วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในยุคดิจิทัลสมัยใหม่นี้ คนไทยส่วนใหญ่มีโทรศัพท์มือถือ เป็นอุปกรณ์สำคัญของชีวิต ที่ขาดไม่ได้ จนแทบจะเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกาย ที่เพิ่มมาจากอวัยวะตามธรรมชาติ ที่มีอยู่เพียงแค่ 32 เท่านั้น
ประสบการณ์ที่ได้รับจากการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ผู้ใช้จะได้รับสายเรียกเข้า หรือได้รับข้อความแบบแปลกๆ ประหลาดๆ ไม่เว้นแต่ละวัน เช่น แจ้งเตือนว่า ได้รับพัสดุที่มีผู้ส่งมาให้ตกค้าง, บัญชีที่เปิดไว้หรือบัตรเครดิตที่มีกำลังมีปัญหา, มีปัญหากับสรรพากร หรือหน่วยงานราชการ, มีสินค้า ผิดกฎหมายส่งมาให้กำลังจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย, มีรายชื่อ เกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน,ถูกหมายจับในคดีอาญา ซึ่งจะเป็นในแนวทางที่ทำให้เกิดความตกใจ และหวาดกลัว
หรืออาจจะแจ้งว่า กำลังจะได้รับโชค ได้รับคูปองฟรี, ได้สิทธิซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูกมาก, ได้คูปองเติมน้ำมันฟรีเป็นมูลค่าสูง ซึ่งจะเป็นในแนวทาง ที่ทำให้เกิดความโลภ
หากเป็นสายโทรเข้ามา ผู้รับสายจะถูกหลอกให้โอนเงิน ไปให้บุคคลที่สามที่ไม่รู้จัก และหากเป็นการส่งข้อความทาง SMS เข้ามาในโทรศัพท์มือถือ จะถูกหลอกให้กดลิงก์ จากนั้นโทรศัพท์มือถือจะเข้าไปในแอป แล้วถูกควบคุมจากระบบทางไกล ถูกดูดเงินจากบัญชีธนาคารที่มีในระบบอี-แบงค์กิ้งจนหมดบัญชี
กว่าจะรู้ตัวเจ้าของบัญชี ได้สูญเสียเงินในบัญชีไปหมดแล้ว หรืออาจจะเหลืออยู่เพียงไม่กี่บาท เมื่อติดต่อแจ้งธนาคาร เพื่อให้ระงับการโอน หรือตรวจสอบว่าผู้รับโอนเงินเป็นบัญชีของใคร ธนาคารจะไม่ดำเนินการให้ทันที และเกี่ยงให้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้ทันที ต้องเสียเวลามาก
ที่ผ่านมาผู้ที่ประสบปัญหา จะรู้สึกว่า ทุกอย่างล่าช้าไปหมด และดูสิ้นหวัง การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่รวดเร็วฉับไว ไม่สมกับที่อยู่ในยุคดิจิทัล ในที่สุดผู้เสียหายที่ประสบปัญหา จะติดตามเงินคืนจากอาชญากรไม่ได้เลย
แต่ยังนับว่าโชคดีที่ ผู้เสียหายบางราย ฟ้องธนาคารให้ร่วมรับผิดด้วย และได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 6233/2564 ที่ศาลตัดสินให้ธนาคารต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วย
ครึ่งหนึ่ง
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 16 มีนาคม 2566 มีผลบังคับใช้ในวันรุ่งขึ้น เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
พระราชกำหนดนี้ จะต้องถูกนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้พิจารณาเห็นชอบและผ่านเป็นกฎหมาย ที่มีสถานะเป็นพระราชบัญญัติต่อไป อย่างไรก็ตาม
แม้ขณะนี้จะเป็นพระราชกำหนด ถือว่ามีผลบังคับใช้ตามกฎหมายแล้ว
สาระสำคัญของพระราชกำหนด ซึ่งถือเป็นกฎหมายใหม่ได้กำหนดมาตรการและหลักการใหม่หลายประการ เช่น
ประชาชนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง สามารถติดต่อศูนย์แจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพของธนาคาร ให้ระงับบัญชีธนาคารได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐรวม 15 แห่ง ได้เปิดศูนย์แจ้งเหตุดังกล่าวแล้ว
จากนั้นให้ผู้เสียหายร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายใน 72 ชั่วโมง และเมื่อผู้เสียหายร้องทุกข์แล้ว พนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินการกับบัญชีธนาคารภายใน 7 วัน
ผู้เสียหายสามารถแจ้งข้อมูลหรือหลักฐานทางโทรศัพท์หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์กับสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจได้
ผู้เสียหายสามารถแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่ใดก็ได้ โดยไม่ต้องสอบถามว่าเหตุเกิดที่ใดในประเทศไทย หรือแจ้งผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ได้
เมื่อผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจแล้ว ถือว่าเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าเหตุจะเกิดที่ใด พนักงานสอบสวนต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียหาย เร่งให้ความช่วยเหลือ
สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจมีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี และธุรกรรมของลูกค้าผ่านระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยไม่ถือว่าบัญชีม้าเป็นข้อมูลที่ได้รับรองตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของบัญชีม้า หรือบัญชีที่เจ้าของบัญชีเปิดเพื่อให้มิจฉาชีพใช้หลอกลวงประชาชน มีโทษอาญาจำคุก 3 ปี หรือปรับ 300,000 บาท ซึ่งแต่เดิมเจ้าของบัญชีม้ามักจะถูกศาลไม่ลงโทษอาญา เพราะถือว่าไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำความผิดโดยตรง แต่ยังให้ต้องร่วมรับผิดชดใช้เงินทางแพ่ง ซึ่งในทางความเป็นจริงจะไม่มีความสามารถชดใช้เงินให้ได้อยู่แล้ว
ห้ามมิให้ผู้ใด (คนจัดหาบัญชีม้า) เป็นธุระจัดหาโฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขายหรือขายบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือซิมโทรศัพท์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกระทำความผิดอาญา ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หลังจากที่กฎหมายนี้บังคับใช้เพียงไม่กี่วันได้เห็นผลเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวัดนครพนม มีประชาชนที่เปิดบัญชีม้าไว้จำนวนประมาณ 500 คน ได้มาทยอยปิดบัญชีธนาคาร และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำความผิด
กฎหมายใหม่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนี้ถือว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนเป็นอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลน่าจะเร่งให้ออกพระราชกำหนดนี้มาใช้ก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้รีบเร่งทำ กลับมาทำช่วงก่อนเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะรัฐบาลไม่ต้องการถูกวิจารณ์ไปในทางที่เสียหาย หรือต้องการคะแนนนิยม
อาจกล่าวได้ว่า เมื่อใกล้เลือกตั้งรัฐบาลย่อมเร่งรีบทำผลงาน ซึ่งรวมทั้งเร่งออกกฎหมายอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฉบับใหม่นี้ด้วย

‘กันชาร์ลี’กับอีกหนึ่งบทบาทสำคัญใน ‘Rock and Soul จังหวะร็อก ปาฏิหาริย์รัก’
‘M STUDIO - MI GROUP – แม่เรียงฟิล์ม’บวงสรวงก่อนเข้าโรง‘กิ่งแก้ว’
‘เจี๊ยบ พิจิตตรา’ สวยละมุนระดับนางเอกซีรีส์เกาหลี
ชี้ปลายปีตลาดหุ้นฟื้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยหนุน
‘พูห์-พาเวล’ ถ่ายทอด ‘ภาวนา (PRAY)’เพลงรักหลอนแห่งปี จากซีรีส์ สิงสาลาตาย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี