วันศุกร์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / กฎ กติกา ธุรกิจ
กฎ กติกา ธุรกิจ

กฎ กติกา ธุรกิจ

รุจิระ บุนนาค
วันศุกร์ ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ภาษีการค้า (สหรัฐฯ) และปัญหาชายแดน (กัมพูชา)

ดูทั้งหมด

  •  

สหรัฐอเมริกาประกาศเพิ่มเติมปรับอัตราภาษีศุลกากรตามนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดให้ไทยถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 19% สำหรับสินค้าบางรายการที่เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ (จากเดิมอัตรา 36% ทุกรายการ) โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

อัตราภาษี 19% นี้อยู่ในระดับเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย


ส่วนประเทศอื่นที่ต้องเสียอัตราภาษีที่แตกต่าง ได้แก่ เวียดนาม 20%, บรูไน 25%, อินเดีย 25%, ลาว 40%, เมียนมา 40%, ญี่ปุ่น 15%, เกาหลีใต้ 15% ทำให้ไทยยังคงสามารถรักษาระดับการแข่งขันทางการตลาดได้

รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ ท่ามกลางปัญหาขัดแย้งรุนแรงตามแนวชายแดนระหว่าง ไทย-กัมพูชา ที่ถึงขั้นใช้กำลังทางทหาร ในขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ทรัมป์ ได้กดดันทั้งไทยและกัมพูชาให้ยุติการสู้รบ โดยใช้อัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ เป็นเครื่องมือกดดัน

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความสำเร็จของไทยในการรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในเวทีการค้าโลก ที่ต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขข้อเสนอสำคัญ 5 ประการคือ

1) ทำการเปิดตลาดสินค้า (Market Access) ให้แก่สินค้าสหรัฐฯ ด้วยการที่ไทยต้องลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เป็น 0% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จำนวน 10,000 รายการ (จากทั้งหมด 11,000 รายการ) หรือคิดเป็นประมาณ 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยผลิตไม่ได้หรือผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ เช่น เชอร์รี่, ข้าวโพด
บางสายพันธุ์ รวมถึง สินค้าที่สหรัฐฯไม่ได้ผลิต แต่ไทยได้เสนอเพื่อแสดงความจริงใจ ต้องเพิ่มโควตานำเข้าสำหรับสินค้าที่ไทยผลิตได้ แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรบางรายการ (อาทิ ข้าวโพด) โดยมีกำหนดระยะเวลาปรับตัวให้กับเกษตรกรไทยในขณะเดียวกันไทยต้องจัดการสินค้าที่ไทยผลิตได้เพียงพอหรือเกินพอ สำหรับสินค้าที่ไทยผลิตได้และเพียงพอหรือเกินพอ (เช่น เนื้อหมู) โดยมีกำหนดระยะเวลาปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดให้กับเกษตรกรไทยยังไม่เปิดนำเข้าในทันที

2) การแก้ไขอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) โดยไทยจะต้องปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอนการค้าที่ยุ่งยาก ซับซ้อน และใช้เวลานาน เช่น กระบวนการศุลกากร เอกสารล่าช้า และมาตรฐานสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสในการปรับปรุงการทำงานของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  

3) การจัดการกับ “สินค้าสวมสิทธิ์” (Transhipment/Disguised): เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า โดยไทยให้ความร่วมมือในการจัดการกับสินค้าจากประเทศอื่น (โดยเฉพาะจีน) ที่อาจมีการขนส่งผ่านไทยเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีของสหรัฐฯ ไทยได้ตกลงที่จะใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันปัญหานี้

4) การส่งเสริมการลงทุนและลดดุลการค้า โดยส่งเสริมการลงทุนใน EEC : ไทยจะต้องให้สิทธิพิเศษและอำนวยความสะดวกในการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อดึงดูดบริษัทสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะการใช้พลังงานสะอาด เซมิคอนดักเตอร์ และโลจิสติกส์ ไทยจะต้องสั่งซื้อพลังงานและอากาศยานพาณิชย์จากบริษัทสหรัฐฯ ภาครัฐและเอกชนไทยเตรียมสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเครื่องบินโบอิ้งรุ่นใหม่ เพื่อช่วยลดดุลการค้าที่ไทยเกินดุลสหรัฐฯ มาโดยตลอด โดยไทยต้องจัดทำ Road Map เพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ลง 70% ภายในปี 2573 โดยการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นและดึงดูดเงินลงทุน    

5) ไทยจะต้องลดภาษีบริการดิจิทัล โดยไทยจะต้องให้การยกเว้นภาษีบริการดิจิทัลชั่วคราว โดยต้องยกเว้นภาษี 5% เป็นเวลา 2 ปี ให้กับบริการคลาวด์และดิจิทัลจากสหรัฐฯ (เช่น AWS, Google Cloud) เพื่อดึงดูดการลงทุนด้านเทคโนโลยี

เงื่อนไขเหล่านี้ล้วนถูกกำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นข้อตกลงที่เรียกว่า “ภาษีต่างตอบแทน” (Reciprocal Tariffs) ซึ่งไทยได้ดำเนินการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและลดผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย

อัตราภาษีที่ไทยจะต้องเสีย อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน แม้จะก่อให้เกิดภาวะการแข่งขันการตลาดในระดับ ภาษีเป็นกลาง แต่ยังไม่สามารถชดเชยความเสียเปรียบด้านโครงสร้างต้นทุน (Cost Structure Disadvantage) ได้ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนามและกัมพูชาที่มีต้นทุนแรงงานต่ำกว่า และขีดความสามารถในการผลิตแบบเชิงอุตสาหกรรมพาณิชย์ (Mass Production) ที่รองรับคำสั่งซื้อจากบริษัทข้ามชาติได้ยืดหยุ่นกว่าไทยในบางอุตสาหกรรม

นอกจากนี้อัตราภาษีการขนถ่ายสินค้า (Transshipment Rate) ที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ที่อัตรา 40% สำหรับทุกประเทศ สำหรับสินค้าบางประเภทที่ถูกพิจารณาว่า มีการส่งต่อสินค้าผ่านประเทศอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการทางการค้าสหรัฐฯ ยังไม่กำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างภาระให้ไทยต้องเจรจาอีกรอบ  

ยิ่งไปกว่านั้น กรณีปัญหาการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ในปัจจุบันมีเงื่อนไขมากกว่าด้านภาษี เช่น มาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability), การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin), และการปฏิบัติตามระเบียบของหน่วยงานอย่างกรณีของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ซึ่งล้วนเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า (Non-Tariff Barriers) ที่อาจกลายเป็นต้นทุนแฝงแก่บรรดาผู้ส่งออกไทย หากไม่สามารถปรับตัวได้ทันระยะเวลาปรับตัวที่กำหนด

งานนี้ถือได้ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เอาหล่อเพราะพอจะอ้างได้ว่า เป็นคนกลางที่มีส่วนกดดันทำให้ทั้งไทยและกัมพูชายุติการสู้รบ แต่อัตราภาษีศุลกากรที่ไทยได้รับ แม้ดูเหมือนว่าดี แต่เอาเข้าจริงอาจเป็นแค่ภาพลวงตา

 

ดร.รุจิระ บุนนาค

กรรมการผู้จัดการ

Marut Bunnag International Law Office

rujira_bunnag@yahoo.com

Twitter : @RujiraBunnag

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:00 น. อย.แจง'ยาพารา' ปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ แนะใช้เท่าที่จำเป็น
21:56 น. (คลิป) แนวหน้า Talk : 'การเมือง' และเรื่องยุ่งๆ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์
21:45 น. ผู้สูงวัยปลื้ม! จบโรงเรียนผู้สูงอายุ วิ'ลัย วัยหวาน รุ่นที่ 7 เทศบาลนครหัวหิน
21:35 น. สวยเจิดจรัส! 'ใหม่ ดาวิกา'สะกดทุกสายตาบินร่วมงานที่มิลาน
21:30 น. ’รมว.นฤมล‘เดินหน้าลดภาระครู ปรับเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะ-แก้หนี้ครู-พ.ร.บ.การศึกษา
ดูทั้งหมด
ช็อกวงการนางงาม! 'มิสแกรนด์ประจวบฯ'โดนปลดฟ้าผ่า หลังภาพวาบหวิวหลุดว่อนเน็ต
เมืองคอนเดือด!‘ชัยชนะ’ตอก‘ภูมิใจไทย’เอาคนชนักติดหลังดูดผู้สมัครสส.
ดำเนินคดีแล้ว! กกต.เปิดชื่อ 2 พรรคการเมืองใช้เงินอุดหนุนไม่เป็นตามกฎหมาย
'กำไลทองคำฟาโรห์'ที่โดนขโมย ถูกหลอมขายแล้วในราคา 4,000 ดอลล์
เคลียร์ปัญหาวินจยย.รับจ้างหลัง รพ.ศิริราช พร้อมพัฒนาเป็น ‘วินต้นแบบ’
ดูทั้งหมด
บุคคลแนวหน้า : 26 กันยายน 2568
อันวาร์ไม่เป็นกลางเข้าข้างกัมพูชา และแทรกแซงกิจการภายในของไทย
‘ย้ายเมืองหลวงดีกว่า’
ครม.ฮันนีมูน
ถนนสายกร่าง
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

(คลิป) แนวหน้า Talk : 'การเมือง' และเรื่องยุ่งๆ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์

สวยเจิดจรัส! 'ใหม่ ดาวิกา'สะกดทุกสายตาบินร่วมงานที่มิลาน

(คลิป) สีสันการเมืองแบบเด้งเด้ง : งานนี้มีขนลุก! 'แรมโบ้ เสกสกล'กลับมาแล้ว แฉหมดเปลือก ทุกเรื่องลับ

ยืนยันอาคารปลอดภัย! 'รพ.วชิรพยาบาล'เปิดให้บริการตามปกติ 26 ก.ย.นี้

ภาพสลดใจ! หมาน้อยว่ายน้ำขึ้นหลัง เฝ้าศพ'หลวงตา'จมน้ำมรณภาพ

(คลิป) 'ลุงแม่ทัพ'ครองใจทุกเจน! 'พรรคส้ม-สามนิ้ว'กุมขมับ! กระแสรักชาติพุ่ง

  • Breaking News
  • อย.แจง\'ยาพารา\' ปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ แนะใช้เท่าที่จำเป็น อย.แจง'ยาพารา' ปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ แนะใช้เท่าที่จำเป็น
  • (คลิป) แนวหน้า Talk : \'การเมือง\' และเรื่องยุ่งๆ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ (คลิป) แนวหน้า Talk : 'การเมือง' และเรื่องยุ่งๆ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์
  • ผู้สูงวัยปลื้ม! จบโรงเรียนผู้สูงอายุ วิ\'ลัย วัยหวาน รุ่นที่ 7 เทศบาลนครหัวหิน ผู้สูงวัยปลื้ม! จบโรงเรียนผู้สูงอายุ วิ'ลัย วัยหวาน รุ่นที่ 7 เทศบาลนครหัวหิน
  • สวยเจิดจรัส! \'ใหม่ ดาวิกา\'สะกดทุกสายตาบินร่วมงานที่มิลาน สวยเจิดจรัส! 'ใหม่ ดาวิกา'สะกดทุกสายตาบินร่วมงานที่มิลาน
  • ’รมว.นฤมล‘เดินหน้าลดภาระครู ปรับเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะ-แก้หนี้ครู-พ.ร.บ.การศึกษา ’รมว.นฤมล‘เดินหน้าลดภาระครู ปรับเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะ-แก้หนี้ครู-พ.ร.บ.การศึกษา
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ครม.ฮันนีมูน

ครม.ฮันนีมูน

26 ก.ย. 2568

อายัด เฉพาะยอดเงินบัญชีต้องสงสัย จริงหรือ?

อายัด เฉพาะยอดเงินบัญชีต้องสงสัย จริงหรือ?

19 ก.ย. 2568

บันทึกข้อตกลงการเมือง MOU MOA บังคับได้หรือ?

บันทึกข้อตกลงการเมือง MOU MOA บังคับได้หรือ?

12 ก.ย. 2568

ย้อนรอยคดีพระ ทุจริตเครื่องราช

ย้อนรอยคดีพระ ทุจริตเครื่องราช

5 ก.ย. 2568

อาหารเสริม ยา โฆษณา สรรพคุณเกินจริง?

อาหารเสริม ยา โฆษณา สรรพคุณเกินจริง?

29 ส.ค. 2568

หมูมะกัน ทะลักเข้าไทย

หมูมะกัน ทะลักเข้าไทย

22 ส.ค. 2568

บริการรถสาธารณะผ่านแอป

บริการรถสาธารณะผ่านแอป

15 ส.ค. 2568

ภาษีการค้า (สหรัฐฯ) และปัญหาชายแดน (กัมพูชา)

ภาษีการค้า (สหรัฐฯ) และปัญหาชายแดน (กัมพูชา)

8 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved