“รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น”

บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) โดยกำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท (+6% QoQ, +1% YoY) ดีกว่า ประมาณการตลาดรวม (cons)/ประมาณการของเรา 9%/10% เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯ(credit cost) ต่ำเกินคาด และ รายได้เพิ่มขึ้นจากการกลับรายการค่าใช้จ่ายภาษี ทั้งนี้กำไรสุทธิในงวด 9M68 อยู่ที่ 1.54 หมื่นล้านบาท (-3%) คิดเป็น 80% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

NII ยังคงลดลงอย่างสม่ำเสมอ

สินเชื่อหดตัวลง 1% QoQ และ 4% YoY จากการหดตัวของสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อ H/P ในขณะที่ Margin ก็ลดลงตามคาด โดยลดลง 10bps QoQ และ 32bps YoY ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สองแล้ว ดังนั้น NII จึงลดลง 3% QoQ และ 12% YoY ใน 2Q68 และ ลดลง 10% YoY ในงวด 9M68

รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นทำให้ Non-NII เพิ่มขึ้น

รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 7% QoQ และ +24% YoY ใน 3Q68 และเพิ่มขึ้น 13% ในงวด 9M68 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมกองทุนรวม และ wealth management

สัดส่วน C/I เพิ่มขึ้นเพราะรายได้หดตัวลง

ถึงแม้ว่า TTB จะบีบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมาหลายไตรมาสแล้ว แต่ NII ที่ลดลงอย่างมากกดดันให้สัดส่วน C/I อยู่ที่ 45% ใน 3Q68 และ 44% ในงวด 9M68 จาก 42% ในงวด 9M67

คุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว และ credit cost ลดลงเพราะโครงการ ‘คุณสู้เราช่วย’

NPLs ค่อนข้างทรงตัว QoQ และ ลดลง 2% YoY โดย Credit cost ลดลงมาอยู่ที่ 132bps จาก 142bps ใน 2Q68 โดยสัดส่วน NPL coverage เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 151% (จาก 149% ใน 2Q68)

คงคำแนะนำถือ

ถึงแม้ว่ากำไรในงวด 9M68 จะคิดเป็น 80% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา แต่สัญญาณจากผู้บริหารบ่งชี้ว่าประมาณการกำไรของเรามีอัพซ์จำกัด โดยผู้บริหารประเมินว่ารายได้มีแนวโน้มจะลดลงใน 4Q68 จาก NII เพราะ NIM ถูกกดดัน, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง และรายได้มีแนวโน้มจะลดลงในปี 2569F ซึ่งจะทำให้ประมาณการกำไรของเรามี downside ดังนั้น เราจึงอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรปี 2569F และราคาเป้าหมายของ TTB

ปัจจัยเสี่ยงจากรายได้โตลดลง, NPLs เพิ่มขึ้น และ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น

ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)