วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
หลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ที่รัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมารัฐบาลต้องออกมาตราการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการสั่งปิดสถานบริการบางประเภท การจำกัดการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ บางแผนกทำงานที่บ้านให้ (Work from Home) เช่นเดียวกับภาคเอกชน การเรียนการสอนให้ใช้วิธีออนไลน์
วัคซีนจึงเป็นความหวังในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) เพื่อให้การดำเนินชีวิตกลับมาใช้อย่างปกติ รัฐบาลได้พยายามรณรงค์โดยให้ประชาชนฉีดวัคซีน ที่รัฐบาลได้จัดสรร เช่น การลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม ไทยร่วมใจ ทั้งยังมีวัคซีนทางเลือกที่ประชาชนต้องจ่ายเงินเอง
ความคิดในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ไม่ใช่จะมีแต่เฉพาะในประเทศไทย ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทางการได้ประกาศมาตรการกำหนดให้ผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสให้พนักงาน สำหรับลูกจ้างที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องได้รับการรับการตรวจหาเชื้อทุกๆ สัปดาห์ สำหรับบุคลากรภาครัฐนั้นต้องฉีดวัคซีนทุกคน กรณีฝ่าฝืนจะมีโทษทางวินัยและถูกเลิกจ้างได้ เว้นแต่จะมีโรคประจำตัวที่ทำให้ฉีดวัคซีนไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องได้รับการรับการตรวจหาเชื้อทุกๆ สัปดาห์
เมื่อทางการสหรัฐฯเปิดไฟเขียว ทำให้บริษัทชั้นนำหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นกูเกิล เฟซบุ๊ค เน็ตฟลิกซ์เดลตาแอร์ไลน์ ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ต่างออกกฎเหล็กมีใจความสำคัญคล้ายกันว่า พนักงานจะต้องฉีดวัคซีนครบโดส
กฎเหล็กของยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ถึงขั้นว่าพนักงานที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน ห้ามกลับเข้า ทั้งต้องถูกพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างและจะนำไปสู่กระบวนการเลิกจ้าง เว้นแต่ผู้มีสุขภาพไม่สมบูรณ์
ที่เมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลียกระทรวงแรงงานได้ออกข้อบังคับให้แรงงานทุกคนที่ปฏิบัติงานในสถานที่ก่อสร้างต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดส ก่อนเข้าทำงาน
ในประเทศฝรั่งเศส กำหนดให้บุคลากรสาธารณสุขทุกคนต้องฉีดวัคซีน ผู้ที่ต้องการเข้าโรงภาพยนตร์หรือโดยสารรถไฟ ต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนหรือผลตรวจโควิดเป็นลบ นอกจากนี้เจ้าของธุรกิจที่ไม่ตรวจหลักฐานทางสุขภาพของลูกค้า จะถูกปรับเงินเริ่มต้นที่1,500 ยูโร และจะเพิ่มสูงขึ้นหากฝ่าฝืนกฎในครั้งต่อๆ ไป
ในประเทศอิตาลี รัฐบาลออกกฎหมายบุลาการต้องฉีดวัคซีน ผู้ไม่ยอมฉีดวัคซีนอาจถูกพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างในเวลาที่เหลือทั้งปี
ในประเทศไทย เพื่อต้องการให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ สถานประกอบการบางแห่ง นายจ้างออกคำสั่งประกาศให้ลูกจ้างต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ห้ามเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง หากไปพื้นที่เสี่ยง จะต้องกักตัวและไม่จ่ายค่าจ้าง หรือต้องไปตรวจหาเชื้อให้ปลอดจากโรค หลังจากนั้น จึงสามารถกลับเข้ามาปฏิบัติงาน หรือออกคำสั่งให้ไปฉีดวัคซีนกับทางการ หรือตามที่นายจ้างจัดให้ฉีด หากไม่ไปจะไม่ให้เข้าทำงานชั่วคราว หรือลงโทษทาง วินัย เลิกจ้าง ตัด หรือไม่ขึ้นค่าจ้าง ไม่จ่ายโบนัส ตัดสวัสดิการ เพราะการละเลยส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจของนายจ้าง ทั้งยังทำให้เพื่อนร่วมงานเดือดร้อน
มาตรการเหล่านี้ เจตนาของนายจ้างเพื่อป้องกันตัวลูกจ้าง คนรอบข้าง และไม่ให้มีการแพร่ระบาดในสถานประกอบการหรือที่ทำงาน เพราะหากมีการระบาดอาจถูกทางการสั่งปิด หยุดการผลิต การบริการกระทบต่อรายได้ ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือของนายจ้างอย่างมาก
การที่นายจ้างออกประกาศกำหนดให้ลูกจ้าง ต้องฉีดวัคซีน โควิด-19 หากลูกจ้างไม่ยอมปฏิบัติตาม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเกรงว่าจะมีปัญหาทางด้านสุขภาพ จนถึงขนาดพิการ หรือเสียชีวิต ตามที่ปรากฏเป็นข่าว แม้จะถือเป็นเพียงส่วนน้อยมากก็ตาม นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศ
นายจ้างจะถือเป็นเหตุเลิกจ้างลูกจ้างนั้นได้หรือไม่ มีหลักในการพิจารณาอยู่ว่า ประกาศดังกล่าว ถือเป็นการสร้างภาระให้แก่ลูกจ้างหรือไม่ หากเป็นประกาศที่มุ่งกำหนดไปที่ตัวของลูกจ้างเอง อาจได้ว่าเป็นการสร้างภาระให้แก่ลูกจ้างโดยไม่จำเป็น เมื่อนายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงาน นายจ้างต้องจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างตามกฎหมายแรงงาน
แต่หากเป็นประกาศ ที่มีเจตนารมณ์ เพื่อประโยชน์ต่อพนักงานอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกัน ถือเป็นประโยชน์ทางด้านสุขภาพและอนามัยแก่คนส่วนใหญ่ที่ทำงานร่วมกัน โดยไม่ได้มุ่งเป็นภาระที่ลูกจ้างแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อลูกจ้างไม่ยอมปฏิบัติตาม นายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงานไม่ต้องจ่ายเงินค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
ขณะนี้ได้เริ่มมีบางบริษัท ออกประกาศเกี่ยวกับพนักงานลูกจ้าง มีสาระสำคัญว่า เมื่อลูกจ้างมีความเสี่ยงสูงที่อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลที่ได้รับเชื้อโควิด-19และเป็นเหตุให้ลูกจ้างต้องกักตัว 14 วัน นายจ้างให้ลูกจ้าง ขอรับประโยชน์ทดแทนจากสำนักงานประกันสังคมในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน โดยที่นายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างในช่วงนั้นเพราะถือเป็นเหตุสุดวิสัย
กรณีดังกล่าว แม้แต่เจ้าหน้าที่ทางด้านกฎหมายแรงงาน ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่เจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมมีความเห็นว่า สามารถทำได้
เมื่อเปรียบเทียบกับในต่างประเทศ มีคดีที่คนไม่ฉีดวัคซีนถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมบางอย่างจนมีการนำคดีไปฟ้องศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน ศาลได้พิพากษายกฟ้องโดยเหตุผลว่า การป้องกันสุขภาพของบุคคลอื่นและประโยชน์สังคม อยู่เหนือกว่าสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล
โรคโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ หากมีการเลิกจ้างกรณีลูกจ้างไม่ฉีดวัคซีน และไม่จ่ายค่าชดเชย คงต้องติดตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาของศาลไทยเพื่อถือเป็นบรรทัดฐานต่อไป

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี