“รายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่ง”

บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท (+4% QoQ และ  +9% YoY) ดีกว่า ตลาดรวม (consensus) 16% และดีกว่าประมาณการของเรา 19% เพราะ NIM และ รายได้ค่าธรรมเนียมดีเกินคาด กำไรสุทธิในงวด 9M68 อยู่ที่ 3.93 หมื่นล้านบาท (+3%) คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

สินเชื่อหดตัวลงน้อยกว่าที่คาดไว้ โดยลดลง 0.7% QoQ และ YoY ขณะที่ ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ลดลงเพียง 7bps QoQ เพราะต้นทุนการระดมเงินลดลงมากกว่าที่คาดไว้

รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 14% QoQ และ 11% YoY ใน 3Q68 และ เพิ่มขึ้น 5% ในงวด 9M68 ซึ่งธนาคารชี้แจงว่ามาจากค่าธรรมเนียม mutual feeเป็นผลจากการเปลี่ยนกลยุทธ์มาใช้นโยบายกองทุนเป็นเชิงรุกมากขึ้น

NPL และ สินเชื่อ stage 2 ค่อนข้างทรงตัว โดยสัดส่วน NPL อยู่ที่ 3.7% ของสินเชื่อ (ไม่เพิ่มขึ้น QoQ แต่ ลดลง 2% YoY) ในขณะที่ Credit cost เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 167bps (จาก 163bps ใน 2Q68 และ 155% ใน 3Q67) และ อยู่ที่ 164bps ในงวด 9M68 (จาก 189bps ใน 9M67) ทั้งนี้ ธนาคารส่งสัญญาณว่า credit cost เต็มปีอาจจะสูงเกินเป้าที่ 140-160bps เล็กน้อย แต่จะไม่เกิน 170bps

KBANK ยังรักษาสัดส่วน C/I ให้อยู่ในระดับต่ำที่ 42.6% ใน 3Q68 และ 42% ในงวด 9M68 ซึ่งดีกว่าเป้าเต็มปีของธนาคารที่ 44-45% สำหรับในระยะต่อไป ธนาคารจะยังคงเน้นที่การลดจำนวนพนักงานโดยจะเพิ่มการใช้งาน AI เพื่อขับเคลื่อนให้สัดส่วน C/I ลดลงอีก ในขณะเดียวกัน ธนาคารยังพิจารณาทุกทางเลือกที่จะทำให้บริหารจัดการเงินทุนได้ดีขึ้น ทั้งการซื้อหุ้นคืน และ การจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น

เนื่องจากกำไรในงวด 9M68 คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา ซึ่งแม้จะใส่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสำหรับโครงการ ER แล้ว แต่ประมาณการกำไรปี 2568F ของเรายังมี upside อีกประมาณ 2-3% เราจึงยังคงคำแนะนำถือ KBANK และ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2569F ที่ 182 บาท (PBV ที่ 0.7x)

ปัจจัยเสี่ยงจาก FVTPL ลดลงเพราะตลาดพันธบัตรผันผวน, NIM ถูกกดดัน, ไม่สามารถลด credit cost ลงได้

ที่มา..บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)