บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มแบงก์หรือ BANK ทุกธนาคารยังคงนโยบายการเติบโตสินเชื่อแบบระมัดระวังทำให้อัตราการเติบโตสินเชื่อลดลง -0.4% MoM และ YTD รวมทั้ง -0.7% QTD ธนาคารที่สินเชื่อต่ำลงมากที่สุดคือ KTB อยู่ที่ -1.3% MoM และ BBL ที่ -1% MoMขณะที่ สินเชื่อเติบโตเพียงเล็กน้อย ได้แก่ SCB ที่ +0.6% MoMและ TISCO ที่ +0.2% MoM ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจ สำหรับKTB คาดว่าการชำระหนี้คืนมากขึ้นอีกจากสินเชื่อภาครัฐและสินเชื่อธุรกิจฉุดให้สินเชื่อรวมในเดือนพฤษภาคม 2567 ลดลง
ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งได้เพิ่มฐานเงินฝากใน MoM และ QTD และทุ่มไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้และสินเชื่อในตลาดเงิน ขณะที่ ฐานเงินฝาก KTB เติบโตขึ้นมากที่สุดอยู่ที่+2% MoM ตามด้วย SCB +1% MoM โดยที่ KTB เงินฝากก้อนใหญ่เคลื่อนมาจากเงินฝากประเภท CASA ของรัฐวิสาหกิจ กระบวนการดังกล่าวนี้ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (LDR) ลดลงอยู่ที่ 84.5% (จาก 87.5% ในเดือนก่อนหน้า)หนุนให้เกิดสภาพคล่องล้นมากยิ่งขึ้น ขณะที่ KTB นำเงินฝากส่วนเกินนี้ไปไว้เพื่อการปล่อยสินเชื่อในตลาดเงิน ส่วน SCB ได้เงินฝากมาจากธนาคารอื่นๆ (เช่น BAY และ KBANK) และนำไปปล่อยสินเชื่อในตลาดเงินเช่นกัน
หลังจากที่ราคารถยนต์ใช้แล้วอยู่ตัวในช่วงก่อนหน้า ธนาคารต่างๆ เผยว่าสถานการณ์กลับมาผันผวนอีกครั้ง จากยอดขายรถในประเทศตกต่ำลงอีกมากกว่า 25% ในเดือนเมษายน2567 และ -23.5% YoY ใน 4M67 (เทียบกับ -9% ปี 2566)เป็นจุดต่ำสุดใน 32 เดือนของยอดขายเป็นจำนวนคัน ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่สภาพเศรษฐกิจแย่แต่เป็นผลจากการลดลงของราคาขายรถยนต์ EV มาจากผู้ผลิตรถยนต์ EV เองกำลังทำให้ผู้ซื้อรถยนต์เกิดความลังเลที่จะซื้อรถ EV ใหม่ แคมเปญนี้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างราคารถ EV และไม่ใช่ EV และรวมถึงราคารถยนต์ใหม่ และรถมือสอง เพิ่มความเสี่ยงในการลดลงของราคารถยนต์ใช้แล้วและเกิดความเสี่ยงในสินเชื่อ H/P ทั้งนี้ยอดขายรถ EV คิดเป็น 13% ของยอดขายรถยนต์รวมในช่วง 4M67
จากสภาพตลาดไม่เอื้อทำให้ธนาคารต่างๆ ปรับนโยบายแบบระมัดระวัง ขณะที่ KTB และ SCB เปลี่ยนการดำเนินงานเชิงรุกช่วง QTD ส่วน BBL มีสินเชื่อและเงินฝากเติบโตได้ช้า ด้าน KBANK และ TTB เน้นการลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากขึ้น โดยที่ KKP และ TISCO ลดสัดส่วนในการปล่อยสินเชื่อ H/P อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถ EV ที่ผันผวนทำให้แนวโน้มการดำเนินงานของ TTB, TISCO และ KKP ดูไม่สดใสนักใน 2Q67F แต่เรามองว่าธนาคารขนาดใหญ่น่าจะมีเสถียรภาพมากกว่า
ปัจจัยเสี่ยงจาก NPLs เพิ่มขึ้น และกันสำรองเพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง ผลขาดทุน FVTPL จากการลงทุน
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี