วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กรณีนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ (อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร)ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนครนายก ได้ถูกคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เขต 2 จังหวัดนครนายก ตัดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครนายก ในการเลือกตั้งใหญ่คราวนี้ นับว่าเป็นข่าวที่น่าสนใจพอสมควรสำหรับผู้ที่สนใจติดตามข่าวการเมือง
กกต. จังหวัดนครนายก ได้ให้เหตุผลว่า นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์เป็นผู้ถือหุ้น บริษัทแอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือ AIS ที่ไปร่วมลงทุนกับอีก 2 บริษัทคือบริษัทเทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เยลโล่ เพจเจสคอมเมอร์ส จำกัด ซึ่ง 2 บริษัทนี้ ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านสื่อสารมวลชน จึงเข้าข่ายตามลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร สส.
ทั้งที่ในปี 2562 ที่ผ่านมา เขาได้ถือครองหุ้นตัวเดียวกัน จำนวน 200 หุ้นเท่ากัน แต่ผ่านการตรวจสอบหลักฐานการสมัครคุณสมบัติผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ และลักษณะต้องห้ามแล้ว อีกทั้ง ประธาน กกต.กลาง ได้ลงนามรับรองการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครด้วยตนเอง และประกาศรับรองไว้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์2562 ซึ่ง กกต.นครนายก เขต 2 รู้ดีอยู่แล้ว แต่ยังตีความตัดสิทธิตน
นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครสส.ทั้งสองระบบ คือ สส.เขต และสส.บัญชีรายชื่อ อีก 130 ราย ที่เป็นผู้ถือครองหุ้นเช่นเดียวกับเขา และถูกตรวจสอบ เหตุใดจึงยังไม่ถูกตัดสิทธิ และแจ้งผลการตรวจสอบอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเขา และที่สำคัญ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. เหล่านั้น ยังคงเดินหน้าออกรณรงค์หาเสียงโดยอาศัยประโยชน์จากความคลุมเครือ ล่าช้าในการพิจารณาและดำเนินการของกกต. ในขณะที่กำหนดวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที
กรณีนี้ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันรับเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรม มันเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ อย่างไร?
มาตรฐานการใช้ดุลพินิจของ กกต.ในแต่ละเขตทั่วประเทศสามารถกำหนดได้ตามอำเภอใจโดยไม่ยึดแนวปฏิบัติกลางเป็นมาตรฐานเช่นนั้นหรือ ?
ในการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยนั้น กกต.นับเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่คัดกรองคุณสมบัติของผู้สมัคร สส.ที่จะเข้ารับการเลือกตั้งทั้งสองระบบให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2531 มาตรา 42 (3) ที่ระบุว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า เป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือ สื่อมวลชนใดๆ
เจตนารมณ์ของกฎหมายที่บัญญัติไว้ เพราะไม่ต้องการให้นักการเมืองครอบงำสื่อมวลชน ทำให้สื่อขาดอิสระและความเป็นกลาง การฝ่าฝืนมีโทษทางอาญา โทษ จําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเป็นเวลา 20 ปี และหากได้รับเลือกตั้ง
แล้วศาลมีอำนาจสั่งให้คืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์อื่นๆ ที่ได้จากการรับตำแหน่งแก่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ด้วย
ข้อเท็จจริงในทำนองนี้ ศาลฎีกาเเผนกคดีเลือกตั้งได้เคยมีคำวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิของผู้สมัคร สส.พรรคอนาคตใหม่ตามคำร้องของผู้อำนวยการ
การเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสกลนคร โดยสาเหตุที่ผู้สมัครรายดังกล่าวเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์และออกหนังสือพิมพ์ (คำวินิจฉัยของศาลฎีกาเเผนกคดีเลือกตั้ง
ที่ 1706/2562 ระหว่างผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสกลนคร ผู้ร้อง กับ นายภูเบศวร์เห็นหลอด ผู้สมัคร สส.พรรคอนาคตใหม่) โดยศาลมีแนวโน้มที่จะพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการประกอบกิจการของนิติบุคคลที่ผู้ถือหุ้นเข้าไปถือหุ้นเป็นหลักยิ่งกว่าจำนวนหุ้นหรือการดำเนินกิจการ
หากพิจารณาถ้อยคำตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่า กฏหมายมุ่งห้ามการถือหุ้นโดยตรงในสื่อสารมวลชน แต่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าในกรณีที่ถือหุ้นในบริษัทหนึ่งบริษัทใด แล้วบริษัทนั้นไปถือหุ้นในบริษัทสื่อสารมวลชนอีกทอดหนึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม แม้ข้อเท็จจริงแห่งคดีของ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ชาญชัย มีความแตกต่างกับคดีตามแนวคำวินิจฉัยของศาลที่ผ่านมา ตรงที่ว่า เป็นหุ้นของนิติบุคคลที่เป็นบริษัทแม่ซึ่งเข้าไปถือหุ้นกับบริษัทลูกที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการสื่อสารและสิ่งพิมพ์ในภายหลัง ที่อาจเป็นสาเหตุให้ กกต.ในปี 2562 เข้าใจคลาดเคลื่อน
ประเด็นที่สำคัญจึงมีว่า เหตุใดกรณีของผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. หลายคนที่เป็นอย่างเดียวกับ นายชาญชัย แต่นายชาญชัยถูกดำเนินการทางกฎหมายเพียงคนเดียว แต่คนอื่นไม่โดนถูกดำเนินการทางกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน
คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหญ่ น่าจะมีแนวทางในการดำเนินการและพิจารณาในเรื่องเดียวกันนี้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือว่าท่านมัวแต่ใช้เวลาไปในการดูงานต่างประเทศ มากเกินไป จนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล็ก และไม่สำคัญ

'เพื่อไทย'เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.ล็อตใหม่เพิ่ม 11 คน เผย 'นนทบุรี' ครบทุกเขต
‘จุลพันธ์’ยันลูกชูวิทย์ กุ่ย ยังอยู่เพื่อไทย อุบชื่อแคนดิเดตนายกฯยังไม่เคาะ
'กัน จอมพลัง'กลับมาแล้ว! เตรียมฟ้องคนดัง10ราย ชาวเน็ตก็ไม่รอด
‘โฆษกรัฐบาล’ย้ำทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ ปรามสื่อมาเลย์ให้ระวังการสื่อสารให้มากขึ้น
โชเฟอร์ปวดท้องจอดรถเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันเสร็จภารกิจ โดน6ล้อเสยท้าย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี