กรณีนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ (อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร)ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนครนายก ได้ถูกคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เขต 2 จังหวัดนครนายก ตัดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครนายก ในการเลือกตั้งใหญ่คราวนี้ นับว่าเป็นข่าวที่น่าสนใจพอสมควรสำหรับผู้ที่สนใจติดตามข่าวการเมือง
กกต. จังหวัดนครนายก ได้ให้เหตุผลว่า นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์เป็นผู้ถือหุ้น บริษัทแอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือ AIS ที่ไปร่วมลงทุนกับอีก 2 บริษัทคือบริษัทเทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เยลโล่ เพจเจสคอมเมอร์ส จำกัด ซึ่ง 2 บริษัทนี้ ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านสื่อสารมวลชน จึงเข้าข่ายตามลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร สส.
ทั้งที่ในปี 2562 ที่ผ่านมา เขาได้ถือครองหุ้นตัวเดียวกัน จำนวน 200 หุ้นเท่ากัน แต่ผ่านการตรวจสอบหลักฐานการสมัครคุณสมบัติผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ และลักษณะต้องห้ามแล้ว อีกทั้ง ประธาน กกต.กลาง ได้ลงนามรับรองการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครด้วยตนเอง และประกาศรับรองไว้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์2562 ซึ่ง กกต.นครนายก เขต 2 รู้ดีอยู่แล้ว แต่ยังตีความตัดสิทธิตน
นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครสส.ทั้งสองระบบ คือ สส.เขต และสส.บัญชีรายชื่อ อีก 130 ราย ที่เป็นผู้ถือครองหุ้นเช่นเดียวกับเขา และถูกตรวจสอบ เหตุใดจึงยังไม่ถูกตัดสิทธิ และแจ้งผลการตรวจสอบอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเขา และที่สำคัญ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. เหล่านั้น ยังคงเดินหน้าออกรณรงค์หาเสียงโดยอาศัยประโยชน์จากความคลุมเครือ ล่าช้าในการพิจารณาและดำเนินการของกกต. ในขณะที่กำหนดวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที
กรณีนี้ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันรับเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรม มันเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ อย่างไร?
มาตรฐานการใช้ดุลพินิจของ กกต.ในแต่ละเขตทั่วประเทศสามารถกำหนดได้ตามอำเภอใจโดยไม่ยึดแนวปฏิบัติกลางเป็นมาตรฐานเช่นนั้นหรือ ?
ในการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยนั้น กกต.นับเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่คัดกรองคุณสมบัติของผู้สมัคร สส.ที่จะเข้ารับการเลือกตั้งทั้งสองระบบให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2531 มาตรา 42 (3) ที่ระบุว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า เป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือ สื่อมวลชนใดๆ
เจตนารมณ์ของกฎหมายที่บัญญัติไว้ เพราะไม่ต้องการให้นักการเมืองครอบงำสื่อมวลชน ทำให้สื่อขาดอิสระและความเป็นกลาง การฝ่าฝืนมีโทษทางอาญา โทษ จําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเป็นเวลา 20 ปี และหากได้รับเลือกตั้ง
แล้วศาลมีอำนาจสั่งให้คืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์อื่นๆ ที่ได้จากการรับตำแหน่งแก่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ด้วย
ข้อเท็จจริงในทำนองนี้ ศาลฎีกาเเผนกคดีเลือกตั้งได้เคยมีคำวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิของผู้สมัคร สส.พรรคอนาคตใหม่ตามคำร้องของผู้อำนวยการ
การเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสกลนคร โดยสาเหตุที่ผู้สมัครรายดังกล่าวเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์และออกหนังสือพิมพ์ (คำวินิจฉัยของศาลฎีกาเเผนกคดีเลือกตั้ง
ที่ 1706/2562 ระหว่างผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสกลนคร ผู้ร้อง กับ นายภูเบศวร์เห็นหลอด ผู้สมัคร สส.พรรคอนาคตใหม่) โดยศาลมีแนวโน้มที่จะพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการประกอบกิจการของนิติบุคคลที่ผู้ถือหุ้นเข้าไปถือหุ้นเป็นหลักยิ่งกว่าจำนวนหุ้นหรือการดำเนินกิจการ
หากพิจารณาถ้อยคำตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่า กฏหมายมุ่งห้ามการถือหุ้นโดยตรงในสื่อสารมวลชน แต่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าในกรณีที่ถือหุ้นในบริษัทหนึ่งบริษัทใด แล้วบริษัทนั้นไปถือหุ้นในบริษัทสื่อสารมวลชนอีกทอดหนึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม แม้ข้อเท็จจริงแห่งคดีของ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ชาญชัย มีความแตกต่างกับคดีตามแนวคำวินิจฉัยของศาลที่ผ่านมา ตรงที่ว่า เป็นหุ้นของนิติบุคคลที่เป็นบริษัทแม่ซึ่งเข้าไปถือหุ้นกับบริษัทลูกที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการสื่อสารและสิ่งพิมพ์ในภายหลัง ที่อาจเป็นสาเหตุให้ กกต.ในปี 2562 เข้าใจคลาดเคลื่อน
ประเด็นที่สำคัญจึงมีว่า เหตุใดกรณีของผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. หลายคนที่เป็นอย่างเดียวกับ นายชาญชัย แต่นายชาญชัยถูกดำเนินการทางกฎหมายเพียงคนเดียว แต่คนอื่นไม่โดนถูกดำเนินการทางกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน
คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหญ่ น่าจะมีแนวทางในการดำเนินการและพิจารณาในเรื่องเดียวกันนี้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือว่าท่านมัวแต่ใช้เวลาไปในการดูงานต่างประเทศ มากเกินไป จนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล็ก และไม่สำคัญ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี