ปัจจุบันการขับเคลื่อนของภาคเศรษฐกิจการลงทุนไม่ได้ขึ้นอยู่แค่เพียงผลตอบแทนการลงทุน ต้นทุนการเงิน การผลิต หรือสภาพทางการตลาด แต่พลวัตที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในทศวรรษนี้คือ สภาพทางสังคมทั้งเรื่องสุขภาพอนามัย ปัญหาสิ่งแวดล้อม สภาพของประชากรที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ฯลฯ เรื่องเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยแบบที่อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกแปลกใจ เช่นกรณีที่ ปตท. จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน กำลังร่วมมือกับสภาบันทางการแพทย์แห่งหนึ่ง ลงทุนคิดค้นยารักษาโรคมะเร็ง และยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ธุรกิจที่สอดคล้องสังคมผู้สูงวัย
สำหรับประเทศไทยในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากเรื่องภัยแล้ง ปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เกินมาตรฐานความปลอดภัย กำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อชีวิตประชาชน และส่งแรงกระเพื่อมไปถึงภาคธุรกิจ และปัญหาดังกล่าวกลายเป็นวาระแห่งชาติที่ทำให้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ต้องออกมาตรการเร่งแก้ไขระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ก่อนที่สถานการณ์ฝุ่นพิษเหล่านี้จะคุกคามสุขภาพคนไทยให้ย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้ โดยรัฐบาลได้ออกแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไข ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เมื่อเดือนตุลาคม 2562 อาทิ ไม่ให้มีการเผาในไร่อ้อย 100% ภายในปี 2565, บังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษจากรถยนต์ใหม่ ยูโร 6/VI ภายในปี 2565, ส่งเสริมการจำหน่ายดีเซลB10 ฯลฯ เร่งรัดแผนการเปลี่ยนรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ให้เป็นรถยนต์ที่มีมลพิษต่ำ, พิจารณาปรับวิธีการและปรับลดอายุรถที่เข้ารับการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี, พิจารณาการเพิ่มภาษีรถยนต์เก่า,การลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ นี่เป็นบทพิสูจน์ว่าปัญหา PM2.5 ส่งผลกระทบส่งแรงกระเพื่อมไปยังทุกภาคส่วนในหลากหลายมิติ
ดังนั้น ขณะนี้เราจึงเห็นความพยายามจากหลายภาคส่วน ในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งนับเป็นอีกกลไกหนึ่งที่น่าจับตามองโดยเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ด้วยระบบบำบัดอากาศแบบเปียก (Venturi Scrubbers) ที่ถือเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่ง เนื่องจากประสิทธิภาพสูงมากในการรับอนุภาคขนาดเล็กโดยเฉพาะที่เล็กกว่า 1 ไมครอนโดยมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดสร้างขึ้น จากการสนับสนุนของกรมอู่ทหารเรือ ออกแบบโดยใช้พัดลมดูดอากาศเป็นตัวอัดอากาศเข้าไปในเครื่อง และใช้ละอองน้ำเป็นตัวดักจับฝุ่น และจากการทดสอบพบว่า อากาศที่ผ่านการบำบัดแล้วจะมีค่าความเข้มข้นPM2.5 เท่ากับ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานของอนามัยโลกที่กำหนดระดับดีมากไว้ที่ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อปล่อยอากาศที่บำบัดแล้วออกสู่ภายนอก อากาศที่ผ่านการบำบัดยังช่วยเจือจางความเข้มข้นของอากาศที่ยังไม่ได้บำบัดอีกด้วยโดยมุ่งหวังให้นำไปใช้ในพื้นที่เปิด ซึ่งมีค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานในระดับวิกฤติ เช่น พื้นที่เมือง เขตโรงพยาบาลโรงเรียน สนามบิน และพื้นที่แอ่งกระทะที่มีภูเขาล้อมรอบ
อย่างไรก็ตาม การดักจับฝุ่นด้วย Venturi Scrubbers มีรัศมีการบำบัดอากาศอยู่ในระดับพื้นที่ขนาดเล็ก ดังนั้นเพื่อให้ประสิทธิภาพของเครื่องบำบัดอากาศสามารถขยายพื้นที่ในรัศมีที่เพิ่มขึ้น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ จึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชน โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCในฐานะที่เป็นองค์กรซึ่งให้ความสำคัญในด้านการวิจัย จะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาร่วมสนับสนุนผ่านการลงนามภายใต้ “โครงการทดสอบและพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5” เพื่อพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศดังกล่าวให้สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ต่างๆ ที่ประสบปัญหาปริมาณสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีผลต่อสุขอนามัยของประชาชนทั่วประเทศ
ทั้งนี้การจัดสร้างเครื่องต้นแบบสำหรับบำบัดอากาศที่เป็นมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ที่ใช้งบประมาณไม่เกิน300,000 บาทต่อเครื่อง ดังนั้นความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานจะนำไปสู่การวิจัยพัฒนาต่อยอดตัวเครื่องให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น คาดว่าอีก 6 เดือน จะได้เห็นเครื่องบำบัดรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม
ด้าน ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ GC จะสนับสนุนสร้างเครื่องต้นแบบสำหรับบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ทั้งหมด7 เครื่อง แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ทาง GC จะสนับสนุนการสร้าง ติดตั้ง ทดลองในพื้นที่นำร่อง 2 พื้นที่ ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ บริเวณโดยรอบวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เขตพระนครจำนวน 3 เครื่อง และบริเวณรอบวังสระปทุม เขตปทุมวันจำนวน 4 เครื่อง หรืออาจจะเป็นพื้นที่ตามที่มูลนิธิกำหนด ส่วนระยะที่ 2 เมื่อมีการติดตั้งแล้วจะร่วมมือกับทางมูลนิธิ ในการติดตามรวบรวมข้อมูลและประเมินผลในด้านเทคนิคและประสิทธิภาพของการบำบัดอากาศเพื่อนำมาวิเคราะห์ที่จะนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาเพื่อหาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย GC มีความพร้อมที่จะพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมดังกล่าวและคาดว่าจะมีการขยายผลไปยังทุกภูมิภาคในประเทศต่อไป
โครงการดังกล่าวจะนำไปติดตั้งในพื้นที่นำร่องในส่วนของบริเวณเขตปทุมวัน เพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นและยากต่อการจัดการเรื่องฝุ่นละออง ซึ่งจะสามารถวัดประสิทธิภาพของเครื่องได้เป็นอย่างดี นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ และทางแก้ไขที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เช่น พื้นที่ในเมือง เขตโรงพยาบาล โรงเรียน สนามบิน พื้นที่แอ่งกระทะที่มีภูเขาล้อมรอบ เป็นต้น สำหรับระบบการทำงานของเครื่องนี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ซึ่งมีขีดความสามารถบำบัดอากาศที่ระดับความสูง 3 เมตรได้ เท่ากับ 0.086 ตารางกิโลเมตร ต่อ 12 ชั่วโมง ถ้าในกรณีที่มีความหนาแน่นของ PM2.5 เท่ากับ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุกๆ 1 วินาที เครื่องจะปล่อยอากาศบริสุทธิ์ที่บำบัดแล้วได้ถึง 2 ลูกบาศก์เมตร ที่ค่าความเข้มข้น PM2.5 เท่ากับ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (คิดประสิทธิภาพการบำบัดที่ 85%) ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานอนามัยโลกที่กำหนด ระดับดีมากไว้ที่ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ความร่วมมือในการแก้ไขฝุ่น PM2.5 ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรม ที่ไม่เป็นเพียงการส่งเสริมให้เกิดอุปกรณ์ที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่ยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นของคนไทยอีกด้วย
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี