วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“ตลาดหุ้นไทยปี 2569พร้อมลุย” “
บล.เมย์แบงก์ วิเคราะห์แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2569ว่าตลาดมีความพร้อมเดินหน้า แม้จะยังเผชิญความไม่แน่นอนในระยะสั้นโดยยังคงเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET Index)สิ้นปี 2569 ที่ระดับ 1,370 จุดสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพการฟื้นตัวของตลาดไทยในระยะถัดไป
แม้การเติบโตของกำไรต่อหุ้น(EPS)ในปี2568คาดว่าจะอยู่ที่7% แต่ความเสี่ยงด้านลบของกำไรยังอยู่ในระดับจำกัดตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจด้านมูลค่าซื้อขายที่ระดับ P/E เพียง 11.5 เท่า(ไม่รวม DELTA)ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่าถูกที่สุดในภูมิภาคอาเซียนเป็นรองเพียงประเทศเดียวทำให้ช่วงต้นปีเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการเข้าลงทุน
ในเชิงกลยุทธ์แนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสจาก“election rally” จากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2535 พบว่ากลยุทธ์การเข้าซื้อหุ้นก่อนการเลือกตั้ง1 เดือนและขายหลังการเลือกตั้ง 1 เดือน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดประมาณ +4% ในช่วงเวลา 2 เดือนดังกล่าว ให้น้ำหนักการลงทุนในช่วงดังกล่าวกับกลุ่มธนาคาร การเงิน โทรคมนาคม ท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง
ด้านปัจจัยการเมืองประเมินว่าหลังการเลือกตั้งมีโอกาสสูงที่จะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ซึ่งจะคลายแรงกดดันต่อตลาดทุนไทยที่ดำรงอยู่ต่อเนื่องตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2566 รัฐบาลที่มีเสถียรภาพจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นนักลงทุนและสนับสนุนทิศทางตลาดให้ปรับตัวดีขึ้นในระยะถัดไป
3 ธีมการลงทุนหลักในปี 2569 ได้แก่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และการค้า โดยมองว่าการขยายตัวของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์จะเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของอาเซียน และประเทศไทยมีศักยภาพได้รับประโยชน์ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของ FDI ยังได้รับแรงหนุนจากยอดคำขอส่งเสริมการลงทุน(BOI) ที่เพิ่มขึ้นกว่า 21% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 รวมถึงนโยบาย FastPass ที่ช่วยเร่งการอนุมัติโครงการลงทุนภาคเอกชน
ในมิติการค้าคาดว่าข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศหลายฉบับ ทั้ง FTA ไทย–EFTA ที่จะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2569, FTA ไทย–สหภาพยุโรปที่คาดว่าจะลงนามในไตรมาส 1/2569 รวมถึง CEPA ไทย–เกาหลี จะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประเมินว่าข้อตกลงเหล่านี้อาจช่วยเพิ่ม GDP ของไทยได้ราว 1.9% ในระยะใกล้
กลยุทธ์การเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงให้น้ำหนักมากกว่าตลาด (Overweight) ในกลุ่มโทรคมนาคม สาธารณูปโภค อสังหาริมทรัพย์ และนิคมอุตสาหกรรม พร้อมปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มการเงิน ท่องเที่ยว และอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) มองว่าเป็นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์เด่นจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ขณะที่ยังคงมุมมองระมัดระวังต่อกลุ่มปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ และพาณิชย์
หุ้นเด่นแนะนำ MTC, BBL, TRUE, MINT และ AP เป็น Top Picks เพื่อรับโอกาสจาก election rally ขณะที่การลงทุนตามธีม FDI ดาต้าเซ็นเตอร์ และการค้า แนะนำ WHA, AMATA, ITC, CCET และ GULF คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะถัดไปอย่างโดดเด่น
ที่มา..บล.เมย์แบงก์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี