วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แจกกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) พร้อมเงินบาทดิจิทัลจำนวน 10,000 บาท ในกระเป๋าแก่คนไทยทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไป ทุกวัยโดยไม่ต้องลงทะเบียน ภายในเดือนเมษายนพ.ศ. 2567 เพื่อเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจซบเซาของไทยอันเนื่องมาจากปัญหาไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด เป็นนโยบายพรรคที่ เศรษฐา ทวีสินประกาศไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียง เพื่อรับเลือกตั้ง จนกระทั่งได้รับการโปรดเกล้าฯและแต่งตั้งให้มานั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ขุนคลังของประเทศด้วยนโยบายที่โดดเด่นโดนใจประชา ท่ามกลางข้อกังขาว่า ทำได้จริงหรือ?
คาดการณ์ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ จะใช้งบประมาณราว 560,000 ล้านบาท โดยจะมีเงินไหลเวียนในเศรษฐกิจได้กว่า 3 ล้านล้านบาท ประมาณ 17% ของงบประมาณแผ่นดินกระทรวงการคลังได้ขานรับเป็นนัยแล้วว่า มีทางเป็นไปได้ โดยมีแผนเริ่มแจกจ่ายได้ราวกลางปี 2567
เงินดิจิทัล (หรือสกุลเงินดิจิทัล) ซึ่งเป็น คริปโทเคอร์เรนซี คือ เงินบนโลกอินเตอร์เนต เกิดขึ้นจากการนำกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่กำหนดจำนวนไว้จำกัด ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) โดยอาศัยเครื่องพิวเตอร์มาถอดรหัส เพื่อสกัดเงินออกมาในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัล เรียกกันในยุคแรกๆ ว่า “บิตคอยน์” (Bitcoin : BTC)
ปัจจุบัน 1 Bitcoin ถูกกำหนดให้มีมูลค่าประมาณ 26,022.01 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 970,416.47 บาท ซึ่งต่อมาภายหลังได้มีวิวัฒนาการตามการยอมรับซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนในตลาดเงินลงทุนโดยถูกกฎหมาย แตกเป็นสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เช่น Ethereum, Litecoin ( LTC), Ripple (XPR) หรือ Stellar (XLM) เป็นต้น
สกุลเงินดิจิทัลเป็นที่ยอมรับในตลาดหุ้นของไทยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดให้มีการลงทุนซื้อ-ขายผ่านสกุลเงินดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว กระทรวงการคลังได้ตราพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ออกมารองรับ หลังจากที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทดลองทำโครงการสกุลเงินดิจิทัล (Central Bank Digital Currency : CBDC)
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีบทบาทเป็นธนาคารกลางของประเทศ กำหนดสกุลเงินดิจิทัลไทยใช้เป็นสื่อกลางเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ สามารถรักษามูลค่า และเป็นหน่วยวัดทางบัญชีได้ โดยทดลองใช้เงินดิจิทัลนี้ผ่านโครงการนำร่องนวัตกรรมภาคการเงิน ที่นำกลไก Regulatory Sandbox ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น QR Code Biometrics Blockchain AI และ API มาทดลองให้บริการภายใต้ขอบเขตจำกัดในช่วงแรกควบคู่กับการดูแลความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างความมั่นใจการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย ภายใต้ชื่อ โครงการบางขุนพรหม (ปลายปี 2565 จนถึงไตรมาส 3 ปี 2566) โดยมีธนาคารและสถาบันการเงินหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้
พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 เป็นกฎหมายที่มีบริบทกำหนดวิธีการและอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการด้านธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตลอดจนการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี ร่วมกับ ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส 6/2565 เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารที่ประกอบกิจการและธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2565 อันเป็นแนวปฏิบัติเฉพาะของธนาคารและสถาบันการเงินในการทำธุรกรรมด้านเงินดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม แนวนโยบายปฏิบัติในลักษณะการแจกเงินเพื่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศจากผลกระทบวิกฤตการณ์โรคระบาดนั้น อาจเป็นนโยบายที่รัฐบาลในแต่ละประเทศพิจารณากระทำได้ ภายใต้ค่านิยมของประชาชนที่เหมาะสมจึงจะสัมฤทธิผลตามวัตถุประสงค์
ยกตัวอย่าง เช่น กรณีประเทศญี่ปุ่น ในปี 2563 ที่ผ่านมาได้มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรูปแบบในการจ่ายเงินนั้นอาจเป็นเงินสด ใบสำคัญแสดงหลักฐานการจ่ายเงิน (Voucher) หรือรวมกันทั้งสองแบบ แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เลือกที่จะนำเงินนี้ไปเก็บออม แทนที่จะนำมาใช้จ่าย จึงทำให้เงินไม่ได้ไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล เท่าที่ควร
นโยบายแจกเงินดิจิทัล ให้แก่คนไทยอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท ภายในเดือนเมษายนพ.ศ. 2567 ของรัฐบาลใหม่ แม้จะดูดี น่าสนใจ และน่าตื่นเต้น
แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะหาเงินมาจากที่ไหนเพื่อมาใช้ในโครงการได้ทันกำหนดเวลา แม้ว่าที่รัฐบาลใหม่
จะให้ข้อมูล หรือบอกแก่ประชาชนว่า จะนำเงินมาจากการจัดสรรงบประมาณ ที่ตัดงบประมาณจากส่วนอื่น และเรียกเก็บภาษีเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ที่ได้แน่ๆ ในขณะนี้ กระทรวงการคลังไม่มีเงินที่เก็บรักษาไว้ ในคลัง หรือหน้าตัก ตามจำนวนของชาวบ้าน ที่จะนำมาใช้แจกในโครงการนี้ได้ทันที ท่ามกลางการแสดงความคิดเห็น และเป็นห่วงเป็นใยของบรรดาผู้สันทัดกรณี และนักวิชาการทางด้านเศรษฐกิจทั้งหลายที่เห็นว่า อาจจะกระทบต่อสถานะและสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นอย่างมากหรืออย่างรุนแรง
ในขณะที่ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของโครงการนี้ อาจเป็นไปได้ว่า รัฐบาลใหม่จะใช้วิธีให้เงินสกุลดิจิทัลที่แจกจ่าย ให้นำออกมาใช้จ่ายในท้องตลาดกันจริง แต่การจ่ายหรือการชำระหนี้ จะเน้นการตัดบัญชี หรือหักกลบลบหนี้ มากกว่าที่จะมีเงินสำรองเพื่อหนุนหลัง
หรือเป็นหลักประกันแก่เงินสกุลดิจิทัลที่แจกจ่ายออกไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง
โครงการแจกเงินดิจิทัล หากรัฐบาลจะทำ ควรจะทำโดยพื้นฐานของหลักการและความเป็นไปได้อย่างแท้จริง อย่าได้ทำเพียงเพื่อเพราะได้รับปากกับประชาชนไว้ตอนหาเสียงเท่านั้น

อุ้มโหด! หนุ่มไต้หวันแค้นรัก ทวงหนี้เงินแสน ฉุดอดีตแฟนสาว ชกหน้ายับคาชลบุรี
แซะเลอะเทอะ! วันโวยเทพศิรินทร์ โยงการเมือง-จตุรมิตร
มวลอากาศเย็นจีนแผ่ปกคลุม! เหนือหนาวจัด6องศา ใต้ฝนยังตกหนัก40%ของพื้นที่
Portugal. The Man ปล่อย 'SHISH'อัลบั้มลำดับที่ 10 ของ John Gourley
‘ฉายแสง แอด.เวนเจอร์’ ร่วมกับ ‘เดอะ โกสท์ เรดิโอ’ ส่งภาพยนตร์ ‘ข้างบ้าน’

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี