เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจว่าทำไมแต่ละยุคแต่ละสมัยจึงมีลิเกน้อยคณะนัก มีแต่หน้าเดิมๆ เล่นอย่างเดิมๆ เรื่องราวแบบเดิม ทั้งที่น่าจะมีเป็นร้อยเป็นพันคณะ เพื่อให้คนดูและแม่ยกเลือกชมและเลือกเชียร์ได้ถูกอัธยาศัย
ในสมัยที่ผมเป็นวัยรุ่นก็มี "คณะหอมหวล" - "คณะศิษย์หอมหวล" ต่อมาที่ผมประทับใจมากก็คือ "คณะสมศักดิ์ ภักดี" ที่เปิดแสดงทุกวันอยู่ที่ตลาดเปรมฤทัย ห้วยขวาง โรงลิเกอยู่ตรงข้ามกับกระต๊อบสังกะสีของครอบครัวผมไม่ถึง 100 เมตร ผมจึงได้ยินเสียงลิเกทั้งวันทั้งคืน แม้ดึกดื่นเที่ยงคืนลิเกเลิกเล่นแล้วก็ยังได้ยินเสียงแม่ยกทะเลาะกันเอะอะ ตบตีกันก็มี เพราะเปิดศึกชิงตัวพระเอกเพื่อจะเอาไปดูเฉพาะตน พระเอกสมศักดิ์ ภักดีก็เลยเป็น "สมศักดิ์ ไม่พักเลย"
ช่วงที่ผมเป็นหนุ่มมาจนถึงวันนี้ ก็มีลิเกดังไม่ถึง 10 คน ที่ดังหน่อยก็ "ไชยา มิตรชัย กุ้ง สุทธิราช ชวน ลูกแม่ถ้วน จิ๋ว หวานเจี๊ยบ แม้ว ทักษิณ ต่อมาก็ มาร์ค อภิสิทธิ์ ปู ยิ่งลักษณ์ ล่าสุดที่ฮิตติดลมบนมา 3 ปีแล้วก็คือ "ตู่ ประยุทธ์"
ช่วงเวลาเกือบ 30 ปี มีลิเกและพระเอกลิเกอยู่แค่เนี้ย! ทั้งที่คนไทยมีตั้ง 70 ล้านคน ปัญญาชนที่เรียนจบ “ลิเกศาสตร์” ทั้งจากเมืองนอกเมืองในก็อีกเพียบ
ผมชอบลิเก เคยเล่นลิเกในวัยหนุ่ม แม้ผมจะหน้าตาดีมาก แต่แบบว่า...เกิดมาอาภัพจึงไม่มีแม่ยกอุปถัมภ์ คณะเลยเจ๊ง ผมจึงเปลี่ยนมาเป็น "ท่านผู้ชม" เฝ้าชมลิเกเรื่อยมา แม้ตอนนี้มีเล่นอยู่คณะเดียว และก็มีพระเอกตู่ ประยุทธ์อยู่คนเดียว ผมก็ดู ดูไปก็ลุ้นไป บางครั้งก็ถอนใจไปด้วย
ที่ต้องถอนใจเพราะพูดติเตียนมากไม่ได้ กลัวท่านผู้ชมที่เป็นแม่ยกของพระเอกตู่ ประยุทธ์โกรธจะเอา
แต่ก็ไม่ได้ถอนใจเพราะพระเอกตู่เล่นดีหรือไม่ดี ถูกใจหรือไม่ถูกใจเท่านั้น ผมยังถอนใจเพราะรำคาญพวกจ้องจะล้มคณะลิเกของพระเอกตู่โดย “วิธีอันธพาล” ด้วย เพื่อจะให้คณะที่ตัวเองเป็นแม่ยกกลับขึ้นมาแสดงแทน
(ถ้าแสดงดีมีคุณค่าทางศิลปะผมก็จะเชียร์ แต่ที่เคยแสดงมามันมีแต่ตัวโกงทั้งคณะ เลยไม่ต้องการดูให้เสียสายตาอีก)
ผมไม่ได้ชื่นชมลิเกคณะของพระเอกตู่ ประยุทธ์ ที่ชื่อว่า “คณะ คสช.” และก็ไม่ได้เห็นด้วยกับวิธียึดเวทีเล่นอยู่คณะเดียว แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมต้องยึดเวที
ถ้าลิเกคณะอื่น รวมทั้งพวกแม่ยกของแต่ละคณะไม่ยกพวกตีกันจนเละเทะ จน “มหรสพลิเก” แทบพัง ลิเกคณะคสช. ก็ไม่มีโอกาสเข้ายึดเวทีได้
มันจึงเป็นความผิดของคณะลิเกและพวกแม่ยกอื่นๆด้วย
แต่ไหนๆลิเกคณะ คสช. ก็ผูกขาดเวทีเล่นอยู่คณะเดียวมานานแล้ว ผู้ชมอย่างผมจะทำอะไรได้มากไปกว่า “ดูและทำใจ” ตอนไหนเล่นดีก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้กำลังใจ ตอนไหนเล่นไม่ดีก็ถอนใจและบ่น
เพราะขืนโวยวายไปผมก็จะต้องโดนขว้างด้วยก้อนอิฐก้อนหินจากพวกแม่ยกเหมือนในสมัยเด็กที่ดูลิเกในงานวัด และอาจจะมีของแถมถูกพวก “รปภ. ของคณะลิเก” เชิญไปปรับ “ทัศนคติในการชม” ก็ได้ สำหรับผมจึงเป็นเรื่องยากที่จะชมลิเกด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งเบาสบายเหมือนดูลิเกในงานวัด
ลิเกในงานวัดนั้นถึงตอนสนุกคนดูก็หัวเราะชอบใจ ถึงตอนตัวโกงออกมากดขี่ข่มเหงพวกพระเอกนางเอก ก็จะมีคนเฒ่าคนแก่และเด็กตะโกนด่าและปาก้อนดินขึ้นไปบนเวที ส่วนคนดูถ้า “อิน” ถึงขนาดลุกขึ้นยืนดูแล้วบังสายตาคนข้างหลังก็จะโดนปาเช่นกัน ส่วนมากก็จะเป็นตอนที่ตัวโกงปล้ำนางเอก พวกเขาต้องการดูให้เห็นชัดตาว่านางเอกจะเสียท่าตัวโกงท่าไหนหรือไม่ อย่างไร
แต่ผมก็ยอมรับว่า ไม่ว่าจะดูลิเกอาชีพขวัญใจแม่ยกที่ได้รับการเลือกมาแสดง หรือดูคณะคสช. ที่ยึดเวทีมาแสดง ความรู้สึกก็ไม่แตกต่างกันนัก นั่นคืออึดอัดขัดใจเสียส่วนมาก เพราะการแสดงโดยรวมมันไม่แตกต่างกันนัก
แตกต่างกันก็เพียง “บทบาทของพระเอกกับบทบาทของตัวโกง” ของคณะไหนจะมีมากกว่ากัน และแสดงได้ “เนียนหรือมูมมาม” กว่ากันหรือไม่เท่านั้น
หากพูดโดยรวมก็คือ มหรสพลิเกของเรายังจะต้องพัฒนาอีกมาก และจะต้องพัฒนาทั้งคณะลิเกและท่านผู้ชม โดยเฉพาะท่านผู้ชมที่เป็นแม่ยกทั้งหลายด้วย
ไม่เช่นนั้นสังคมไทยก็จะได้ดูแต่ลิเกคณะเดิมๆ แสดงเรื่องเดิมๆ พระเอกหน้าเดิมๆ ซ้ำยังแสดงวนเวียนสับสนไม่รู้จบ แล้วก็ยกพวกตีกันเหมือนเดิม
จนหาทางจบแบบ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง” จริงๆไม่เจอ
ถึงวันนี้ผมเข้าใจแล้วว่า...เหตุที่แต่ละยุคแต่ละสมัยมีลิเกไม่กี่คณะก็เพราะ "คนดูและแม่ยก" ไม่ยอมรับลิเกคณะใหม่ๆ แม้ว่าอาจจะเล่นดีกว่า มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคณะที่เป็นขวัญใจแม่ยกอยู่ก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี