แกร็บ ประเทศไทย ในฐานะผู้ให้ด้านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ แกร็บ ที่เป็นเบอร์ 1 ของตลาด ได้เริ่มจัดทำและเผยแพร่รายงานแนวโน้มการใช้บริการเดลิเวอรี่ประจำปีมาตั้งแต่ปี 2564 ล่าสุด ในปีนี้ได้เปิดเผยรายงานเทรนด์ธุรกิจเดลิเวอรี่ปี 2565 โดยได้ศึกษาพฤติกรรมพร้อมสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการกว่าสามหมื่นคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีต่อแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ ทั้งยังได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและแหล่งข้อมูลเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งพบว่าธุรกิจเดลิเวอรี่ยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดย 7 ใน 10 ของผู้บริโภคระบุว่าการใช้บริการเดลิเวอรี่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขาไปแล้ว
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ยอดการจัดส่งเดลิเวอรี่ผ่านแพลตฟอร์มแกร็บเติบโตขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายต่อออเดอร์ (Basket size) ของการสั่งสินค้าหรืออาหารผ่านบริการแกร็บฟู้ดและแกร็บมาร์ทในปี 2565 เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 17% เมื่อเทียบกับปี 2562 ทั้งนี้ สำหรับในประเทศไทย 3 เหตุผลหลักที่คนไทยเลือกใช้บริการจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ คือ ความสะดวกสบายในการใช้บริการ การจัดส่งที่รวดเร็วและตอบโจทย์ความต้องการแบบออนดีมานด์ และเป็นตัวช่วยให้พวกเขาสามารถสังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัวได้ง่ายขึ้น
รายงานดังกล่าวยังตอกย้ำว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน โดยผู้บริโภค 9 ใน 10 คนระบุว่าชื่นชอบแบรนด์ที่สามารถมอบประสบการณ์ทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ และมองว่าปัจจุบันแอปพลิเคชั่นเดลิเวอรี่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงจัดส่งอาหารหรือของใช้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้บริการได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ โดย 88% ของผู้ใช้บริการรู้จักร้านใหม่ๆ ผ่านการใช้แอปพลิเคชั่นเดลิเวอรี่ และกว่า 90% ของผู้ใช้บริการเปิดใจสั่งสินค้าจากร้านที่ไม่เคยรู้จักอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ด้านผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดย 9 ใน 10 รายของผู้ประกอบการในไทยกล่าวว่า แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด ขณะที่ 73% ของผู้ประกอบการในภูมิภาคระบุว่ายอดขายออนไลน์ส่วนใหญ่มาจากบริการแกร็บฟู้ด
นอกจากนี้ แกร็บยังได้เผยอินไซด์ของผู้ใช้บริการแกร็บฟู้ดและแกร็บมาร์ทที่สะท้อน 3 เทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2566 อันได้แก่ 1.เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้น : อาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงอาหารประเภทแพลนท์เบส (plant-based) ไม่ได้ถูกจำกัดความนิยมอยู่แค่ผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป 74% ของคนไทยระบุว่าในทุก2-3 วันจะมีการสั่งอาหารเพื่อสุขภาพอย่างน้อย 1 ครั้ง ขณะที่ 2 ใน 5 ของผู้บริโภคเคยลองรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบหลักจากพืชหรือแพลนท์เบสในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา 2.สแน็กและของว่างยามบ่ายมียอดขายเพิ่มสูงขึ้น : จากรายงานพบว่าคนไทย2 ใน 5 ทานอาหารว่างหรือขนมขบเคี้ยวอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลงทำให้ผู้คนกลับมาทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น การรับประทานอาหารว่างหรือสแน็กระหว่างวันจึงกลายเป็นกิจกรรมกลุ่มที่เพิ่มสีสันให้กับผู้บริโภค โดย 64% ของผู้บริโภคระบุว่าพวกเขาสั่งอาหารว่างสำหรับทานมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป 3.แพ็กเกจสมาชิกสำหรับผู้ใช้บริการเดลิเวอรี่กำลังมาแรง : 1 ใน 3ของผู้ใช้บริการเดลิเวอรี่ในปัจจุบันมีการสมัครใช้แพ็กเกจสมาชิก (Subscription)อย่างน้อย 1 แพ็กเกจเพื่อรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ามากกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใช้บริการที่ใช้แพ็กเกจสมาชิกมีอัตราการสั่งอาหารหรือสินค้าผ่านเดลิเวอรี่บ่อยขึ้นถึง 44% เมื่อเทียบกับผู้ใช้บริการทั่วไป
5 เมนูขายดีประจำปีบนแกร็บฟู้ด คือ 1.ไก่ทอด 2. กาแฟ 3.ส้มตำ 4.ข้าวซอยและ 5. ชาเขียวเย็น โดยกาแฟคือเครื่องดื่มยอดนิยม เพราะคนไทยนิยมดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ทุกๆ 1 นาทีจะมีผู้ใช้บริการสั่งกาแฟผ่านแกร็บฟู้ดถึง 15 แก้ว หรือมากกว่า 7.8 ล้านแก้วตลอดทั้งปีเลย ส่วน 5 สินค้าขายดีบนแกร็บมาร์ท คือ1.น้ำมันประกอบอาหาร 2.น้ำดื่ม 3.น้ำอัดลม 4.น้ำตาล และ 5.นม และ ATK กลายเป็นไอเทมมาแรง โดย ทุกๆ 1 นาที มีคนซื้อชุดตรวจโควิด 1 ชุด ผ่านแกร็บมาร์ท หรือมากกว่า 525,000 ชุด ตลอดทั้งปี และสินค้าขายดีช่วงปีใหม่ หนีไม่พ้น น้ำอัดลม พิซซ่า ไก่ทอด รวมถึงมันฝรั่งทอดกรอบ
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี