“สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ... ปญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ” เป็นคำขึ้นต้นบทเจริญพระสังฆคุณ หากเป็นคำบูชาพระรัตนตรัย คือ“สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สงฺฆํ นมามิ”
“สุปฏิปนฺโน” แปลตามศัพท์ว่า “ปฏิบัติดีแล้ว” “สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ” “สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว” คือ ปฏิบัติตามหลักมัชฌิมาปฏิปทา ปฏิบัติไม่ถอยหลัง ปฏิบัติสอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ดำรงอยู่ในธรรมวินัย
พระสงฆ์ที่ดำรงอยู่ในธรรมวินัยมีอยู่เป็นส่วนใหญ่ถือว่าเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่เคารพสักการะแต่ไม่ใช่พระทุกรูปที่จะเป็นผู้ปฏิบัติดี
ข่าวค(ร)าวของอดีตพระพี่กาโตะ หรือนายพงศกร จันทร์แก้ว อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ชื่อเล่นว่าแรมโบ้โด่งดังมาจากการทำคลิปธรรมะเชิงสนุกสนานเข้าใจง่ายมีมุขตลกที่แฝงด้วยคติธรรม เข้าสู่การบวชเป็นพระจากการสัญญากับแม่ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง และตัดสินใจไม่เรียนต่อชั้นมหาวิทยาลัย เพื่อดูแลโยมแม่
กาโตะมีคณะหนังตะลุงเป็นของตัวเองชื่อ “คณะแรมโบ้ ศ.สุวรรณศิลป์” ตอนอายุเพียง 13 ปี เสน่ห์ของหนังตะลุงจะอยู่ที่คนพากย์ ที่ต้องพากย์สนุก ใส่มุขตลกลงไป มีน้ำเสียงที่ดึงดูดประกอบกับต้องมีความรู้รอบตัว รู้ทันข่าวสารเพื่อนำไปพากย์ประกอบ กาโตะล้วนมีสิ่งนี้ ทำให้คนดูอยากติดตาม จนเมื่อมาบวชเป็นพระ มีคนติดตามฟังธรรมะไม่ขาดสาย
กาโตะ “โด่งดังเพราะคำคม ล่มจมเพราะคลำเธอ”เพราะช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 ได้มีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงที่แสดงถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้ง คนจำนวนน้อยไม่น้อยมุ่งเป้าว่า น่าจะเป็นเสียงกาโตะอดีตพระนักเทศน์ จนเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมพ.ศ.2565 กาโตะได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์รายการหนึ่งโดยยอมรับว่า มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาวที่ชื่อตองเนื่องจากถูกยั่วยวน และบอกด้วยว่าถูกฝ่ายหญิงแบล็กเมล์พยายามขอเงินมาตลอด
เมื่อไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาว จากที่เรียกกันว่า “พระกาโตะ” “หลวงพี่กาโตะ” กลับกลายมาเป็น “สมีกาโตะ” สิ้นสุดความเป็นสมณเพศ
ทิด หมายความว่า ผู้มีความรู้ ผู้ผ่านการอบรมสั่งสอนมาแล้ว เพี้ยนมาจากคำว่า บัณฑิต เป็นคำใช้เรียกผู้ที่สึกจากการเป็นพระ ที่เรียกเช่นนี้ เพราะในสมัยก่อน การบวชพระจะเรียกว่าการบวชเรียน ผู้ที่บวชจะได้ศึกษาวิชาความรู้ ทั้งทางโลกและทางธรรมจากวัด
“สมี” เป็นคำเรียกพระที่ทำผิดโทษสถานหนัก คือ อาบัติปาราชิก บุคคลที่เป็นสมีจะไม่สามารถบวชได้อีกตลอดชีวิต พระภิกษุที่อาบัติปาราชิกจะถูกให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที ไม่ว่าจะยินยอมสึกหรือไม่ เหตุที่เป็นโทษสถานหนักถึงขั้นอาบัติปาราชิกมีด้วยกัน 4 ประการ คือ (1) ภิกษุเสพเมถุน (2) เมื่อลักขโมยข้าวของที่เจ้าของไม่อนุญาต (3) ฆ่าผู้อื่น หรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่า รวมถึงมีเจตนาจะฆ่าโดยวางแผน ไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่าจนเสียชีวิต (4) เมื่อพูดโอ้อวด หรือกล่าวอ้างคุณวิเศษด้านภูมิธรรม เช่น ยังไม่บรรลุโสดาบัน แต่แอบอ้างว่าตนบรรลุแล้ว
ไม่เพียงแต่การตกเป็นข่าวมีความสัมพันธ์กับสีกาตอง กาโตะยังถูกเปิดโปงพฤติกรรมว่า มีการเบิกเงินวัดเพ็ญญาติจำนวน 600,000 บาท เพื่อปกปิดข่าวของตนเอง โดยแบ่งให้สีกาตอง 300,000 บาท และพระคนกลางอีก 3 รูป เพื่อนำไปจ่ายเงินให้แก่นักข่าวในพื้นที่ ต่อมากาโตะอ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นการยืม และได้มีการนำเงินส่วนตัวไปคืนให้วัดแล้ว โดยมีพยานรับทราบ ลงชื่อพยานประกอบด้วย พระระดับเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล นายก อบต. และผู้ใหญ่บ้าน
ตามกฎหมายอาญา ถือได้ว่า การกระทำความผิดสำเร็จลงแล้ว แม้จะมีการเอาเงินมาคืนภายหลัง
สำหรับเจ้าอาวาสนอกจากเป็นผู้แทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลแล้ว ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 45 ให้ถือว่าเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรเป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญาด้วย การเป็นเจ้าอาวาสและพนักงานตามกฎหมายอาญาในขณะเดียวกัน ต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนธรรมดา การเบิก-จ่าย ต้องทำไปเพื่อวัด ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
คำพิพากษาฎีกาที่ 2003-2005/2500 ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นพระภิกษุได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่การงานในทางทุจริต เรียกเอาเงินสินบนในการให้เช่าที่ดินของวัดมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบน
กรณีกาโตะ หากการนำเงินไปในขณะรักษาการเจ้าอาวาส จะมีความผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ มาตรา 147 ของประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท”ยอมความไม่ได้
แต่หากการแต่งตั้งกาโตะรักษาการเจ้าอาวาสไม่ถูกต้องตามระเบียบคณะสงฆ์ กาโตะมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ มาตรา 352 “ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
สำหรับการกระทำของสีกาตอง เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์เป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ มาตรา 337 “ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท”
ใครทำอะไร รับกรรมกันไป รับโทษกันไป เรื่องนี้ทั้งสมีและสีกา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี