บริการรถสาธารณะผ่านแอป มีในประเทศไทยมานานหลายปีแล้ว ตอบโจทย์และความต้องการของคนรุ่นใหม่
แต่เดิมบริการรถสาธารณะ ผ่านแอป เป็นสิ่งที่ไม่มีกฎหมายรองรับ และหากตีความโดยเคร่งครัด ถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งผู้คนที่ใช้บริการต่างมีข้อสงสัยอยู่ในใจว่า หากเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วทำไมจึงมีบริการรถสาธารณะผ่านแอป จนเป็นเรื่องปกติธรรมดา และเป็นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
ความแตกต่างที่สำคัญ ระหว่างการใช้บริการรถแท็กซี่ และเรียกรถบริการผ่านแอป อยู่ตรงที่ว่า เวลาเรียกรถแท็กซี่ ผู้ใช้บริการจะ ยืนโบกรถ หรือเรียกรถอยู่ข้างถนน (ปัจจุบันไม่มีศูนย์บริการเรียกรถแท็กซี่ผ่านโทรศัพท์แล้ว) ซึ่งในเวลาชั่วโมงเร่งด่วน บางครั้งเรียกรถแท็กซี่ได้หลายคัน แต่ไม่มีคันไหนยอมไปตามจุดหมายที่ต้องการ โดยจะอ้างว่า ต้องไปเติมแก๊ส, ต้องรีบไปส่งรถคืน ทั้งที่มีกฎระเบียบอยู่แล้วว่า เมื่อรถแท็กซี่ขึ้นป้ายว่าให้บริการ แล้วมีคนเรียก คนขับรถแท็กซี่ต้องไปส่งที่จุดหมาย หากไม่ไปส่ง ผู้ใช้บริการมีสิทธิร้องเรียน และผู้ขับรถแท็กซี่จะต้องถูกปรับ แต่ในความเป็นจริงผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ไม่อยากเสียเวลาทำเรื่องร้องเรียน มักจะปล่อยผ่านไปจนเป็นความเคยชิน
แต่เมื่อใช้บริการเรียกรถสาธารณะผ่านแอป ผู้ใช้บริการจะมีความมั่นใจว่า เมื่อเรียกรถผ่านแอป และผู้ขับรถตอบรับ จะได้ใช้บริการอย่างแน่นอน อีกทั้งสามารถกำหนดจุด และเวลาที่จะรอรถได้ รวมทั้งทราบอัตราค่าบริการล่วงหน้าว่าเป็นเท่าใด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามขนาดและชนิดของรถ
การใช้บริการรถแท็กซี่ ตามกฎระเบียบจะต้องกดมิเตอร์ ซึ่งจะคำนวณค่าบริการตามระยะทางและเวลาแต่ไม่สามารถทราบราคาทั้งหมดก่อนใช้บริการได้ ในบางครั้งคนขับรถแท็กซี่จะบอกผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะที่เป็นคนต่างชาติว่า ขอเรียกเก็บค่าบริการเป็นแบบเหมา โดยไม่กดมิเตอร์ ซึ่งมักจะแพงกว่าอัตราบริการตามความเป็นจริงมาก และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
คนขับรถแท็กซี่บางราย ได้สมัครเป็นสมาชิกให้บริการผ่านแอปเรียกรถ เช่น UBER, GRAB ด้วย ในเวลาเดียวกัน
ในที่สุด กฎหมายได้วิ่งตามวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ กรมการขนส่งทางบก ยอมรับให้บริการรถสาธารณะผ่านแอป เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ล่าสุด คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ออกประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เรื่อง การดำเนินการอื่นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลประเภทบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะที่มีลักษณะเฉพาะตามมาตรา 18 (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ตุลาคม 2568 นี้ จึงเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับกับบรรดาผู้ประกอบการบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะ และผู้ขับขี่ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถสาธารณะดังกล่าวให้ต้องปฏิบัติตามคือ ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มนี้ จะต้องให้มีการจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน เป็นรถสาธารณะ ต้องจัดให้ผู้ขับรถปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องจัดเก็บค่าบริการตามอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยต้องให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลตามเงื่อนไขที่กำหนด ตามประกาศนี้ และที่กรมการขนส่งทางบก
เมื่อพิจารณาประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม2568 จะเห็นว่า หลักเกณฑ์ตามประกาศนี้ ส่วนใหญ่เป็นไปตามการปฏิบัติในการเรียกรถผ่านแอปอยู่แล้วจะมีหลักเกณฑ์ที่ถือว่าเป็นข้อกำหนดพิเศษเพิ่มเติม เช่น ผู้ใช้บริการต้องยืนยันตัวตนก่อนใช้บริการ, ผู้ให้บริการต้องยืนยันตัวตนก่อนให้บริการเช่นกัน, รถยนต์ หรือจักรยานยนต์ ที่ให้บริการสาธารณะผ่านแอปจะต้องจดทะเบียนเป็นรถให้บริการสาธารณะ, จะต้องมีปุ่มฉุกเฉินที่ทั้งผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการ สามารถกดได้เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน, ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเรียกรถผ่านแอป จะต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ติดต่อและสอบถามได้, เมื่อผู้ใช้บริการโทรติดต่อกับผู้ให้บริการขับรถจะต้องโทรผ่านแอปเท่านั้น ไม่สามารถโทรผ่านโทรศัพท์มือถือทั่วไป, การคำนวณค่าบริการตามระยะทาง ต้องเป็นไปตามที่กฎหมาย ตลอดจนกฎระเบียบที่ใช้บังคับ จะกำหนดอัตราค่าบริการเองไม่ได้
ปัจจุบันมี ผู้ประกอบธุรกิจบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะและผู้ขับขี่ผู้ให้บริการ ผ่านแพลตฟอร์มหลายราย เช่น UBER,GRAB, BOLT ,LALAMOVE, MuvMI, InDrive, และRobinhood ซึ่งแต่ละแอป มีจุดเด่นและราคาที่แตกต่างกันไป
การเรียกรถสาธารณะผ่านแอป ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ถือเป็นกรณีศึกษา ที่กฎหมายเป็นฝ่ายต้องปรับตัวตามวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
กฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการเรียกรถสาธารณะผ่านแอปล่าสุด แม้จะยึดถือตามวิธีปฏิบัติที่ใช้กันอยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่ ยังถือว่า อยู่ในช่วงลองผิดลองถูกอาจต้องใช้เวลาปรับตัว เพื่อแก้ไขกฎระเบียบให้เหมาะสมอีกครั้ง
ดร.รุจิระ บุนนาค
กรรมการผู้จัดการ
Marut Bunnag International Law Office
rujira_bunnag@yahoo.com
Twitter : @RujiraBunnag
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี