วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ปัจจุบันระบบอินเตอร์เนตนับเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญ ที่ทำหน้าเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานไม่เพียงแต่อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆในชีวิตประจำวัน แต่ยังรวมไปถึงการทำธุรกรรมในรูปแบบต่างๆ และการติดต่อกับหน่วยงานราชการ
พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่ทันสมัยและเป็นผลงานของรัฐบาล ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565
มีผลบังคับใช้ภายใน 90 วันกับหน่วยงานรัฐทุกหน่วย ในการรับบริการติดต่อรับคำขอทำธุรกรรมประเภทต่างๆ จากภาคเอกชนซึ่งเป็น บุคคลธรรมดา นิติบุคคล รวมถึงหน่วยงานภาครัฐด้วยกันเอง ในการทำธุรกรรมทางการปกครองรูปแบบต่างๆ แทนการติดต่อแบบเผชิญหน้าด้วยเอกสารในรูปแบบเดิม โดยเป็นกฎหมายที่มีเจตนารมณ์มุ่งบังคับให้เกิดความชัดเจนในการทำธุรกรรมทางปกครองของหน่วยงานรัฐ (หน่วยงานทางปกครอง) ในรูปแบบต่างๆ ที่เคยทำกันโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญ และเร่งด่วน ถึงขนาดกำหนดให้บางประเด็นมีผลบังคับใช้ในวันที่ถัดจากวันที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เช่น ประชาชนผู้ขออนุญาตนำเอกสารที่หน่วยงานราชการออกให้มาติดต่อกับหน่วยงานราชการ ไม่ต้องจัดทำสำเนาเพราะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่จะต้องทำสำเนาเอง, การติดต่อกับหน่วยงานราชการ สามารถจะทำได้ ด้วยทางอิเล็กทรอนิกส์
กฎหมายฉบับนี้รับรองว่าเป็นนิติกรรมทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายตามวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (พระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539) ภายใต้บริบทในหมวด 4 ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ที่เคยปฏิบัติกันมาแต่เดิม ซึ่งมิได้บัญญัติรองรับในรายละเอียดของนิติกรรมทางปกครองในบางกรณีไว้อย่างชัดแจ้งเพียงพอ โดยหน่วยงานภาครัฐจะสามารถให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
พระราชบัญญัติฉบับนี้ มีเนื้อหาบังคับใช้กับหน่วยงานรัฐทั้งหมด โดยเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและภาคเอกชนที่จำเป็นจะต้องติดต่อใช้บริการภาครัฐในการทำธุรกรรมทางการปกครองโดยผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่นอกเหนือไปจากการขออนุญาตในการทำธุรกิจ ยกเว้นกรณีธุรกรรมซึ่งเป็นนิติกรรมทางปกครองที่ผู้ขอจำเป็นต้องทำเป็นการเฉพาะตัว แบบเผชิญหน้า อย่างกรณีการสมรส การหย่า การรับบุตรบุญธรรม การขอมีบัตรประจำตัวประชาชนและการขอหนังสือเดินทาง
ภายใต้บังคับตามกฎหมายนี้ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐจะสามารถให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การติดต่อทำธุรกรรมนิติกรรมทางปกครองจะมีขั้นตอนปฏิบัติที่ลดลง ไม่ต้องใช้สำเนาเอกสารหรือรับรองเอกสาร นอกจากนี้ยังกำหนดให้อำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลใดๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการพิจารณา หรือตรวจสอบเพื่ออนุญาต หรืออนุมัติตามคำขอ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกันเอง ไม่ต้องอนุมัติข้ามหน่วยงานให้เสียเวลา หรือแม้กระทั่งการส่งต่อคำขอไปยังหน่วยงานรัฐ ที่มีอำนาจในการพิจารณาอนุญาตหรืออนุมัติคำขอนั้นๆ ในทันที หากผู้ขอยื่นคำขอผิดหน่วยงานโดยสำคัญผิดอีกด้วย
กฎหมายฉบับนี้ยังบังคับเกี่ยวโยงกับหน่วยงานรัฐหลักที่ทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบดิจิทัลในภาครัฐนี้ จำนวน 5 ฉบับคือ1)พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 ทำหน้าที่เป็นกลไกในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 2)พระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัลพ.ศ. 2562 เป็นกลไกในการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล โดยมีสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานหลักเพื่อขับเคลื่อน3)พระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2562 เป็นสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย 4)พระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2562 จัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ และ 5)พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2561 ซึ่งจัดตั้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานกลางของระบบรัฐบาลดิจิทัล ทำหน้าที่ให้บริการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งยังไม่มีระบบเซิร์ฟเวอร์ (เซิร์ฟเวอร์ MailGoThai) เพื่อให้สามารถรองรับในการดำเนินการตามกฎหมายนี้ในระยะแรก
ผลบังคับตามพ.ร.บ.นี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของประเทศไทย จากเดิมที่เป็นเพียงนโยบายรัฐบาล 4.0เป็นจุดเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนถ่ายการบริการในภาครัฐให้มีความทันสมัยตามนโยบายดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมอันจะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจเอกชนไปได้อย่างมากนอกเหนือไปจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง
ภายหลังจาก พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับเต็มรูปแบบ เราคงจะได้เห็น มาตรการรณรงค์ที่ทันสมัยจากรัฐบาลในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปให้ได้รู้จักและใช้งานระบบดิจิทัล ในการติดต่อทำธุรกรรมนิติกรรมทางการปกครองของภาครัฐทยอยออกมามากขึ้นเช่นเดียวกับที่ประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน อย่างเช่นสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ประเทศสิงคโปร์ ที่ได้ประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายด้านนี้มาแล้ว ในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกวัยในประเทศได้รู้จักการใช้ระบบดิจิทัลในการติดต่อกับภาครัฐ
วิธีการที่ประชาชนจะติดต่อกับหน่วยงานราชการในชีวิตประจำวัน จะเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยใช้เวลาและดูเหมือนยุ่งยาก กลายเป็นเรื่องสะดวกและรวดเร็ว การดำรงชีวิตเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้นมาก

น้ำมาอีกระลอก! ปทุมธานีเจอเจ้าพระยาท่วมซ้ำหลังเขื่อนปล่อยน้ำเพิ่ม
จนท.พิทักษ์ป่าภูเขียวถูก'กระทิงป่า'ขวิดเจ็บสาหัส ขณะลาดตระเวนกลางป่าลึก
'นักวิชาการอิสระ'แนะ ต้องแยกแยะ ชี้ไม่ใช่ติ่ง 'อนุทิน' แต่ยอมรับว่าเขาทำงานจริง
'ทักษิณ'หักหลัง 'หมอวรงค์'เผยบทเรียนแรก ในสนามการเมือง
'พิมรี่พาย'ใจป้ำ! อัดฉีด1แสนให้'หมอนทองวิทยา' ลั่นถ้าได้แชมป์จะสร้างสนามบอลให้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี