ในที่สุดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(ผู้ว่าฯ กทม.) และนายกเมืองพัทยา รวมทั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเมืองพัทยา ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับจากนี้ต่อไป ประชาชนหวังเพียงว่า พวกท่านๆ คงสามารถทำตามนโยบายตามที่ท่านได้หาเสียงไว้อย่างสำเร็จครบถ้วน ทำให้เป็นรูปธรรมให้ได้ อย่าให้เป็นเพียงแค่ลมปาก หรือตัวอักษรบนป้ายหาเสียง
ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่างไม่เป็นทางการ อันดับ 1 เบอร์ 8 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์สมัครในนามอิสระ 1,386,215 คะแนน อันดับ 2 เบอร์ 4 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์254,647 คะแนน อันดับ 3 เบอร์ 1 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล 253,851 คะแนน
ชัยชนะของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นไปตามผลโพลล์หลายสำนักที่ชี้ชัดคะแนนนิยมของนายชัชชาติ ที่ไม่เคยแผ่วลงนับตั้งแต่ประกาศตัวลงสนามแข่งขัน จนมาถึงวันเลือกตั้ง รอเพียงคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ประกาศผลอย่างเป็นทางการภายใน 30 วันนับจากวันเลือกตั้ง
โพลล์ (Poll) มาจาก โพลล์ความเห็น (Opinion Poll) เป็นการสำรวจความคิดเห็นของสาธารณชน (Public Opinion) ต่อเรื่องใดๆ เรื่องหนึ่งโดยทำการสุ่มสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่อให้ทราบว่าประชาชนคิดเห็นเช่นไร
คำถามที่มีต่อโพลล์ คือ โพลล์เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่หรือไม่ โพลล์มีส่วนในการชี้นำผลการเลือกตั้งหรือไม่
คนทั่วไปมักจะตั้งข้อสังเกตว่า โพลล์หรือผลสำรวจความคิดเห็นจะถูกต้องตรงกับความเป็นจริงแค่ไหน เพราะไม่ได้สอบถามคนทุกๆ คนที่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ การชิมแกงหม้อใหญ่ว่ามีรสชาติอย่างไร ไม่จำเป็นต้องทานแกงทั้งหม้อจึงจะรู้รส เพียงแค่คนแกงให้เข้ากันแล้วชิมจะทราบรสของแกงทั้งหมดได้ การทำโพลล์ก็เช่นกัน หากทำถูกต้องตามหลักวิชาการ ผลโพลล์จะถูกต้องและใกล้เคียงความจริงมาก
หากย้อนเวลาไป คงไม่ต้องมาถามกันแล้วว่า โพลล์ของนายชัชชาติ มีความน่าเชื่อถือเพียงใด เพราะชัยชนะของนายชัชชาติ เป็นไปตามการคาดหมาย เรียกว่า ไม่พลิกโผ แต่ที่ใครต่อใครไม่คาดคิด นั่นคือคะแนนท่วมท้นชนิดแลนด์สไลด์ (Landslide) ได้อันดับ 1 ทุกเขต ทิ้งคู่แข่งชนิดไม่เห็นฝุ่น ทุบพังสถิติเดิมของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แห่งพรรคประชาธิปัตย์ เรียกได้ว่า ได้คะแนนเสียงรับเลือกตั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ตามหลักแล้ว การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะเป็น4 ปีครั้ง แต่ครั้งนี้ ใช้เวลาถึง 9 ปี และการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครใช้เวลาถึง 12 ปี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่างรอวันนี้ ประกอบกับต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ทำให้มีผู้มาใช้สิทธิถึงร้อยละ 60.73
เมื่อนายชัชชาติได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้ว จะเห็นได้ว่า มีข้อดีที่แตกต่างจากนักการเมืองหลายๆ คนคือ ประกาศยอมรับที่จะนำนโยบายที่ดีของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.คนอื่นๆ มาดำเนินการต่อ โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นนโยบายของคนอื่น
มีข้อสังเกตว่า นายชัชชาติเป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ดีใส่ใจในรายละเอียด อย่างกรณี ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง จะทำให้มีขนาดเล็กที่สุด (0.6 x 2.4 เมตร และ 0.6x0.8 เมตร) เพื่อไม่ให้ลำบากต่อการสัญจรของคนเดินถนน ทั้งป้ายหาเสียงทำมาจากไวนิล เพื่อไม่ให้กลายเป็นขยะหลังการเลือกตั้ง โดยนำมาหมุนเวียน (Recycle) ใช้ตัดเย็บเป็นกระเป๋าหรือเป็นผ้ากันเปื้อน นอกจากนั้นยังมีปริมาณน้อยกว่าผู้สมัครคนอื่น โดยมีปริมาณน้อยกว่า ร้อยละ 50 ที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้สมัครทำได้
ในตอนแรกผู้คนทั่วไปเข้าใจว่า เมื่อเสร็จการเลือกตั้ง นายชัชชาติได้อนุญาตให้นำป้ายหาเสียงไวนิลไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น เช่น กระเป๋า, ผ้ากันเปื้อนแต่เมื่อมีผู้ร้องกกต.ว่า อาจผิดกฎหมายเลือกตั้งเพราะเป็นการให้ประโยชน์แก่บุคคลอื่นที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งคณะทำงานของนายชัชชาติจึงต้องรีบออกมาแก้ว่า ไม่ได้ให้บุคคลทั่วไป แต่ให้คณะทำงานของนายชัชชาติใช้กันเอง ซึ่งพอฟังได้ว่า แก้ตัวขึ้น
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้อนุญาตให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนำปากกามาเองเพื่อมากาบัตรเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลที่น่าจะมีที่มาว่า ยังมีการระบาดโรคโควิด-19 การไม่ใช้ปากการ่วมกัน จะหลีกเลี่ยงการติดโรคได้ แต่กกต.ยังจัดปากกาไว้ที่หน่วยเลือกตั้ง สำหรับคนที่ไม่ได้นำปากกาติดตัวมาเอง
ประเด็นมีว่า กกต.ได้กำหนดว่า หากนำปากกาสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำเงินมากาบัตร จะถือว่าเป็นบัตรเสีย โดยที่ไม่ได้ประกาศให้ชัดเจนและให้ทราบล่วงหน้ากันก่อน ผลสุดท้าย หลังจากนักวิชาการแสดงความคิดเห็นว่า ข้อกำหนดดังกล่าว อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้กกต.ต้องรีบออกมาแก้ตัวให้ความกระจ่างว่า การใช้ปากกาสีอื่น มิได้หมายความว่า จะเป็นบัตรเสียทันที เนื่องจากไม่มีกฎหมายหรือระเบียบห้ามไว้
แสดงให้เห็นว่า กกต.ยังอ่อนทั้งเรื่องวิสัยทัศน์ การวางแผนและการประชาสัมพันธ์
ในบางพื้นที่เลือกตั้ง ยังมีการซื้อขายเสียงด้วยเงิน แต่ผู้สมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่มีคนซื้อเสียงให้ ไม่ได้รับเลือกตั้ง จึงต้องวัดใจว่า กกต. ทำงานอย่างจริงจังขนาดไหน
การเลือกตั้งถือว่าเป็นการทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน หลังจากที่ซบเซามานาน เพราะอย่างน้อยมีการจ้างทำป้ายหาเสียง จ้างอาสาสมัครช่วยหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นการแจกใบปลิว ติดป้ายหาเสียง ช่วยให้รายได้เพิ่มขึ้นในยามเศรษฐกิจฝืดเคือง
ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ มาพร้อมกับความหวังใหม่ที่ชาวกทม.มอบให้ จึงไม่ควรทำให้ชาวกทม.ผิดหวัง มิฉะนั้นอีก 4 ปีข้างหน้า อาจถูกประชาชนเอาคืนได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี