ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (คิดประสิทธิภาพการบำบัดที่ 85%) ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานอนามัยโลกที่กำหนด ระดับดีมากไว้ที่ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ความร่วมมือในการแก้ไขฝุ่น PM2.5 ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรม ที่ไม่เป็นเพียงการส่งเสริมให้เกิดอุปกรณ์ที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่ยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นของคนไทยอีกด้วย
กระบองเพชร

ตอกหน้าฝรั่งดูแคลน! ประภาส เปิดอภินิหารคำว่า แล้ว พิสูจน์ความลึกซึ้งที่เหนือกว่า Tense
(คลิป) สื่อเขมร รายงานจริงครั้งแรก! ไทย ใช้ F-16 ทิ้งบอมปอยเปตพังท่องเที่ยวกัมพูชา
ปราชญ์ สามสี สดุดี จ่าเริง วีรบุรุษเนิน 350 ผู้ปกป้องแผ่นดินด้วยชีวิต
ทรัมป์ กร้าว ต้องการ กรีนแลนด์ เพื่อความมั่นคงของ สหรัฐฯ
เขมรกล่าวหาไทย ทิ้งระเบิด พ่นควันพิษ เป็น อาชญากรรมสิ่งแวดล้อม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี