nn ก่อนหน้านี้ปีกว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะ “เนื้อหมู” ที่เป็นประเด็นพูดถึงกันอย่างมากที่สุด มาถึงวันนี้ดูเหมือนจะเป็นประเด็นอีกแต่เกิดกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร และล่าสุดผู้เลี้ยงสุกรทั่วไทยกว่า 2,000 คน นำโดยนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ นำกองทัพชาวหมูจากทั่วประเทศ บุกร้องตรงถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้จริงจังกับการปราบขบวนการทุจริตหมูลักลอบนำเข้า และแก้โครงสร้างต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงเกินจริง ระบุทั้งสองปัญหากำลังทำลายอุตสาหกรรมสุกรไทย เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา ผู้เลี้ยงสุกรพบเห็นสินค้าเนื้อสุกรที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศกระจายอยู่ในท้องตลาด มีการประชาสัมพันธ์ทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเปิดเผยจนถึงปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ เป็นที่ทราบดีว่าระดับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังไม่มีการอนุญาตให้นำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า อีกปัจจัยที่สร้างปัญหาให้ต้นทุนการผลิตสุกรอย่างมาก ได้แก่ ต้นทุนอาหารสัตว์ ที่ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงเกินควร เช่น 1.กลุ่มพืชพลังงานข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาเกษตรกรขายได้ มีส่วนต่างราคาหน้าโรงงานอาหารสัตว์ถึง 3.5-4.0 บาทต่อกิโลกรัม 2.กลุ่มพืชโปรตีนกากถั่วเหลืองเม็ดนำเข้ามีส่วนต่างราคากากถั่วเหลืองนำเข้าถึง 7.00-7.50 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งๆ ที่ปกติจะอยู่ในระดับเดียวกับราคากากถั่วเหลืองนำเข้า เนื่องจากเป็นสินค้าผลพลอยได้การจากสกัดน้ำมันถั่วเหลือง เพราะการนำเข้าเม็ดถั่วเหลืองรัฐบาลไม่มีการจัดเก็บอากรขาเข้า (อากรขาเข้า 0%) ขณะที่การนำเข้ากากถั่วเหลืองของภาคปศุสัตว์ต้องเสียอากรขาเข้า 2% และ ที่ผ่านมา สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้หารือกับกรมการค้าภายใน ร่วมกับกลุ่มห้างค้าส่ง ค้าปลีก เพื่อแก้ปัญหาราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มตกต่ำ และขอให้ห้างค้าปลีกช่วยคงราคาจำหน่ายปลีก ไม่ให้ลงราคาต่อ เพราะเกษตรกรผู้เลี้ยงกำลังขาดทุนเฉลี่ย 2,000-3,000 บาทต่อตัว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามที่หารือในที่ประชุม ในขณะที่การขอให้แก้ราคาที่สูงเกินควรของวัตถุดิบอาหารสัตว์ อธิบดีบอกเพียงแค่เป็นเรื่องเก่า แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ปรากฏการจริงจังกับการลดส่วนต่างของราคาพืชอาหารสัตว์ทั้งสองกลุ่มแต่ประการใด
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศจึงรวมตัวยื่นข้อเรียกร้องครั้งนี้ดังนี้ 1.เร่งปราบปรามกระบวนการหมูเถื่อน ที่ต้องสงสัยว่ามีการทุจริต สมคบคิดนำเข้าสินค้าเนื้อสุกรอย่างไม่ถูกกฎหมายที่สร้างปัญหาให้อุตสาหกรรมสุกรไทยในขณะนี้ของผู้นำเข้าเอกชน และเจ้าหน้าที่รัฐที่คาดว่ามีจำนวนเกี่ยวข้องหลายส่วนราชการ อย่างเร่งด่วน 2.เร่งแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ทั้ง 3 ประการ ประกอบด้วย ประการแรก แก้ไขราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หน้าโรงงานอาหารสัตว์ และราคากากถั่วเหลืองเม็ดนำเข้า ที่มีราคาสูงเกินจริง ประการที่สอง ยกเลิกอากรขาเข้ากากถั่วเหลือง จาก 2% เป็น 0% เพื่อความเสมอภาค ประการที่สาม ยกเลิกระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตให้นำเข้าข้าวสาลีเข้ามาในราชอาณาจักรฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565
“ตั้งแต่เป็นนายกสมาคมหมูกว่า 20 ปีครั้งนี้ ชาวหมูสาหัสมาก เพิ่งฟื้นตัวจากการระบาดของ ASF ในสุกร ทำให้ปริมาณผลผลิตสุกรลดลง ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสุกรของไทย ปัจจุบันถือว่าสูงที่สุดในโลก จึงเกิดขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนที่มีราคาเนื้อสุกรที่ชำแหละแล้วเพียงกิโลกรัมละ 50 บาท มาจำหน่าย ทั้งปี 2565 เราเรียกร้องมาหลายครั้ง จนสืบทราบว่าขบวนการนี้ซับซ้อนมาก กรมปศุสัตว์ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จึงต้องพากันมาเรียกร้องในวันนี้” นายสุรชัย กล่าว
ขณะที่นายนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า หลังจากเริ่มประสานงาน
กรมศุลกากรที่เป็นด่านแรกของการปล่อยผ่านสินค้าเหล่านี้ เข้าประเทศกลับมืดมนมากขึ้น เพราะได้รับการรายงานแต่ระบบที่ดี ระบบที่รัดกุม แต่มีหมูลักลอบทั่วราชอาณาจักร เราจึงต้องนำสู่กระบวนการตรวจสอบความผิดต่อหน้าที่ราชการของหน่วยงานรัฐต่างๆที่ต้องใช้ทั้งระบบราชการมาร่วมตรวจสอบ จึงต้องมาร่วมยื่นผ่านท่านนายกรัฐมนตรี
นายสัตวแพทย์วรวุฒิ ศิริปุณย์ ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ผู้เลี้ยงสุกรจับตาความเคลื่อนไหวของราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เห็นความผิดปกติของส่วนต่างราคาพืชอาหารสัตว์ทั้งกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกลุ่มโปรตีน ได้แก่ กากถั่วเหลือง ที่ราคาในประเทศขยับสูงขึ้นต่อเนื่องขณะที่ราคาตลาดโลกย่อตัวลงมานานแล้ว ถ้ายังไม่แก้ปัญหาต้นทุนภาคปศุสัตว์ ความยั่งยืนของวงการปศุสัตว์ไทยไม่ยั่งยืนแน่นอน ฟาร์มขนาดใหญ่เข้าสู่มาตรฐานฟาร์มภาคบังคับไปแล้ว ฟาร์มขนาดกลางจะเริ่มบังคับใช้สิงหาคมนี้ ดังนั้น ปัญหาสองเรื่องนี้ถือว่าเร่งด่วนที่สุด
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่าตั้งแต่เลี้ยงหมูมาก็เพิ่งประสบกับต้นทุนการเลี้ยงสุกรที่ 100 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนต่างราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ กับราคาหน้าไซโลอาหารสัตว์ไม่ควรบวกเกิน 1 บาทต่อกิโลกรัม ราคาข้าวโพดเม็ดที่ 13-14 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้มองไม่เห็นอนาคตของรายย่อยเลย แต่ก็ต้องขอบคุณกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยจากร้อยเอ็ดที่ต่อสู้เรื่องหมูลักลอบมาตลอด หลังจากการเคลื่อนไหวครั้งที่ 2 ของกลุ่มนี้ ทำให้เราสะกดรอยหมูเถื่อนมาถึงแหลมฉบัง ก็ต้องมาพิสูจน์กันว่า การรวมตัวครั้งนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีจะสั่งการอะไรที่เป็นรูปธรรมออกมาบ้าง บอกตรงๆ ว่าคนเลี้ยงหมูไทยใกล้จะหมดที่พึ่งแล้ว
ขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ออกบทวิเคราะห์ต่อกรณีดังกล่าวเช่นกัน โดยระบุว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มของไทยเฉลี่ยในปี 2566 อาจให้ภาพที่ย่อลงจากปีก่อนเล็กน้อยไปอยู่ที่ราว 88-92 บาทต่อกิโลกรัม หรือลดลงร้อยละ 7.5-11.5 (YoY) ผลจาก
อุปทานสุกรในตลาดที่คงเพิ่มขึ้นเป็นหลัก มีการการนำเข้าสุกรจากต่างประเทศอาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากการผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอต่อการบริโภค จึงมีความจำเป็นต้องนำเข้า เพื่อรองรับความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้นทั้งในภาคครัวเรือนและภาคบริการจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยแหล่งนำเข้าคงมาจากประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาใต้ ที่มีผลผลิตสุกรจำนวนมาก และผลผลิตสุกรในประเทศอาจเพิ่มขึ้น จากปัญหาโรค ASF ที่ให้ภาพบรรเทาลงจากปีก่อน ผ่านการจัดการฟาร์มสุกรที่ดีขึ้นตามระบบ Biosecurity ของเกษตรกรบางส่วน ทำให้คาดว่า ผลผลิตสุกรทั้งปี 2566อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนไปอยู่ที่ราว 16.1 ล้านตัวหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 (YoY) เทียบกับปี 2565 ที่เผชิญโรค ASF อย่างรุนแรง ฉุดผลผลิตสุกรทั้งปีให้ลดลงไปอยู่ที่ 15.5 ล้านตัว ทั้งนี้ คาดว่า ผลผลิตสุกรทั้งปี 2566 จะคิดเป็นปริมาณสุกรราวร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับภาวะปกติในปี 2564 ที่ไม่มี ASF
โจทย์ใหญ่ที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรต้องเผชิญในปี 2566 คงหนีไม่พ้นเรื่องของต้นทุนการผลิตที่ยังยืนสูงต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเฉพาะต้นทุนราคาพืชอาหารสัตว์ที่ขึ้นอยู่กับราคาในตลาดโลก ซึ่งราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรโลกยังยืนสูงตามอุปทานที่ตึงตัวจากความไม่แน่นอนของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ รวมไปถึงต้นทุนราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ต้นทุนการจัดการฟาร์มที่เข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันโรค ASF ที่ยังคงมีอยู่ และสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี จะเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเลี้ยงสุกร โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยที่คงได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในระยะ 2 ปีนี้ (ปี 2566-2567) ผลผลิตสุกรของไทยน่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ ไม่ทันต่อความต้องการบริโภคในประเทศที่เร่งขึ้น ทำให้การนำเข้าในแหล่งที่ได้มาตรฐานอาจจะยังมีความจำเป็นในระยะสั้น เพื่อบรรเทาการขาดแคลนสุกร แต่ในอีกทางหนึ่งคงกดดันราคา และจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรให้มีความยากลำบากมากขึ้นโดยเฉพาะรายย่อย ทั้งนี้ ในปี 2565 ไทยมีปริมาณการนำเข้าสุกรมีชีวิตและเนื้อสุกร เพิ่มขึ้นมากกว่า 2-3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงปกติที่ไม่มี ASF
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี