วันอาทิตย์ ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2565 ได้เกิดเหตุดินสไลด์ในซอยศรีสัมพันธ์ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พื้นดินยุบตัว บ้านและสิ่งปลูกสร้างบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหายกว่า 20 หลัง นับว่าโชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต นั่นคงเป็นเพราะเหตุเกิดประมาณเวลา18.00 น. ผู้คนยังไม่ได้หลับนอน
บ่อดินที่เกิดเหตุ เป็นที่ดินพื้นที่ปากบ่อดินรวมประมาณ 850,000 ตารางเมตร และมีความลึกจากระดับพื้นดินมากกว่า 20 เมตร มีระยะห่างจากพื้นที่ปากบ่อดินถึงเขตลำคลองสาธารณะประมาณ 4.50 เมตร
โดยเมื่อปีพ.ศ.2559 ได้มีบริษัทเอกชนขุดดิน แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพ.ร.บ. การขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 และได้ขุดดินแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2560แต่เมื่อประมาณปี พ.ศ.2562 ได้ขุดดินเพิ่มเติมโดยไม่ได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ทำให้การขุดดินเป็นไปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายและหลักวิชาการ ความลาดของเนินดินมีความชันมาก ประกอบกับดินบริเวณจังหวัดสมุทรปราการเป็นดินอ่อน
เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2565 มีการพบรอยแยกของดิน บริเวณริมคลองบางกระบือ ซึ่งเป็นคลองที่ตัดผ่านระหว่างบ่อขุดดินและพื้นที่เกิดเหตุ ชาวบ้านได้แจ้งหน่วยงานในพื้นที่ รวมทั้งเจ้าของบริษัทเอกชนที่ขุดหน้าดิน แม้ทางอบต.บางปลา ได้มีคำสั่งห้ามใช้เครื่องจักรในพื้นที่ แต่ชาวบ้านยังพบว่ามีการนำเครื่องจักรมาใช้ในพื้นที่
พ.ร.บ. การขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 มีการบังคับใช้เนื่องจาก การขุดดินเพื่อขนดินไปถมพื้นที่ก่อสร้างที่อยู่อาศัย หรือกิจการอื่นเป็นไปอย่างกว้างขวางแต่การขุดดิน หรือถมดินยังไม่เป็นไปตามหลักวิชาการจึงต้องกำหนด กฎเกณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของประชาชน
เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น หากปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรการป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้างในการขุดดินหรือถมดิน พ.ศ.2548ข้อ 7 กำหนดให้การขุดดินที่มีความลึกจากระดับพื้นดินเกิน 3 เมตร หรือมีพื้นที่ปากบ่อดินเกิน 10,000ตารางเมตร ปากบ่อดินจะต้องห่างจากที่สาธารณะ เป็นระยะไม่น้อยกว่า 2 เท่า ของความลึกของบ่อดินที่จะขุด ข้อ 5 ได้กำหนดให้การขุดดินที่มีความลึกเกิน20 เมตร ต้องมีการป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้าง โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับวัดการเคลื่อนตัวของดินด้วย
แต่ตามข้อเท็จจริง พื้นที่บ่อดินบริเวณที่เกิดเหตุมีการขุดดิน และไม่ได้มีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแต่อย่างใด
ตามพ.ร.บ. การขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543ซึ่งเป็นกฎหมายหลัก ตาม 17 ได้วางหลักว่า ผู้ใดประสงค์จะทำการขุดดินโดยมีความลึกจากระดับพื้นดินเกิน 3 เมตร หรือมีพื้นที่ปากบ่อดินเกิน 10,000 ตารางเมตรหรือมีความลึกหรือพื้นที่ตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศกำหนด ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยยื่นเอกสารแจ้งข้อมูลที่สำคัญ เช่น แผนผังบริเวณที่ประสงค์จะทําการขุดดิน แผนผังแสดงเขตที่ดินและที่ดินบริเวณข้างเคียง วิธีการขุดดิน และการขนดินระยะเวลาทําการขุดดิน ชื่อผู้ควบคุมงาน ที่ตั้งสำนักงานของผู้แจ้ง หลังจากนั้นเจ้าพนักงานท้องถิ่นออกใบรับแจ้งให้แก่ผู้แจ้งภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หลังจากนั้นผู้แจ้งจึงเริ่มต้นทำการขุดดินตามที่ได้แจ้งไว้ได้ตั้งแต่วันที่ได้รับใบรับแจ้ง
การไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งยังมีโทษการขุดดินที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย คือต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และปรับเป็นรายวันอีกวันละไม่เกิน 1,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตาม
การขุดดินที่ไม่ต้องมีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เช่น การขุดบ่อน้ำใช้ที่มีพื้นที่ปากบ่อไม่เกิน 4 ตารางเมตร
แม้ตามพ.ร.บ. การขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 จะมีบทลงโทษ ในกรณีที่ เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้จัดการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหรือจัดการแก้ไขการขุดดิน คือ ระวางโทษปรับไม่เกิน30,000 บาทและปรับเป็นรายวันอีกวันละไม่เกิน500 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตาม แต่เหตุการณ์ดินถล่มที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าเจ้าของบริษัทเอกชนที่ขุดหน้าดิน จะไม่เคารพต่อกฎหมาย อาจเป็นไปได้ว่า ยอมเสียค่าปรับดีกว่ายอมเสียผลประโยชน์
อย่างไรก็ตาม การได้รับใบรับแจ้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นนี้ จะไม่เป็นเหตุคุ้มครองการขุดดินที่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลหรือต่อสภาพแวดล้อม ดังนั้น ผู้ขุดดินไม่ว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินผู้ครอบครองที่ดิน ลูกจ้างหรือตัวแทน จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
นอกจากนี้ ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วน บริษัทหรือนิติบุคคลอื่นกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. การขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 กรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลใด
ซึ่งรับผิดชอบในการกระทำอันเป็นความผิด ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้นๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำนั้นได้กระทำโดยตนไม่ได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย
เจ้าของที่ดินจำนวนไม่น้อย ที่เข้าใจว่าในเมื่อเป็นที่ดินของตน ย่อมมีสิทธิที่จะทำอะไรได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 “การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย”
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2562 จำเลยขุดดินในที่ดินของจำเลยนำไปขายในธุรกิจรับเหมาถมดิน โดยขุดทั้งแปลง 25 ไร่ ลึกกว่า 3 เมตร ห่างจากแนวเขตที่ดินโจทก์น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ทำให้ที่ดินจำเลยมีสภาพเป็นบ่อขนาดใหญ่ และที่ดินโจทก์มีสภาพเป็นขอบบ่อสูงชันเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์อันเป็นการละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 421 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวมีสิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไป และไม่ลบล้างสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหาย
แม้เจ้าของที่ดินจะมีสิทธิที่จะกระทำการใด ต้องคำนึงด้วยว่า ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น

‘ดร.ปณิธาน’วิเคราะห์ 3 รูปแบบความขัดแย้ง ไทยกำลังถูกบีบกลับสู่โต๊ะเจรจา
สตูลเปิดม่านทะเล ฤดูกาลท่องเที่ยวเริ่มแล้ว ชูภาพลักษณ์ยั่งยืน 'รักษ์เล ป่า' ครั้งที่ 23
ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันอาทิตย์ 16 พฤศจิกาย 2568
สวนดุสิตโพลชี้! คนไทยหวังซีเกมส์เป็น'โอกาสทางเศรษฐกิจ' ดันท่องเที่ยวต่อยอด'มวยไทย'
เกษตรกรระทม! 'วัวควาย'ติดโรคยกตำบล ระบาดหนักรอบ10ปี'โรคปากเท้าเปื่อย'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี