สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) หมายถึง สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่อยู่จริงในพื้นที่ต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน ในอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 10 ขึ้นไป หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปที่อยู่จริงในพื้นที่ต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน ในอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 7 ขึ้นไป
สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) หมายถึง สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปที่อยู่จริงในพื้นที่ต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน ในอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 20 ขึ้นไป หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปที่อยู่จริงในพื้นที่ต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน ในอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 14 ขึ้นไป
อัตราประชากรโลกนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2493-2563ผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปค่อยๆ มีแนวโน้มสูงขึ้น ผิดกับจำนวนประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีที่พุ่งต่ำลง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ต่อจำนวนประชากรอายุระหว่าง 20-64 ปีมากถึงร้อยละ 51 ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนผู้สูงอายุต่อจำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลก การเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุในญี่ปุ่นสวนทางกับความเป็นไปได้ของอัตราการเกิดใหม่ ในปีพ.ศ.2562 อัตราการเกิดทั่วประเทศลดลงต่ำกว่า 900,000 คน ทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ (super-aged society) มีการคาดการณ์ว่าในปีพ.ศ.2568 ญี่ปุ่นจะมีประชากรผู้สูงอายุ 1 คนต่อประชากรวัยแรงงาน 2 คน จากสถิติปีพ.ศ. 2562 อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นในผู้หญิง คือ 87.45 ปี และในผู้ชาย คือ 81.41 ปี นับว่าสูงมากทั้งสองเพศ
จำนวนผู้สูงอายุที่มากกว่าคนวัยทำงาน ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในโลกทุนนิยม เพราะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีความจำเป็นต้องใช้แรงงานมนุษย์ เมื่อประชากรส่วนมากเป็นผู้สูงอายุ ทำให้การจ้างงานลดต่ำลง ผลผลิตจึงลดลงมาด้วย ขณะที่รัฐยังต้องจ่ายเงินบำนาญให้แก่ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เมื่อมาดูสภาพสังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันที่อัตราการเกิดต่ำแต่ผู้คนอายุยืนขึ้นจนค่าเฉลี่ยอายุสูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าคนรุ่นใหม่ได้แต่ทำงานส่งเงินเข้าระบบ เลี้ยงดูผู้รับเงินบำนาญที่มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ญี่ปุ่นให้เงินบำนาญผู้สูงอายุตั้งแต่ปีพ.ศ. 2504 แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ (1) ระบบเงินบำนาญแห่งชาติ คือเงินบำนาญรูปแบบพื้นฐานที่สุด เก็บจากคนที่มีอายุ 20-60 ปี โดยไม่เกี่ยวกับว่าประกอบอาชีพอะไร (2) ระบบบำนาญลูกจ้างเอกชน (3) ระบบเงินบำนาญของข้าราชการและสมาคมอาชีพต่างๆ
ส่วนเงินที่จะได้รับ ขึ้นอยู่จำนวนเงินที่ได้จ่ายเข้าระบบกันคนละเท่าไหร่ ที่เป็นมาตรฐาน คือ หากจ่ายเงินเข้าระบบอย่างต่ำ 40 ปี จะได้รับเงินจำนวน 800,000 เยนต่อปีหรือประมาณ 240,000 บาท เฉลี่ยประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน
เป็นธรรมเนียมของชาวเอเชียที่ลูกๆต้องกตัญญูต่อบิดามารดา ผู้สูงอายุบางคนจึงยังคงอยู่กับลูกๆหลานๆ ดังนั้น เงินบำนาญที่คนสูงอายุในญี่ปุ่นได้ สำหรับบางครอบครัวเปรียบเสมือนรายได้หลักของครอบครัว เพราะสมาชิกในบ้านสามารถนำมาจุนเจือ จับจ่ายใช้สอยแบ่งเบาภาระลูกหลานได้
เงินบำนาญของผู้สูงอายุของบางครอบครัว ถือเป็นรายได้หลัก ทำให้บางกรณีผู้สูงอายุถึงแก่มรณกรรมแล้ว แต่ครอบครัวไม่ได้แจ้งแก่ทางการ ไม่มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่กลับฝังศพไว้ในบ้าน เพื่อคอยรับเงินบำนาญ มาจับจ่ายใช้สอยต่อไป ทางการญี่ปุ่นจึงมีการตรวจฐานข้อมูลผู้สูงอายุ และมีการสุ่มไปถึงบ้านว่าผู้รับบำนาญยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ผลปรากฏว่า ยิ่งตรวจสอบยิ่งพบกรณีที่เกิดขึ้น
ที่น่าเศร้า คือ ผู้สูงอายุบางคนหนีออกจากบ้าน แต่ลูกหลานไม่ได้แจ้งคนหาย ไม่ได้ติดตามหาตัว แต่ยังคงรับเงินบำนาญเรื่อยๆ
ผู้สูงอายุในญี่ปุ่นมากกว่า 6 ล้านคนไม่มีครอบครัว หรือลูกหลานอาจอยู่ห่างไกล ทำให้ต้องอยู่เพียงลำพัง ยังชีพด้วยเงินบำนาญ ถ้าไม่มีบ้านเป็นของตนเอง ต้องนำเงินบำนาญมาเสียค่าเช่าบ้าน หรือแม้จะมีบ้านพักคนชรา แต่คงไม่สุขสบาย เงินบำนาญที่ได้รับจึงไม่พอเพียงที่จะใช้จ่ายผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยในสังคมญี่ปุ่น ที่มีความรู้สึกว่าถูกโดดเดี่ยวและมีความเหงา ทำให้ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อย ต้องการหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์เหล่านี้ได้
ญี่ปุ่นประสบปัญหาสังคม ที่คนชราหรือผู้สูงอายุกลายเป็นกลุ่มคนที่ก่ออาชญากรรม ในรอบ 10 ปีมานี้ สัดส่วนการก่ออาชญากรรมโดยเฉพาะการลักทรัพย์ของคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีสัดส่วนมากกว่าวัยรุ่นญี่ปุ่นอายุ 14-19 ปี
จากสถิติในปีพ.ศ. 2555 พบว่าจำนวนผู้สูงอายุในกรุงโตเกียว ถูกจับในข้อหาลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 28,673 คน แต่ตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่ามาก เพราะมีหลายรายที่ไม่ได้แจ้งความไว้ เนื่องจากสงสาร ในขณะที่จำนวนกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่นที่ประกอบอาชญากรรมในรูปแบบเดียวกันนั้นอยู่ที่ 19,465 คน โดยสิ่งของกว่าร้อยละ 70 ที่ผู้สูงอายุลักขโมยจะเป็นของใช้ที่มีราคาไม่สูงมาก เช่น เสื้อผ้าเก่า จักรยานเก่า หรือเป็นอาหาร หรือของที่ทานได้ เช่น ข้าวปั้น อาหารชุดเบ็นโตะ ปลาไหลย่าง สาเก ผลไม้ ขนมต่างๆ
แม้เวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน การลักทรัพย์ยังคงเป็นคดีเล็กๆ แต่ผู้ก่ออาชญากรรมที่มีอายุมากกว่า 65 ปีมากกว่า 1 ใน 3 เคยก่อเหตุมามากกว่า 5 ครั้ง การขโมยขนมปังราคา 200 เยนหรือประมาณ 50 บาท มีโทษจำคุกถึง 2 ปี
การก่ออาชญากรรมของผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่น กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ต้องหาสูงอายุในเรือนจำไม่มีที่อยู่ ไม่มีรายได้ มองว่าสังคมข้างนอกน่ากลัว การอยู่บ้านพักคนชราไม่ได้สุขสบายและต้องการบ้านพักราคาถูก จึงเชื่อว่า เรือนจำมีอาหารครบ 3 มื้อ มีที่หลับนอน มีเพื่อนๆวัยชราพูดคุยด้วย มีกิจกรรมต่างๆ ทั้งยังมีการตรวจสุขภาพประจำปี
เรือนจำในญี่ปุ่นได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลและเอกชน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ผู้สูงอายุบางคน เงินบำนาญที่ได้รับอาจไม่พอสำหรับการซื้ออาหารดีๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ติดเครื่องทำความร้อน
เมื่อย้อนนึกถึงประเทศไทย ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เกิดมุมมืดของผู้สูงอายุเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี