“รายได้ค่าธรรมเนียม และ กำไรจากการลงทุนแข็งแกร่ง”

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์หรือSCBกำไรสุทธิของ SCB ใน 3Q68 อยู่ที่ 1.21 หมื่นล้านบาท (-6% QoQ, +10% YoY) สูงกว่า ของตลาด/ประมาณการของเรา 11%/4% เพราะกำไรจากการลงทุนสูงเกินความคาดหมาย ทั้งนี้ กำไรสุทธิในงวด 9M68 อยู่ที่ 3.73 หมื่นล้านบาท (+16%) คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

กำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเป็น 4.2 พันล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 8% QoQ และ 115% YoY ใน 3Q68 และ เพิ่มขึ้น 75% ในงวด 9M68 ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียม(non-NII)เพิ่มขึ้น 12% QoQ และ 7% YoY ใน 3Q68 และ เพิ่มขึ้น 1% ในงวด 9M68 โดยสาเหตุสำคัญมาจากรายได้ของธุรกิจ wealth management ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% QoQ เนื่องจากภาวะตลาดดีขึ้น

NIM ลดลง 9bps QoQ และ 50bps YoY ตามความคาดหมาย ในขณะที่สินเชื่อหดตัวลง 2% QoQ และ 3% YoY ทำให้  NII ลดลง 3% QoQ และ 10% YoY ใน 3Q68 และ ลดลง 6% ในงวด 9M68

ธนาคารยังคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไว้ให้คงที่ได้ และ บริหารจัดการ NII ที่ลดลงด้วยการเพิ่มรายได้จากการลงทุน และ รายได้ค่าธรรมเนียม ดังนั้น จึงยังคงรักษาสัดส่วน C/I ในภาพรวมไว้ได้ในระดับต่ำที่ 40% ใน 3Q68 และ ในงวงด 9M68 (จาก 42% ในงวด 9M67)

NPLs ค่อนข้างนิ่งทั้ง QoQ และ YoY ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรอง ( credit cost)  Credit cost เพิ่มขึ้นเป็น 185bps จาก 175bps ใน 2Q68 โดย credit cost ที่เพิ่มขึ้นน่าจะสะท้อนถึงความตั้งใจของ SCB ที่จะนำรายได้ส่วนเกินจากกำไรจากการลงทุนมาเป็นส่วนรองรับหนี้เสีย ส่งผลให้สัดส่วน NPL coverage เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 162% ใน 3Q68 (จาก 158% ใน 2Q68)

แม้ว่าผลการดำเนินงานจะแข็งแกร่งใน 3Q68 แต่ผู้บริหารของธนาคารยังคงระมัดระวังกับแนวโน้มการเติบโตของรายได้ในไตรมาสต่อ ๆ ไป โดยใช้สมมติฐานว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในเดือนธันวาคม 2568 และ อีกสองครั้งในปี 2569 ซึ่งอาจจะทำให้ผลประกอบการปี 2569 ผันผวนได้ เรามองว่า SCB เป็นหุ้นปันผล โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ประมาณ 8% เราแนะนำถือ และ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2569F ที่ 135 บาท

ปัจจัยเสี่ยงจากรายได้โตลดลง, NPLs เพิ่มขึ้น และ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น

ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)