** ความกังวลของภาคเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมขณะนี้ก็คือการถูกสินค้าราคาถูกเข้ามาทุ่มตลาด ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า สินอุปโภค ซึ่งกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมไปจนถึงสินค้าในกลุ่มโลหะ โดยเฉพาะเหล็กจากจีน ซึ่งความกังวลนั้นสะท้อนผ่านออกมาจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (IPI) ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ( MPI) รวมถึงการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ไปจนถึงการลงทุนของภาคเอกชน ที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ท่ามกลางประกาศการปรับคณะรัฐมนตรี หรือ อาจจะรวมไปถึงการปับจำนวนพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ก็ยิ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นในกลุ่มนักลงทุนภาคอุตสาหกรรม เพราะเกรงว่านยายการเอาจริงเอาจังกับเรื่องการปราบปราม”อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” ที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ ทีม”ตรวจสอบสุดซอย”...กำลังเดินหน้าอยู่ขณะนี้นั้น ถือว่าประเทศไทยนั้นมาถูกทางแล้ว หากเกิดการเปลี่ยนแปลงก็เกรงว่านโยบายจะเปลี่ยนไป ทำให้พวก”อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ”กลับมาผงาดอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าตลอดช่วงเวลา 6 เดือน ที่ผ่านภาคเอกชนในแวดวงอุตสาหกรรมเหล็กและก่อสร้างต่างชื่นชมการดำเนินงานเชิงรุกของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่แสดงท่าทีชัดเจนในการควบคุมคุณภาพเหล็กเส้นก่อสร้าง โดยเฉพาะการไม่สนับสนุนการผลิตเหล็กจากเตาหลอมแบบอินดักชั่น (Induction Furnace หรือ IF) ซึ่งเป็นที่ทราบกันในแวดวงอุตสาหกรรมว่ามักมีปัญหาเรื่องการควบคุมมาตรฐานคุณภาพ โดยเฉพาะด้านความแข็งแรงและองค์ประกอบทางเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กต่างยืนยันว่า แนวทาง “ของทีมสุดซอย” ของรัฐมนตรีเอกนัฏ และคณะ ถือเป็นการแสดงภาวะผู้นำเชิงนโยบายที่เด็ดขาด ตรงเป้า และกล้าตัดสินใจในประเด็นที่มีความสำคัญต่อสาธารณชน โดยเฉพาะในภาคก่อสร้างซึ่งต้องอาศัยวัสดุที่ได้มาตรฐานสูงสุดเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
จากปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า นอกจากเหล็กเส้นก่อสร้างแล้ว ควรขยายมาตรการควบคุมคุณภาพนี้ไปยังเหล็กประเภทอื่นๆ อาทิ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ และเหล็กแผ่นรีดร้อน ซึ่งบางส่วนยังคงมีการผลิตจากเตา IF ที่ไม่ได้ผ่านมาตรฐานควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด การดำเนินนโยบายให้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จึงจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมไทยจากสินค้าที่ด้อยคุณภาพ พร้อมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ย้ำอีกอีครั้งว่าหลายฝ่ายยังเห็นพ้องว่า ประเทศกำลังมาถูกทาง และนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมชุดนี้ ควรถูกยกให้เป็นต้นแบบให้กระทรวงอื่นๆ ได้นำไปปรับใช้ โดยเฉพาะแนวทางการทำงานเชิงรุก การตัดสินใจที่กล้าหาญ และการยึดหลักวิชาการเหนือผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชน
อย่างไรก็ตาม มีความกังวลจากหลายฝ่ายว่า หากรัฐบาลหรือฝ่ายบริหารมีการเปลี่ยนแนวทางจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินอยู่ในปัจจุบัน จะถือเป็น “การตัดสินใจที่ผิดพลาด” (wrong decision making) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และทำลายความเชื่อมั่นที่กำลังเริ่มฟื้นตัวในภาคอุตสาหกรรมอย่างรุนแรง
อีกประเด็นที่ภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาคือ การไม่ควรอนุญาตให้มีการตั้งโรงงานแบบ “อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” ที่ไม่มีการลงทุนในระบบการผลิตที่ได้มาตรฐาน ไม่มีการควบคุมคุณภาพที่ดีพอ และมักทำลายกลไกการแข่งขันโดยเสนอต้นทุนต่ำจากการลดคุณภาพสินค้าอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อผู้บริโภคในประเทศ แต่ยังทำลายโอกาสของสินค้าไทยในตลาดโลกในระยะยาว
“อุตสาหกรรมที่แข็งแรง ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของคุณภาพ ไม่ใช่การตัดราคาอย่างไร้จริยธรรม เราขอให้ภาครัฐดำเนินนโยบายแบบชัดเจน ตรงไปตรงมา และไม่เปิดช่องให้เกิดการกลับลำที่ทำลายความคืบหน้าทั้งหมดที่เกิดขึ้น” – ผู้บริหารโรงงานเหล็กรายใหญ่ของประเทศให้ความเห็น
ถึงตรงนี้”หมุนตามทุน” ก็อยากจะบอกว่าจากเสียงสะท้อนที่ได้รับมานั้นภาคเอกชนขอยืนยันจุดยืนที่จะสนับสนุนแนวนโยบายของรัฐมนตรีเอกนัฏ และทีมงานอย่างเต็มที่ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลกลางยืนหยัดในแนวทางที่ถูกต้องนี้ เพื่อวางรากฐานอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน และยกระดับมาตรฐานสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง
** กระบองเพชร**
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี