เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลจะมีการปรับอัตราภาษีขึ้น หรือมีแนวคิดที่จะมีการเรียกเก็บภาษีใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ข่าวนี้เหมือนเป็นข่าวร้ายของประชาชน ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่สามของเดือนกันยายน พ.ศ. 2565สื่อต่างๆ ได้นำเสนอข่าวว่า กรมสรรพสามิตกำลังเดินหน้าศึกษาการจัดเก็บภาษีภาษีคาร์บอน
ภาษีคาร์บอน หรือ “CarbonTax” ถือเป็นภาษีสิ่งแวดล้อม การเรียกเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ปล่อยออกมาในแต่ละครั้งของการดำเนินกิจกรรมของโรงงาน โรงไฟฟ้า และยานยนต์ต่างๆ เมื่อมีการเผาไหม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา และถูกปลดปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ทั้งยังเป็นที่ดักและดูดซับความร้อน ไม่ให้สะท้อนกลับออกไปนอกชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจก จนนำไปสู่สภาวะโลกร้อน อันมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก มีผลกระทบต่อผู้คนในชุมชนในหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพอนามัย ระบบนิเวศวิทยาการลดลงและเสื่อมสภาพของทรัพยากร การเสื่อมมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับในการที่เพิ่มก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกให้เร็วขึ้น
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ได้กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการค้าโลก จึงต้องมีการเรียกเก็บภาษีคาร์บอน โดยมีการเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าที่ไม่ปฏิบัติตามเป้าหมายสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศ เพราะลำพังเพียงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศอย่างเดียว คงไม่ได้ผลแล้ว
ประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป มีการจัดเก็บภาษีคาร์บอนในธุรกิจที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเริ่มจากสินค้าที่มีผลต่อการปล่อยคาร์บอนสูง 5 ชนิดคือ ปูนซีเมนต์ เหล็ก อะลูมิเนียม ปุ๋ยเคมี และการผลิตกระแสไฟฟ้า
สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีจัดเก็บภาษีคาร์บอน โดยสิงคโปร์ได้ดำเนินการเก็บภาษีคาร์บอน เพื่อกระตุ้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2562
การเก็บภาษีคาร์บอนของสิงคโปร์ใช้บังคับกับโรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจทั้งหมดทุกประเภทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณ 25,000 ตันต่อปีขึ้นไป การจัดเก็บนี้จะครอบคลุมถึงผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ไม่ต่ำกว่า 30 รายในสิงคโปร์ ที่มีทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงไฟฟ้า โดยปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกมากถึงร้อยละ 80 ของปริมาณการปล่อยก๊าซทั้งหมดของประเทศ
สำหรับประเทศไทย กรมสรรพสามิตพิจารณาว่าการริเริ่มจัดเก็บภาษีคาร์บอน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้เกิด ESG หรือ Environment, Social, และ Governance (สิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแล) เนื่องจากทุกวันนี้ นักลงทุนทั่วโลก จะคำนึงถึง EGS หรือความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ สิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแล
แนวคิด ESG ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ เพราะสะท้อนบทบาทความรับผิดชอบของธุรกิจที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสีย และการนำเสนอผลการดำเนินงานในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน การใช้มาตรการภาษีคาร์บอน ถือเป็นเครื่องมือในการสนับสนุน
ในขณะนี้ กรมสรรพาสามิตกำลังเดินหน้าศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีคาร์บอน ในกลุ่มสินค้าและบริการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูง โดยมีการตั้งเป้าหมาย ทำการศึกษาให้แล้วเสร็จมีความชัดเจนในแนวทางและอัตราภาษีภายในปีพ.ศ. 2566
แนวทางการจัดเก็บภาษีคาร์บอน จะมี 2 แนวทางคือ (1) การเก็บภาษีบนตัวสินค้าตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งหากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาก ภาษีจะสูงตามไปด้วย และ (2) การเก็บภาษีโดยเริ่มที่กระบวนการผลิตในโรงงานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ การจัดเก็บโดยวิธีนี้ ต้องได้รับร่วมมือจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น องค์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อกำหนดแนวทางและการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และอัตราภาษี
ภาษีคาร์บอนสามารถช่วยให้การผลิตพลังงานสะอาดจากเชื้อเพลิงหมุนเวียนธรรมชาติ เช่น พลังงานลม พลังงานแดด ได้รับการส่งเสริมอาจเป็นการจูงใจให้นักลงทุนด้านพลังงานหันมาพัฒนาพลังงานทดแทนเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนลดลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้นไป ในอนาคตอาจมีนักลงทุนบางราย ที่หันมาใช้เป็นพลังงานจากธรรมชาติหลักทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลก็เป็นได้
แม้การเก็บภาษีคาร์บอน จะส่งผลให้โรงงานโรงไฟฟ้า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องหันมาใส่ใจในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิง เพื่อลดต้นทุนในการทำดำเนินกิจกรรม อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีคาร์บอน ถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องผลักภาระให้ผู้บริโภค ผู้ประกอบการคงต้องนำมาเพิ่มในราคาสินค้าและบริการ ผู้บริโภคปลายทางคงต้องชำระค่าสินค้าและบริการตามที่ผู้ประกอบการกำหนดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การศึกษาการจัดเก็บ อัตราภาษี ควรต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ ศึกษาทั้งด้านบวกและลบ ทุกวันนี้คนไทยต่างต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่สินค้าทุกประเภทราคาสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพิ่งฟื้นตัวจากโควิด-19 ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นคนว่างงานเป็นจำนวนมาก หากมีการจัดเก็บภาษีคาร์บอนในช่วงนี้ อาจเร็วเกินไปและเป็นการซ้ำเติมประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี