วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ประเทศไทยกำลังถูกมองจากชาวโลกว่าเป็นดินแดนแห่งการฟอกเงิน ปัญหานี้คือเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลจำเป็นต้องสำเหนียกและต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว เพราะหากปล่อยให้ปัญหานี้ใหญ่โตจนไม่สามารถควบคุมหรือแก้ไขได้แล้ว ชื่อเสียงของประเทศไทยจะเลวทรามไม่ต่างไปจากกัมพูชา
เราจำเป็นต้องกล่าวถึงรากเหง้าของมูลเหตุการใช้ไทยเป็นแหล่งฟอกเงิน เพราะหากไม่ขุดลึกลงไปถึงรากเหง้าแล้ว ก็ไม่มีวันแก้ปัญหาได้จริง แต่หากเจาะลึกลงไปถึงรากเหง้าต้นตอของปัญหาได้แล้ว แต่ทว่าผู้มีอำนาจรัฐไม่จัดการกำจัดปัญหาให้หมดไป ก็ไม่สามารถขุดรากถอนโคนปัญหานี้ได้ ดังนั้น จึงทำให้มีคำถามตามมาว่า ตกลงแล้วผู้มีอำนาจรัฐของไทยตั้งใจแก้ปัญหานี้หรือไม่ หรือว่าจริงๆ แล้วผู้มีอำนาจรัฐไทยคือต้นเหตุหนึ่งของปัญหานี้ เพราะว่ามีคนบางคนที่อยู่ในกลุ่มผู้มีอำนาจรัฐคือผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
จากการศึกษาและดูข้อมูลการฟอกเงินในไทยพบว่ามีขบวนการนี้จริง และยังพบว่ามีโยงใยไปถึง scammers gangster (แก๊งต้มตุ๋นหลอกลวง) และยังมีกลุ่มที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ที่เรียกว่าธุรกิจสีเทา สีดำ โดยคนจำพวกนี้ใช้ไทยเป็นฐานการฟอกเงิน แต่ที่น่าหนักใจคือมีนักการเมืองระดับชาติของไทยพัวพันกับขบวนการผิดกฎหมายนี้ และยังพบว่าในบางกรณีมีการใช้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยเป็นฐานปฏิบัติการ โดยมีตำรวจ นักการเมือง นักกฎหมาย และผู้อยู่ในวงการตลาดหุ้นร่วมรู้เห็นเป็นใจ
ดังพบว่ามีความพยายามซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เพื่อหวังใช้เป็นกลไกในการฟอกเงินในระยะยาว ทั้งนี้กลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นเป้าหมายของขบวนการฟอกเงินคือ บริษัทด้านพลังงาน สินทรัพย์ดิจิทัล และสถาบันการเงิน เป็นต้น จึงมีคำถามว่า เรื่องเหล่านี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ทำหน้าที่ดูแลและป้องกันแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้อย่างเต็มกำลังความสามารถแล้วหรือยัง
ในเมื่อสมาชิกของโลกหลายประเทศกำลังร่วมกันกดดันเพื่อปราบปรามแก๊งอาชญากร scammers ในกัมพูชา แต่น่าสังเกตว่ารัฐบาลไทยกลับดูเสมือนนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ จนทำให้รัฐบาลถูกตั้งคำถามว่าทำไมจึงเฉยเมยกับการปราบปราม scammers หรือว่ารัฐบาลมีส่วนรู้เห็นเป็นใจบางกรณีกับ scammers
อย่าลืมว่าแก๊งอาชญกรจากกัมพูชาจำนวนไม่น้อยเข้ามาพัวพันข้องเกี่ยวกับดินแดนไทยในรูปแบบต่างๆ อาทิ บางรายสามารถทำให้ลูกของตนได้รับสัญชาติไทย และบางรายก็เข้ามาลงทุนในไทย บางรายมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองไทยบางคน และขณะเดียวกันก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนักการเงินการธนาคารบางคนของไทย โดยพบแล้วว่าอดีตรัฐมนตรีไทยบางคนมีสายสัมพันธ์โยงใยกับบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นแก๊งอาชญากรในกัมพูชา ส่วนรัฐมนตรีไทยบางคนก็มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแก๊งอาชญากรของกัมพูชาเช่นกัน ถามว่าเรื่องน่ารังเกียจเหล่านี้เกิดขึ้นในเมืองไทยได้อย่างไร แล้วทำไมรัฐบาลไทยจึงปล่อยให้เกิดขึ้นได้ หากรัฐบาลไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องผิดกฎหมายเหล่านี้ ก็ต้องจัดการปราบปรามและกำจัดแก๊งอาชญากรเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปโดยไม่ชักช้า
ถามว่าเมื่อแก๊ง scammers ในกัมพูชาได้รับเงินจากการทำสิ่งผิดกฎหมายแล้วจะนำเงินสกปรกไปฟอกที่ไหน แน่นอนว่าอาจจะนำไปฟอกบนเกาะบริติชเวอร์จิน หรือเคแมน หรือในสวิตเซอร์แลนด์ได้หรือไม่ ตอบว่าก็น่าจะได้ แต่หากถามต่อไปว่าแล้วนำเข้ามาฟอกในประเทศไทยได้หรือไม่ ตอบว่าก็น่าจะได้ และน่าจะเป็นการนำเข้ามาฟอกได้ง่ายดายที่สุด เพราะมีพรมแดนของประเทศติดกัน แล้วก็ยังพบว่าแก๊งอาชญากรในกัมพูชายังสามารถเข้า-ออกไทยได้อย่างสะดวก แถมยังมีคนมีอำนาจรัฐให้การสนับสนุนอีกด้วย
ถามจริงๆ ว่ารัฐบาลไทยเคยตรวจสอบเส้นทางการเงินของเฉิน จื้อ เจ้าพ่อ scammer คนสำคัญของกัมพูชาอย่างจริงๆ จังๆ หรือไม่ แล้วเคยรู้บ้างไหมว่าเส้นทางการเงินที่ไม่ขาวสะอาดของเฉิน จื้อ เข้ามาในไทยบ้างหรือไม่ และมีจำนวนมากน้อยเพียงใด หวังว่ารัฐบาลไทยจะไม่ปฏิเสธเรื่องบริษัท Prince Group ของ เฉิน จื้อ ที่เข้ามาเปิดกิจการในไทย ถามว่ารัฐบาลไทยไม่รู้ใช่ไหมว่า เฉิน จื้อ คือที่ปรึกษาของฮุนเซน และฮุน มาเนต ผู้มีอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของกัมพูชา
อ้างอิงข้อมูลการศึกษาเรื่องเครือข่าย scammers กัมพูชา โดย สฤณี อาชวานันทกุล พบว่าแก๊ง scammers กัมพูชาเกี่ยวข้องกับทุนสีเทาอย่างใกล้ชิด และพบว่ามีการฟอกเงินโดยแก๊ง scammers และธุรกิจสีเทาซึ่งมีคนไทยจำนวนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยแบ่งได้สามระดับคือ
แก๊ง scammers กัมพูชาส่งเงินสีเทาเข้ามาฟอกในไทย โดยใช้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นฐานปฏิบัติการ โดยผ่านการซื้อขายหุ้นรายวัน และซื้อหุ้นจำนวนมากของบริษัทในตลาดหุ้นไทย การกระทำเช่นนี้ทำให้สามารถฟอกเงินได้ง่ายดายในระยะยาว ถามว่าเรื่องนี้คนใน ก.ล.ต. และนักการเมืองไทยที่มีอำนาจรัฐจะไม่รู้จริงๆ หรือ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอนคือโบรกเกอร์ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะต้องรู้เห็นอย่างแน่นอน
นอกจากการฟอกเงินผ่านตลาดหลักทรัพย์แล้ว ยังฟอกเงินผ่านเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงฟอกเงินผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อทองคำ ซื้อสินทรัพย์มีค่าอื่นๆ โดยซื้อผ่านตัวแทน หรือผ่านนักธุรกิจสีเทาในไทย และซื้อผ่านเจ้าหน้าที่บางคนของรัฐ รวมถึงผ่านสถาบันการเงินบางแห่ง และก็ยังพบว่า มีการฟอกเงินโดยผ่านการจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม และนักกาารเมืองระดับท้องถิ่นของไทยด้วย
จากการศึกษาวิจัยและค้นข้อมูลพบว่ามีการฟอกเงินในไทยโดยแก๊งอาชญากรมาประมาณ 4-5 ปีแล้ว โดยพบว่า ฟอกเงินผ่านตลาดหุ้นของไทยมีมูลค่าประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท และยังฟอกเงินนอกตลาดหุ้นไทยโดยการซื้อหุ้นนอกตลาดอีกประมาณ 6 พันล้านบาท
ข้อสังเกตการฟอกเงินผ่านตลาดหุ้นไทยคือ การนำเงินไม่สะอาดไปลงทุนในตลาดหุ้นโดยผ่านตัวแทน โดยการซื้อหุ้นครั้งละจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ ก.ล.ต. ต้องทราบดี เพราะการถือหุ้นทุกๆ 5 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดถือว่ามีนัยสำคัญต่อหลักทรัพย์ของกิจการนั้นๆ จึงต้องรายงานการถือครองหุ้นต่อ ก.ล.ต. และต้องระบุว่าใครคือผู้รับประโยชน์จากหุ้นตัวนั้น แต่แม้ scammers จะใช้ตัวแทนหรือนอมินีในการดำเนินการ แต่ ก.ล.ต. ก็ต้องติดตามค้นหาตัวจริงให้ได้ เพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ก.ล.ต. ดังจะพบว่าการฟอกเงินลักษณะนี้จะใช้นอมินีหลายคน โดยจะซื้อขายถ่ายโอนหุ้นกันไปมา เพื่อสร้างภาพลวงตาว่าหุ้นตัวนั้นเป็นที่ต้องการของตลาด และพบว่าหุ้นที่ผ่านการปั่นด้วยนอมินีจะมีราคาสูงอย่างผิดสังเกต แต่ทั้งหมดนั้นเป็นผลงานการกระทำของเจ้าของเงินทุนสีเทา
ขณะเดียวกันเมื่อ ก.ล.ต. เริ่มทำงานตรวจค้นแล้ว ปปง. ก็ต้องดำเนินการตรวจสอบควบคู่ไปพร้อมๆ กัน เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ ปปง. โดยใช้กฎหมายปราบปรามการฟอกเงินเพื่อดำเนินคดี ตัวอย่างเช่น หาก ปปง. พบว่ามีความผิดปกติในการซื้อขายหลักทรัพย์ ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ โดยมีการซื้อขายในมูลค่าสูงผิดปกติจากคนที่ไม่น่าจะมีเงินมากพอกับการทำธุรกรรมนั้น เรื่องนี้ ปปง. สามารถเข้าไปตรวจสอบเชิงลึกได้ทันที แต่สำหรับการซื้อขายหุ้นจำนวนมากๆ ในตลาดหุ้นก็จำเป็นต้องให้โบรกเกอร์ส่งข้อมูลให้ ปปง. ด้วย เพราะหากโบรกเกอร์ปกปิด ก็ทำให้ ปปง. ทำงานยากลำบาก แต่ ปปง. ก็ต้องมีกลไกเข้าไปตรวจสอบเบื้องลึกให้ได้
อย่างไรก็ตาม พบว่ามีการซื้อขายหุ้นของ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชัน ที่ดูแล้วผิดปกติเพราะมีเงินทุนต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งสันนิษฐานว่าเงินทุนอาจเชื่อมโยงไปถึงเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮุนเซนแห่งกัมพูชา และยิม เลียก นักธุรกิจสีเทาในกัมพูชา จากข้อมูลพบว่าปี 2567 มีกองทุนน่าสงสัยพยายามเข้าซื้อหุ้น บมจ. บางจากฯ ที่กองทุนประกันสังคมของไทยถือครองอยู่กว่า 14 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท แต่กลับไม่สามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของผู้ซื้อได้ จึงทำให้การซื้อขายครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ
แต่ต่อมามีกองทุนจากสิงคโปร์เข้ามาถือหุ้น บมจ. บางจากฯ ชั่วคราว แล้วพบว่ารีบร้อนขายออกให้บริษัทในไทยจำนวนมากถึง 9 เปอร์เซ็นต์ และมีการกว้านซื้อหุ้นต่อเนื่องจนถือครองได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ พบว่าเส้นทางเงินโยงไปถึงเครือข่ายของเบนจามินโดยตรง ทั้งนี้มีข้อสันนิษฐานว่าเบนจามินถูกตั้งข้อสงสัยว่าพัวพันกับทุนสีเทาและแก๊ง scammers ในกัมพูชา แล้วก็พบว่ามีโยงใยบางประการกับนักการเมืองไทย โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายร่วมกับทักษิณ ชินวัตร และธรรมนัส พรหมเผ่า ข้อสงสัยเหล่านี้มาจากวิโรจน์ ลักขณาอดิสร แห่งพรรคประชาชน โดย วิโรจน์แสดงความเป็นห่วงว่าเงินสีเทาอาจกำลังทะลักเข้าไปฟอกเงินในตลาดหุ้นไทย และตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีขบวนการทุนสีเทาข้ามชาติกำลังพยายามจะเข้ามาถือครองหุ้น บมจ.บางจากฯ ซึ่งเป็นกิจการพลังงานที่สำคัญของไทย
มีข้อสังเกตว่ากลุ่มทุนสีเทาจากกัมพูชาจงใจซื้อหุ้นพลังงานของไทย เพื่อหวังครอบงำธุรกิจนี้ เพราะต้องการใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินในระยะยาว และยังมีความพยายามครอบครองกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย เพราะสามารถปั้นแต่งตัวเลขของกิจการได้ง่าย และยังมีธุรกิจอีกหนึ่งชนิดที่ทุนสีเทาต้องการครอบครองคือสถาบันการเงิน และกิจการด้านคริปโต รวมถึงศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะแก๊งอาชญากรทุนสีเทาสามารถฟอกเงินได้สะดวก ดังนั้น หากมีสถาบันการเงินแล้วมีกระดานคริปโตเป็นของตัวเอง กลุ่มทุนสีเทาสามารถนำเงินไปฟอกได้สะดวก แต่หากกลุ่มทุนสีเทาได้ถือหุ้นใหญ่ของสถาบันการเงิน ก็สามารถกำหนดได้ว่าในกรณีที่ใครก็ตามนำเงินไปฝากก็ทำได้สะดวกโดยไม่ต้องผ่านระบบ KYC (know your customers)
สิ่งที่กล่าวมานี้ ไม่ได้เกินความสามารถของรัฐบาลไทยที่จะเข้าไปตรวจตราสอดส่องเพื่อแก้ปัญหาการฟอกเงิน แต่ปัญหาอยู่ที่รัฐบาลไทยต้องการแก้ปัญหาหรือต้องการปล่อยปัญหาไว้ เพื่อผลประโยชน์บางประการของผู้มีอำนาจรัฐ

'เวียดนาม'ผงาด! ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคพุ่งแรง ขึ้นแท่นอันดับ1ในอาเซียน
เปิด 7 อาการปวดหัว สัญญาณอันตราย ที่ต้องรีบไปหาหมอด่วน
'อนุทิน'เปิดพิกัด 5 ศูนย์พักพิงน้ำท่วมหาดใหญ่ พร้อมเบอร์ผู้ประสานงาน
'โป๊ปเลโอ'เตือนเด็กทั่วโลกระวัง'AI'สุดทรงพลัง หากใช้เกินพอดีจะทำให้'มนุษย์'หยุดคิดด้วยตัวเอง
นับ 10 ชีวิต มีเด็กด้วย หนีน้ำท่วมหาดใหญ่ ติดอยู่บนหลังคา ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี