วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / หมุนตามทุน
หมุนตามทุน

หมุนตามทุน

วันอังคาร ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 19.22 น.
ค่าไฟฟ้าฉุดกำไร....ภาคอุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัว

ดูทั้งหมด

  •  

ll ค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในปี 2565 และคาดว่ามีทิศทางในขาขึ้นในระยะข้างหน้า โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้เกิดการจำกัดการส่งออกก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้ผลิตไฟฟ้าในตลาดโลกและไทยอยู่ในระดับสูงกว่าในอดีตที่ผ่านมาและคาดจะอยู่ในระดับที่สูงต่อไป แนวโน้มดังกล่าวย่อมส่งผลลบต่ออุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย สะท้อนได้จากสัดส่วนมูลค่า GDP ของอุตสาหกรรมการผลิตในปี 2564 ที่สูงถึง 27% ของ GDP ทั้งหมด

ในช่วงที่ผ่านมา ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 3.60 บาท/หน่วยไฟฟ้าในปี 2564 เป็น 4.16 บาท/หน่วยไฟฟ้าในปี 2565 ตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของไทย โดยสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวสูงถึง 53% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2564 โดยราคาก๊าซธรรมชาติโดยเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้นจาก233 บาท/MMBTU ในปี 2564 เป็น 456 บาท/MMBTUในปี 2565 โดยมีสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่ 1.ไทยต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (ก๊าซ LNG) จากต่างประเทศ เพื่อใช้สำหรับผลิตไฟฟ้า ซึ่งมีต้นทุนสูงในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 26% ในปี 2564 เป็น 39% ในปี 2565 และ 2.ต้นทุนการนำเข้าก๊าซ LNG จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 334 บาท/ MMBTU ในปี 2564 เป็น 793 บาท/MMBTU ในปี 2565ตามทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก


สำหรับปี 2566-67 Krungthai COMPASS คาดว่าค่าไฟฟ้าเฉลี่ยจะมีทิศทางในขาขึ้นต่อไป เนื่องจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีแนวโน้มปรับค่าไฟฟ้าขึ้น ตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติของไทย ซึ่งมีแนวทางแบ่งเป็น 3 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1) ค่าไฟฟ้าปรับตามต้นทุนที่เกิดจริง โดยภาครัฐไม่เรียกเก็บเงินเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในปี 2566-67 อยู่ที่ 4.90 และ 4.43 บาท/หน่วยไฟฟ้า กรณีที่ 2)ภาครัฐจะทยอยเรียกเก็บเงินเพิ่มจากค่าไฟฟ้างวดละ 0.33 บาท/หน่วยไฟฟ้าเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปี 2566-67 อยู่ที่ 5.23 และ 4.76 บาท/หน่วยไฟฟ้า และ กรณีที่ 3) ภาครัฐจะทยอยเรียกเก็บเงินเพิ่มจากค่าไฟฟ้างวดละ 0.67 บาท/หน่วยไฟฟ้า เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปี 2566-67 อยู่ที่ 5.57 และ 4.43 บาท/หน่วยไฟฟ้าโดยมีปัจจัยสนับสนุน 2 ประเด็น ดังนี้ 1.ไทยยังคงต้องนำเข้าก๊าซ LNG เพื่อใช้สำหรับการผลิตไฟฟ้าจากต่างประเทศในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 39% ในปี 2565 เป็น 41% ในปี 2566เพื่อทดแทนการลดลงของก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาในปี 2566จึงทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 469 บาท/MMBTU ในปี 2566 จากปี 2565 ที่อยู่ที่ 456 บาท/MMBTU ในปี 2565 และ 2.คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีแนวโน้มปรับค่าไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง หรืออาจจะทยอยเรียกเก็บเงินเพิ่ม เพื่อลดภาระที่ได้ทำการอุดหนุนค่าไฟฟ้าในช่วงก่อนหน้า (ก.ย. 2564-ธ.ค.2565) โดยการไฟฟ้าการผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 1.68 แสนล้านบาท โดย Krungthai COMPASS ประเมินว่า ในช่วงที่ผ่านมา กฟผ.ได้ช่วยอุดหนุนค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยที่ 0.20 บาท/หน่วยไฟฟ้า และ 0.65 บาท/หน่วยไฟฟ้าในปี 2564-65

ค่าไฟฟ้าของไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนแตะสูงสุดในปี 2566 ย่อมส่งผลลบต่อต้นทุนโดยรวมและกำไรสุทธิของกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์ Krungthai COMPASS ประเมินว่า ทุก 1% ของค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น จะทำให้อัตรากำไรสุทธิของอุตสาหกรรมการผลิตลดลงประมาณ 0.03% ซึ่งหากค่าไฟฟ้าเป็นตามกรณีที่ 1) ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 17.8% (เพิ่มขึ้นจาก 4.16 บาท/หน่วยไฟฟ้า ในปี 2565 เป็น 4.90 บาท/หน่วยไฟฟ้าในปี 2566) ส่งผลให้อัตรากำไรลดลงจาก 1.5% เป็น 0.9%กรณีที่ 2) ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 25.7% (เพิ่มขึ้นจาก 4.16 บาท/หน่วยไฟฟ้าในปี 2565 เป็น 5.23 บาท/หน่วยไฟฟ้าในปี 2566) ส่งผลให้อัตรากำไรลดลงจาก 1.5% เป็น 0.7%กรณีที่ 3)ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 33.9% (เพิ่มขึ้นจาก 4.16 บาท/หน่วยไฟฟ้า ในปี 2565 เป็น 5.57 บาท/หน่วยไฟฟ้าในปี 2566) ส่งผลให้อัตรากำไรลดลงจาก 1.5% เป็น 0.4% ดังนั้น หากสัดส่วนระหว่างค่าไฟฟ้าและต้นทุนทั้งหมดเฉลี่ยอยู่ที่ 4.0% ในปี 2565 และค่าไฟฟ้าเฉลี่ยมีทิศทางตามกรณีที่ 1 (รูปที่ 2) จะทำให้อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยของอุตสาหกรรมการผลิตคาดว่าลดลงจาก 1.5% ในปี 2565 เป็น 0.9% ในปี 2566 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.3% ในปี 2567ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าต้นทุนอื่นๆ นอกเหนือจากค่าไฟฟ้า และรายได้คงที่ในช่วงเวลาดังกล่าว

อัตรากำไรสุทธิของอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น มีแนวโน้มลดลงประมาณ 0.04%-0.14% หากค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้าในขาขึ้นค่อนข้างมาก คือ อุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าในกระบวนการผลิตอย่างเข้มข้นเช่น อุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมผลิตโลหะ อุตสาหกรรมผลิตยางและพลาสติก และอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ ดังนั้น หากสัดส่วนระหว่างค่าไฟฟ้าและต้นทุนทั้งหมดของอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ที่4.7%-14.1% ในปี 2565 และค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเป็นตามกรณีที่ 1จะทำให้อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ลดลงจาก -3.0% ถึง1.2% ในปี 2565 เป็น -4.4% ถึง 0.1%ในปี 2566 ก่อนที่จะฟื้นตัวเป็น-3.5% ถึง 0.8% ในปี 2567ซึ่งอยู่ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากค่าไฟฟ้า และยอดขายไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาดังกล่าว

อุตสาหกรรมการผลิตเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น จึงทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมากจากค่าไฟฟ้าที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงในอีก 1-2 ปี ข้างหน้า โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเครื่องจักรที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมนี้เช่น เครื่องอัดอากาศ (Aircompressor) และหม้อแปลงไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างสิ้นเปลือง และมักถูกละเลยในเรื่องการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องจักรดังกล่าว และการปรับตัว เพื่อลดผลกระทบจากค่าไฟฟ้าในระยะข้างหน้า โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้

1.ควรติดตั้ง Capacitor Bank ที่ทำหน้าที่ปรับค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF.) ของระบบจ่ายไฟของหม้อแปลงไฟฟ้าในโรงงาน เพื่อลดความสูญเสียพลังงานความร้อนของระบบจ่ายไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดการใช้ไฟฟ้าของหม้อแปลงไฟฟ้าถึง 46%เมื่อเทียบกับก่อนติดตั้ง ทั้งนี้ การติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวจะใช้งบประมาณ 3,300 - 240,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟฟ้าของแต่ละโรงงานอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดีมีเพียงผู้ประกอบการขนาดใหญ่เท่านั้นที่คุ้มค่าในการติดตั้ง Capacitor Bank เพราะผลประโยชน์จากประหยัดค่าไฟฟ้าของผู้ประกอบการดังกล่าวสามารถทำให้คุ้มค่าในการลงทุนภายใน 2.2 ปี ซึ่งต่ำกว่าอายุการใช้งานของ Capacitor Bank ที่อยู่ประมาณ 11 ปี 2.ควรปรับความดันของเครื่องอัดอากาศ (Aircompressor) ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ช่วยสร้างลมที่ความดันสูงเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ให้เท่ากับความต้องการของเครื่องจักรต่างๆในกระบวนการผลิต โดยการปรับความดันของเครื่องอัดอากาศลงทีละ 0.5Bar เพื่อทดสอบหาความดันที่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งนี้ วิธีดังกล่าวจะช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าของเครื่องอัดอากาศถึง 19% โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

3.ควรเปลี่ยนเครื่องจักร และชิ้นส่วนเครื่องจักร เช่น เครื่องอัดอากาศ ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี เนื่องจากเครื่องจักรใหม่ เช่น เครื่องอัดอากาศ ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องจักรที่อายุใช้งานมากกว่า 20 ปี ถึง 46% 4.ควรติดตั้ง และใช้ระบบบริหารจัดการพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม (FEMS) ร่วมกับระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักร (PLC) และเครื่องมือวัดค่าปริมาณพลังงานไฟฟ้า(Power Meter) เนื่องจากการใช้งานเครื่องมือดังกล่าวจะช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงานได้มากขึ้น และยังช่วยให้บริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าของเครื่องจักรต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ซึ่งจะช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าของเครื่องจักรต่างๆ ได้ถึง 2-30% ทั้งนี้ ในเบื้องต้นการติดตั้งระบบ FEMS รวมทั้ง อุปกรณ์ที่ใช้งานร่วม เช่น PLC และ Power Meter ใช้เงินลงทุนราว 120,000 บาทนอกจากนั้น ระบบการจัดการพลังงานนี้เป็นระบบที่มีรายละเอียดจำเพาะเจาะจงสำหรับผู้ใช้แต่ละราย 14 จึงควรเลือกปรึกษา และใช้บริการผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งและดัดแปลงระบบดังกล่าว โดยรายชื่อของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจติดตั้งระบบ FEMS อยู่ในรูปที่ 5

5.ควรติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการควรติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีกำลังการผลิตที่เพียงพอต่อปริมาณการใช้ไฟฟ้า พร้อมทั้งติดตั้ง Energy Storage System หรือแบตเตอรี่ Lithium-ion ที่มีความจุเท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีความเข้มแสงไม่เพียงพอในการผลิตไฟฟ้า เพราะแบตเตอรี่ชนิดนี้ช่วยกักเก็บพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินในช่วงเวลาที่มีความเข้มแสงเพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้า (10.00 am-3.00 pm) เพื่อนำไปใช้ในช่วงเวลาอื่น จึงทำให้ได้รับประโยชน์สุทธิจากประหยัดไฟฟ้าตลอดอายุการใช้งานแผงเซลล์อาทิตย์ (25 ปี) มากที่สุด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
17:42 น. 'รมว.กลาโหม เยอรมัน'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ'ภูมิธรรม'
17:40 น. ‘หม่อมกร’ซัดรัฐบาล! ขึ้น‘ภาษีน้ำมัน’ซ้ำเติม ปชช.ไร้ความจริงใจ
17:30 น. ละคร ‘พ่อจ๋าแม่อยู่ไหน’ ออกอากาศ 13-16 พ.ค. ทางช่องวัน31
17:30 น. 'เอกนัฏ'สั่งเร่งเช็กคุณภาพอากาศ รอบพื้นที่โกดังย่านลาดกระบังไฟไหม้
17:16 น. บ้านนายกฯ อังกฤษโดนเผา ตำรวจเร่งสอบโยงวางเพลิง
ดูทั้งหมด
ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'
'ภูมิใจไทย' แตกหัก 'เพื่อไทย' คดีฮั้ว สว.เป็นเหตุ ส่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 - ยุบสภา
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
'El Clásico2025' เมื่อเก้าอี้ดนตรีเริ่มบรรเลง
เช็คผลที่นี่!!! 'เลือกตั้งเทศบาล'ส่วนใหญ่แชมป์เก่าคว้าชัย
ดูทั้งหมด
กางเกงยีนส์ลีวายในกองทอง
ศึกป่วยทิพย์ใกล้จบ
เรือของคนโง่
หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม” รักชาติ สมเหตุสมผล
‘พรรคส้ม’ไปไม่ถึงดวงดาว
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'รมว.กลาโหม เยอรมัน'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ'ภูมิธรรม'

สาวใหญ่สุดทน! โร่แจ้งความ ‘ผัวตีนโหดตบ-เตะหน้าปูด’ เผยกินกับข้าวเยอะก็โดน

บ้านนายกฯ อังกฤษโดนเผา ตำรวจเร่งสอบโยงวางเพลิง

'เอกนัฏ'ไม่รู้'เสี่ยเฮ้ง'จ่อย้ายซบ'กธ.' ลั่น!'รทสช.'อยู่ด้วยอุดมการณ์

(คลิป) ‘อิ๊งค์’รับเสียดายโอกาส ‘ทักษิณ’ชวดบินกาตาร์เจอ‘ทรัมป์’ซี้เก่า

สลด! พ่อค้าลอตเตอรี่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในสวน คาดเครียดเรื่องขายไม่ดี

  • Breaking News
  • \'รมว.กลาโหม เยอรมัน\'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ\'ภูมิธรรม\' 'รมว.กลาโหม เยอรมัน'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ'ภูมิธรรม'
  • ‘หม่อมกร’ซัดรัฐบาล! ขึ้น‘ภาษีน้ำมัน’ซ้ำเติม ปชช.ไร้ความจริงใจ ‘หม่อมกร’ซัดรัฐบาล! ขึ้น‘ภาษีน้ำมัน’ซ้ำเติม ปชช.ไร้ความจริงใจ
  • ละคร ‘พ่อจ๋าแม่อยู่ไหน’  ออกอากาศ 13-16 พ.ค. ทางช่องวัน31 ละคร ‘พ่อจ๋าแม่อยู่ไหน’ ออกอากาศ 13-16 พ.ค. ทางช่องวัน31
  • \'เอกนัฏ\'สั่งเร่งเช็กคุณภาพอากาศ รอบพื้นที่โกดังย่านลาดกระบังไฟไหม้ 'เอกนัฏ'สั่งเร่งเช็กคุณภาพอากาศ รอบพื้นที่โกดังย่านลาดกระบังไฟไหม้
  • บ้านนายกฯ อังกฤษโดนเผา ตำรวจเร่งสอบโยงวางเพลิง บ้านนายกฯ อังกฤษโดนเผา ตำรวจเร่งสอบโยงวางเพลิง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทั่วโลกยังแห่ลงทุนทองคำ แรงซื้อจากรายย่อยไทยโตสูงสุดในอาเซียน

ทั่วโลกยังแห่ลงทุนทองคำ แรงซื้อจากรายย่อยไทยโตสูงสุดในอาเซียน

7 พ.ค. 2568

หมุนตามทุน : 200 รง.เหล็กไทยรวมพลังหนุน \'รมว.เอกนัฏ\'

หมุนตามทุน : 200 รง.เหล็กไทยรวมพลังหนุน 'รมว.เอกนัฏ'

30 เม.ย. 2568

หมุนตามทุน :  เป็นกำลังใจให้ “รมว.เอกนัฏ”ไปให้สุดซอย ก่อนที่เหล็กเตาIFจะทำลายชีวิตคนและอุตสาหกรรมไทยไปมากว่านี้

หมุนตามทุน : เป็นกำลังใจให้ “รมว.เอกนัฏ”ไปให้สุดซอย ก่อนที่เหล็กเตาIFจะทำลายชีวิตคนและอุตสาหกรรมไทยไปมากว่านี้

23 เม.ย. 2568

อุตสาหกรรมไหนของไทย...ที่เจ็บหนักเพราะ”ทรัมป์2.0”

อุตสาหกรรมไหนของไทย...ที่เจ็บหนักเพราะ”ทรัมป์2.0”

16 เม.ย. 2568

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว...ตอบโจทย์ผู้บริโภคสายกรีน

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว...ตอบโจทย์ผู้บริโภคสายกรีน

2 เม.ย. 2568

กนอ. ผนึก UNIDO ขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว  รับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กนอ. ผนึก UNIDO ขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว รับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

26 มี.ค. 2568

ธุรกิจไทย..หนีไม่พ้นลูกหลง‘สงครามการค้า’

ธุรกิจไทย..หนีไม่พ้นลูกหลง‘สงครามการค้า’

19 มี.ค. 2568

อุตสาหกรรมก่อสร้างขยายตัวต่ำ ผู้รับเหมาจีนคือตัวเร่งอัตราแข่งขันให้รุนแรงมากขึ้น

อุตสาหกรรมก่อสร้างขยายตัวต่ำ ผู้รับเหมาจีนคือตัวเร่งอัตราแข่งขันให้รุนแรงมากขึ้น

12 มี.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved