“ต้นทุนการเงินลดลง”
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง หรือ SCGP แม้จะกังวลสงครามการค้า แต่เราเชื่อว่าความเสี่ยงส่วนใหญ่สะท้อนในราคาหุ้นแล้ว เรามองบวกมากขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯและจีนแสดงท่าทีเต็มใจที่จะเจรจากันมากขึ้น (รวมถึงประเทศอื่นๆ) เพิ่มความเป็นไปได้ที่อัตราภาษีนำเข้าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว กรณีนี้สนับสนุนมุมมองของเราว่า
อุปสงค์จะเร่งตัวขึ้นใน 2Q68 อาจกลับสู่ภาวะปกติ โดยอุปสงค์จะกระจายไปยังช่วง 2H68 ขณะเดียวกัน SCGP ได้ตอบสนองเชิงกลยุทธ์โดยกระจายการขายไปยังเอเชียใต้และตะวันออกกลาง การจ้างผลิตภายนอกไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า อย่างตุรกีและยุโรป การเพิ่มยอดขายในประเทศ และการลดต้นทุนที่สำคัญรายได้ในประเทศ 1Q68 เพิ่มเป็น 45% (จาก 42% ในปี 2567) ภูมิภาคอาเซียน (ไม่รวมไทย) ลดลงอยู่ที่ 33% (จาก 35%)
เราปรับเพิ่มกำไรปี 2568-2570F ขึ้น 6-13% เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนการเงินที่ลดลงและ GPM ดีขึ้นจากต้นทุนต่างๆลดลง แม้ราคาขายจะต่ำลงก็ตาม ขณะที่กำไรหลักใหม่ของเรา 2568F คาดว่าจะลดลง 2% YoY สูงกว่าตลาด 4% แต่ปี 2569-70Fยังคงต่ำกว่าตลาด 13-15% ในระยะถัดไปกำไรหลัก 2Q68F น่าจะขยับขึ้น QoQ หนุนจากการกักตุนสต๊อกต่อเนื่องและ margin คงที่ ส่วนกำไร
3Q-4Q68F ก็น่าจะดีขึ้นจากยอดขายในประเทศแข็งแกร่ง ต้นทุนต่ำลง และต้นทุนการเงินของ Fajar ลดลง หลังจาก SCGP เพิ่มทุนซึ่งช่วยประหยัดราว 300 ล้านบาทต่อปี ที่น่าสังเกตคือ การนำเข้ากระดาษลูกฟูกของจีนเพิ่มเป็น 7 แสนตัน ในเดือนมีนาคม (เทียบกับ 6.23 แสนตันในเดือนกุมภาพันธ์)
กำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 900 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาทใน 4Q67 แต่ลดลง 48% YoY) สูงกว่าเราคาด เนื่องจากปริมาณการขายบรรจุภัณฑ์และต้นทุนวัตถุดิบดีกว่าคาด ขณะที่กำไรหลักที่ 916 ล้านบาท (พุ่งขึ้น 24 เท่า QoQ แต่ลดลง 46% YoY) คิดเป็น 24% ของกำไรปี 2568F ของเรา สาเหตุที่กำไรหลักพุ่งขึ้น QoQ เพราะไม่มีรายการปรับปรุงสินค้าคงคลัง 260 ล้านบาท ปริมาณการขายแข็งแกร่งขึ้น(นำโดยกระดาษบรรจุภัณฑ์) ต้นทุนการดำเนินงานลดลง (ราคาเศษกระดาษรีไซเคิลลดลง 3% QoQ) ส่วนกำไรลดลง YoY มาจากการดำเนินงานที่ยังย่ำแย่และการรับรู้ผลขาดทุนเต็มปีของ Fajar ในแง่ EBITDA margin ของ integrated packaging unit (IPB) ดีขึ้นที่ 14.5% (เทียบกับ 11.6% ใน 4Q67) ขณะที่ EBITDA margin ของ fibrous unit (FB) ดีขึ้นอยู่ที่ 10.6% (เทียบกับ 8.6% ใน 4Q67) ส่วน EBITDA ของ Fajar ดีขึ้นQoQ แต่ก็ขาดทุนสุทธิมากขึ้น QoQ ด้วย
เรายืนคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นใหม่เป็น 16.00 บาท (จากเดิม 13.80 บาท) สะท้อนถึงการปรับเพิ่มกำไรของเรา เราเชื่อว่าการเปิดกว้างในการเจรจามากขึ้นของสหรัฐฯ และจีนจะทำให้ sentiment ตลาดให้ดีขึ้น และ reward/risk ของเราเป็นการเดิมพันที่คุ้มเสี่ยงขึ้น อีกทั้งการตอบสนองเชิงกลยุทธ์ที่รวดเร็วช่วยให้ความเสี่ยงขาลงจำกัดกว่าที่คาดไว้เดิม ทั้งนี้ความสามารถในการปรับตัวนี้อาจนำไปสู่การ re-rating ในระยะสั้นต่อ ขณะนี้ SCGP ซื้อขายที่ discounted เมื่อเทียบกับ global peers
ปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน, ความเสี่ยงด้อยค่าดีล M&A และความเสี่ยงของประเทศ
ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี