วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 หรือ หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายจะยกระดับให้เป็น “โฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม”ด้วยการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการใช้สอยให้แก่ผู้ครอบครองเข้าทำประโยชน์ให้มากขึ้น
ส.ป.ก. 4-01 ที่ปรับปรุงใหม่ตามนโยบาย จะสามารถเปลี่ยนมือได้ระหว่างเกษตรกรที่มีคุณสมบัติเดียวกันตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด จะสามารถใช้ค้ำประกันเงินกู้กับสถาบันการเงินได้ทุกแห่ง โดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ (จากเดิมที่ใช้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้เพียงที่เดียว) แต่ผู้ถือสิทธิจะต้องครอบครองและทำประโยชน์จากการปลูกไม้มีค่าในพื้นที่ตามสัดส่วนที่ ส.ป.ก.กำหนด มาไม่น้อยกว่า 5 ปี
ในคราวนี้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือเรียกย่อๆ ว่า “ส.ป.ก.” จะเป็นหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่เป็นนายทะเบียนสิทธิและนิติกรรมต่างๆ เอง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้กระบวนการจดทะเบียนและทำนิติกรรมรวดเร็วขึ้น เพราะจากสถิติมีพี่น้องเกษตรกรที่เข้าเงื่อนไข จำนวน 1,628,520 รายเอกสารสิทธิรวม 2,205,561 ฉบับ เนื้อที่รวม 22,079,407.67 ไร่ เป็นการแบ่งเบาภาระสำนักงานที่ดิน ของกรมที่ดิน ซึ่งมีงานล้นมืออยู่แล้ว
ส.ป.ก. เป็นหน่วยงานรัฐ มีสถานะเทียบเท่ากรมของส่วนราชการ จัดตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและมอบสิทธิครอบครองในที่ดินที่ปฏิรูปดังกล่าวให้แก่บรรดาเกษตรกรผู้มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด ทั่วภูมิภาคของประเทศไทยได้มีผืนที่ดินทำมาหาเลี้ยงชีพ (มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518)
แต่เดิมในยุคแรกเริ่มการจัดสรรที่ดินตามนโยบายปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรและแจกจ่ายให้แก่ชาวเกษตรกรตามกฎหมายนี้ จะเป็นอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ เรียกย่อๆ ว่า “คปก.” (มาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518) การดำเนินงานจะกระจายไปตามสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรสาขา (สำนักงาน) ในท้องที่ซึ่งที่ดินที่จัดสรรตั้งอยู่ในเขตทั่วประเทศ
แต่ละสำนักงานจะทำการคัดเลือกเกษตรกรผู้มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์เงื่อนไขที่จะได้รับมอบเอกสารสิทธิส.ป.ก. 4-01 เป็นเอกสารสำคัญ แสดงถึงการเป็นผู้มีสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์ทำการเกษตรในผืนดินที่มอบให้ภายหลังจากรายชื่อเกษตรกรผู้มีคุณสมบัติ ผ่านการอนุมัติจากคปก.แล้ว เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเป็นผู้แทนในการดำเนินการจดทะเบียนขอออกเอกสารสิทธิดังกล่าวต่อสำนักงานที่ดิน ของกรมที่ดิน
คุณสมบัติผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดิน ส.ป.ก. จากบุคคล 3 ประเภทคือ เกษตรกรโดยตรง ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และชุมชนเกษตรกรที่รวมตัวกันเป็นสถาบันเกษตรกร (มาตรา 4 พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518) บรรดาบุคคลเหล่านี้ต้องมีคุณสมบัติโดยทั่วไป คือ 1. มีสัญชาติไทย2. บรรลุนิติภาวะ หรือเป็นหัวหน้าครอบครัว 3. ประพฤติดีซื่อสัตย์สุจริต 4. ร่างกายสมบูรณ์ ขยันขันแข็ง 5. ไม่มีที่ดินหรือมีที่ดินเพียงเล็กน้อย ไม่เพียงพอ 6. ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน และ 7. ยินยอมปฏิบัติตามระเบียบของ ส.ป.ก. จำนวนที่ดินไม่เกิน 50-100 ไร่ ตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศ
การเพิ่มสิทธิประโยชน์ในสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. (จากสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม) ให้เป็นไปตามนโยบายใหม่นี้ จะต้องทำการแก้ไขกฎหมายหลัก 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 11 ให้มีความสอดคล้องกันในทางปฏิบัติโดยเฉพาะหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ “คุณสมบัติของเกษตรกรผู้มีสิทธิ”ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้ได้รับสิทธินี้ เนื่องจากความไม่ชัดเจนของการตีความหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกในอดีต ที่สร้างความปั่นป่วน สั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลเลยทีเดียว (คดีเพิกถอนสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ที่จังหวัดภูเก็ต ในปี 2537 ในความไม่ชัดเจน หลักเกณฑ์ ตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกรซึ่งจะมีสิทธิ์ได้รับที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2535 ในข้อ 6 (6) และข้อ 8 (1) รวมทั้งความหมายของคำว่า “เกษตรกร” ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัยนั้นประกาศยุบสภา และรวมถึงคดีล่าสุดที่ศาลฎีกาพิพากษาตัดสิทธิทางการเมือง นักการเมืองรายหนึ่งที่ขาดคุณสมบัติในการครอบครองที่ดินส.ป.ก.4-01)
นอกจากนี้หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับ “วัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ในที่ดินส.ป.ก.” ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กันที่จะต้องพิจารณาและตีความโดยเคร่งครัด เพราะวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. ตามเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 นั้นเพียงเพื่อให้เกษตรกรผู้มีสิทธิใช้เพื่อทำประโยชน์ในการทำเกษตรกรรมเท่านั้น การใช้เพื่อทำประโยชน์นอกเหนือไปจากนั้น แม้จะตีความกำหนดแนวทางผ่อนการใช้ประโยชน์ในทางบริหารให้สามารถเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ไปใช้ในทางสาธารณะก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ การนำสิทธิในที่ดิน ส.ป.ก.ออกให้เอกชนเช่า เพื่อกิจการจัดหาพลังงานไฟฟ้า (คดีหมายเลขดำที่ อ.1203/2556 คดีหมายเลขแดงที่ อ.1728/2559)
เหนือสิ่งอื่นใด การทำความเข้าใจแก่สาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพี่น้องเกษตรกรทั้งหลายให้ได้รับรู้รับทราบถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับจากสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 อย่างชัดเจนนั้น เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจที่บิดเบือนสับสนนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องพิจารณาดำเนินการในลำดับต้นๆ ก่อนประเด็นอื่นๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี