วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
** PwC ประเทศไทย เผยผลสำรวจล่าสุดพบ องค์กรไทยยังละเลยในการให้ความสำคัญกับฝ่ายงานปฏิบัติตามกฎระเบียบของตน โดยน้อยกว่าครึ่งขาดอำนาจในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ขณะที่ผู้บริหารจำนวนมากไม่มีแผนลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อการตรวจสอบด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการตีความข้อบังคับ แนะธุรกิจไทยวางกลยุทธ์และแผนการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ชัดเจน มีผู้นำด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสม และลงทุนเทคโนโลยี เพื่อเอาชนะการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่จะยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้น
นางสาว สินสิริ ทังสมบัติ หุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง “รายงานผลสำรวจการปฏิบัติตามกฎระเบียบทั่วโลกประจำปี 2568 ฉบับประเทศไทย: ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การปฏิบัติตามกฎระเบียบ” ว่า องค์กรไทยส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญต่อฝ่ายปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance function) ของตนไม่เพียงพอ โดยมีเพียง 42% ของผู้นำฝ่ายปฏิบัติตามกฎระเบียบของไทยเท่านั้นที่กล่าวว่า พวกเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ขององค์กร เปรียบเทียบกับผู้นำฝ่ายปฏิบัติตามกฎระเบียบในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ 51%
“การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของกฎระเบียบข้อบังคับ ระบบนิเวศอุตสาหกรรม และความเสี่ยงทั้งในระดับมหภาคและจุลภาค อีกทั้งความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทำให้การดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิม ๆ ไม่ยั่งยืนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารจึงควรต้องผลักดันให้ฝ่ายปฏิบัติตามกฎระเบียบของตนเป็นศูนย์กลางของการสร้างโมเดลการปฏิบัติตามกฎหมายใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งการให้อำนาจในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์นั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้บริษัทสามารถมองเห็น ยอมรับ และจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม และยังช่วยปกป้องและสร้างมูลค่าให้กับองค์กรในระยะยาว” นางสาว สินสิริ กล่าว
ทั้งนี้ รายงานฉบับประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของ “รายงานผลสำรวจการปฏิบัติตามกฎระเบียบทั่วโลกประจำปี 2568” ที่ PwC ได้สำรวจผู้บริหารจำนวนทั้งสิ้น 1,802 ราย ซึ่งรวมถึงผู้บริหารจากประเทศไทยจำนวน 36 รายในช่วงระหว่างเดือนกันยายน ถึงพฤศจิกายน 2567 นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า 61% วางแผนที่จะให้ฝ่ายปฏิบัติตามกฎระเบียบของตนมีส่วนร่วมในนวัตกรรมรูปแบบธุรกิจ (business model innovation) ขณะที่ 58% ต้องการให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
นางสาว สินสิริ กล่าวต่อว่า การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบของธุรกิจในประเทศไทยในปัจจุบันนั้นยังคงตามหลังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยรายงานระบุว่า 72% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ใช้เทคโนโลยีในการฝึกอบรมด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (เทียบกับ 81% ในเอเชียแปซิฟิก) ขณะที่ 62% ใช้เทคโนโลยีในการเปิดเผยข้อมูลตามข้อบังคับ (เทียบกับ 71% ในเอเชียแปซิฟิก) และ 57% ใช้เทคโนโลยีในการติดตามประเด็นปัญหา (เทียบกับ 66% ในเอเชียแปซิฟิก) ตามลำดับ
ยิ่งไปกว่านั้น รายงานระบุว่า 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยกล่าวว่า ตนไม่มีแผนลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อการตรวจสอบด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ขณะที่ 35% กล่าวว่า ไม่มีแผนลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อการระบุและตีความข้อบังคับต่าง ๆ โดยนางสาว สินสิริ กล่าวเสริมว่า สาเหตุหลักอาจเนื่องมาจากหน่วยงานการปฏิบัติตามกฎระเบียบของประเทศไทยยังคงพึ่งพาดุลยพินิจของบุคลากรในการตรวจสอบและการระบุข้อกฎหมายและการตีความเป็นหลัก
“ความลังเลในการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อการดำเนินงานด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบของธุรกิจไทย เมื่อเปรียบเทียบกับในระดับภูมิภาคจะส่งผลต่อความสามารถของประเทศในการจัดการกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อบริษัทต้องการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ” นางสาว สินสิริ กล่าว
เมื่อพิจารณาถึงวัฒนธรรมองค์กรด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance culture) ผลสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทย 44% กล่าวว่า วัฒนธรรมด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กรของพวกเขาอยู่ในระดับปานกลาง โดยปัจจัยที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างวัฒนธรรมองค์กรดังกล่าวให้แข็งแกร่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง (75%) การฝึกอบรมและการสื่อสารกับพนักงาน (53%) และการเน้นย้ำถึงความสำคัญของนโยบาย ขั้นตอน และแนวทางปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ชัดเจน (33%)
“เหนือสิ่งอื่นใด การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ใช่เรื่องของการทำตามกฎเท่านั้น แต่เป็นการตระหนักถึงการทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างเป็นปกติโดยได้ต้องรับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารและมีวัฒนธรรมในการส่งเสริมการปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องและฝังอยู่ในการดำเนินงาน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริหารจะต้องคำนึงถึงการมีกลยุทธ์และแผนการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ชัดเจน มีการแต่งตั้งผู้นำด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและให้อำนาจทีมงานที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม รวมทั้งมีการลงทุนในเทคโนโลยีที่จำเป็นซึ่งทั้งหมดจะเป็นวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการกับความท้าทายและความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นางสาว สินสิริ กล่าว
** กระบองเพชร**

เปิดใจ! อาสากู้ภัยนำข้าวแจกชาวบ้าน ถูกน้ำพัดหาย ยันไม่ท้อ กลับมาช่วยต่อ ส่งข้าวกล่องใหม่ 200 ชุด
'HP'เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่6,000ตำแหน่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่ายรับยุคของAI
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี