nn หลังจากตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมกราคม 2567 มีมูลค่าสูงถึง 22,649.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวต่อเนื่อง 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY)ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 19 เดือน ทำให้ฝ่ายวิจัยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าทิศทางของการส่งออกของไทยในปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้มากกว่าปีก่อน
โดยธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่า ภาพรวมการส่งออกรายสินค้าดีขึ้นทุกกลุ่ม นำโดย 1.สินค้าเกษตรกลับมาขยายตัว 14% จากหดตัว -8.3% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะข้าวผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง และยางพารา ขณะที่มันสำปะหลังเป็นสินค้าสำคัญที่หดตัว2.สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 10.3%เร่งขึ้นจาก 5% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะเหล็กเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ขณะที่รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเป็นสินค้าสำคัญที่หดตัว 3.สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 3.8% ต่อเนื่องจาก 3.6% ในเดือนก่อน โดยผลไม้กระป๋องและแปรรูปและเครื่องดื่มเป็นสินค้าหลักที่ขยายตัวดี ขณะที่น้ำตาลทรายเป็นสินค้าสำคัญที่หดตัว และ 4.สินค้าแร่และเชื้อเพลิงขยายตัว 7.1% ชะลอลงจาก 32.4% ในเดือนก่อน
ภาพรวมการส่งออกขยายตัวในทุกตลาดสำคัญ โดย 1.ตลาดยุโรป ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน 3.6%YOY เทียบกับหดตัว
-8.4%YOY ในเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้าในตลาดยุโรปขยายตัวได้หลายกลุ่มสินค้าท่ามกลางข้อจำกัดในการขนส่งเอเชีย-ยุโรปผ่านทะเลแดง การส่งออกสินค้าสำคัญ15 ลำดับแรกของตลาดนี้ขยายตัวถึง 10 รายการโดยเฉพาะเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (85.4%) และยางพารา (55.8%) 2.ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 13.7% เร่งขึ้นมากจาก 0.3% ในเดือนก่อน การส่งออกสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวได้อย่างทั่วถึงเช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (62%) และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (50.4%) (3) ตลาดฮ่องกง ขยายตัวแข็งแกร่ง 72% เร่งขึ้นจาก 35% ในเดือนก่อน โดยการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบขยายตัว 314.2% และ 24,775.9% ตามลำดับ(4) ตลาดจีน ขยายตัวต่อเนื่อง 2.1%ใกล้เคียงกับ 2% ในเดือนก่อน แต่ดุลการค้า (ระบบศุลกากร) กลับมาขาดดุล เพราะนำเข้าเพื่อใช้ผลิตและลงทุนสูงขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดว่ามูลค่าการส่งออกไทยจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในปี 2024 จากแรงสนับสนุนหลายด้าน ได้แก่
1.ปริมาณการค้าโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ที่แม้จะชะลอลงบ้างแต่จะยังขยายตัวได้ใกล้เคียงปีก่อน 2. ภาคการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าระหว่างประเทศจะกลับมามีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกมากขึ้นในปี 2024 สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตโลกในเดือน ม.ค. ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือน อีกทั้ง ข้อมูล PMI ภาคการผลิตขั้นต้นในเดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญที่สุดของไทยยังขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 17 เดือน แม้ภาคการผลิตในหลายประเทศจะยังซบเซาต่อเนื่อง 3. ราคาสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง เช่น ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่ลดลงจากภัยแล้งและนโยบายควบคุมการส่งออกสินค้าในบางประเทศ
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญหลายประการ เช่น ปัญหาการขนส่งในทะเลแดงและคลองปานามา การแบ่งขั้วของห่วงโซ่อุปทานโลก การนำภาษีนำเข้าและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการกีดกันทางการค้ามาใช้มากขึ้น และการฟื้นตัวของความต้องการนำเข้าสินค้าของประเทศผู้นำเข้าที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า มูลค่าการส่งออกในปี 2567 มีโอกาสพลิกเติบโตเป็นบวกได้ มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย
ทยอยปรับตัวดีขึ้นและสามารถขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สอดคล้องกับประเทศในภูมิภาคเอเชียที่การส่งออกฟื้นตัวต่อเนื่องการส่งออกล่าสุดในเดือนม.ค. 2567 ของไต้หวัน และเกาหลีใต้ เติบโตเป็นเลขสองหลักและทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ปี 2565 โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับการส่งออกคอมพิวเตอร์ของไทยที่เติบโตถึง 32.2% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3สะท้อนบทบาทของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคที่หนุนการฟื้นตัวของภาคการส่งออก รวมทั้งภาวะขาขึ้นของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก
นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกยังมีสัญญาณดีขึ้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของประเทศเศรษฐกิจหลักในเดือนม.ค. 2567 ทยอยปรับตัวสู่แดนบวก โดยเฉพาะ PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯที่กลับมาขยายตัวได้และแตะระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนก.ย. 2565 นอกจากนี้ การส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากการขยายตัวของการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งส่วนหนึ่งถูกนำมาใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก
อย่างไรก็ตามการส่งออกยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายประการซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในระยะข้างหน้าได้ เช่น การรีเซตเศรษฐกิจจากภาวะการเงินตึงตัวต่อที่อาจกระทบกำลังซื้อของประเทศคู่ค้า การรีเซตเทรนด์โลกโดยเฉพาะความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยกระดับความรุนแรง และความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ หากทรัมป์กลับมาเป็น ปธน.อีกสมัย รวมทั้งสงครามการค้ารอบใหม่กับจีน อาจเป็นการรีเซตเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจโลกใหม่ ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาต่อไป
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี