ผมเขียนบทความสั้นๆในเฟซบุ๊คก็มีคนสนใจเป็นส่วนตัวอยู่เนืองๆ วิธีสนใจก็มีทั้งก่นด่าหยาบคาย ทั้งตั้งคำถาม..คำถามที่พบบ่อยก็คือ “อยู่ฝ่ายไหน” เพราะดูเหมือนผมเป็นคน “หลักลอย”
คือไม่มีอุดมการณ์
ผมประกาศอยู่หลายครั้งว่าผมไม่ได้คิดว่าผมอยู่ฝ่ายไหน (ให้คนอื่นตัดสินเอง) ผมวิจารณ์การเมืองก็วิจารณ์ทีละเรื่อง ทีละประเด็น ไม่ใช่เหมาเข่ง..ที่เห็นว่ารัฐบาลไหนดีก็ดีหมดทุกเรื่อง ชั่วก็ชั่วหมดทุกเรื่อง..อย่างตอนนี้ผมก็เชียร์รัฐบาลให้ “สู้กับไวรัส” เรื่องอื่นค่อยว่ากันต่อไป
ผมไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรที่ต้องแบกมันไว้ หรือเป็นเครื่องมือของมัน อย่างมากก็มีแค่ “หลักคิด” ที่ว่า “เราทุกคนต้องอยู่ด้วยกันในประเทศนี้” ส่วนจะอยู่อย่างไร แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละคน ใครทำผิดกฎหมายก็ว่ากันไปตามกฎหมาย กฎหมายไม่ดีก็แก้ไขมัน ใครทำผิดต่อจริยธรรมของสังคมก็จะถูกสังคมลงทัณฑ์หรือไม่ลงทัณฑ์เอง
ผมไม่ได้คิดแบ่งแยกถึงกับเห็นคนที่คิดต่างเป็นศัตรูที่จะอยู่ร่วมประเทศกันไม่ได้ ที่ทะเลาะก็ทะเลาะกันไป ไม่อยากทะเลาะด้วยผมก็ยกเลิกการเป็นเพื่อน หรือไม่ก็บล็อก
“เราทุกคนต้องอยู่ด้วยกันในประเทศนี้”
ผมถือว่าเมื่อเราเกิดมาในประเทศนี้ด้วยกันก็ต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าใครจะอยู่ในตำแหน่งหรือสถานะอะไร ทุกคนมี “หน้าที่” ของตนอยู่แล้วก็ทำไป
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทนอยู่กันแบบที่..คนส่วนหนึ่งอยู่ดีมีสุข ร่ำรวยล้นฟ้า แต่คนอีกส่วนหนึ่งไม่มีจะกิน ไม่มีที่จะซุกหัวนอน
ผมเห็นว่าเราต้องสร้าง “ดุลยภาพของสังคม” ให้ได้ ให้มันเป็น “สังคมดุลยภาพ” ทั้งเรื่องฐานะความเป็นอยู่หรือ “เศรษฐกิจ” และเรื่อง “จิตวิญญาณ” เพราะชีวิตนั้นประกอบด้วยส่วนที่เป็น “วัตถุกับจิต” (นามรูป) ก็ต้องทำ 2 ส่วนนี้ให้เกิดดุลยภาพในแต่ละตัวบุคคลด้วย แล้วมันจะส่งผลดีแก่สังคมอีกชั้นหนึ่ง
เป็นรากฐานรองรับสังคมที่จะพัฒนาด้านอื่นๆต่อไป เพราะสังคมคือผลรวมของคน
คนเป็นอย่างไร สังคมเป็นอย่างนั้น
สังคมเป็นอย่างไร คนเป็นอย่างนั้น
ต่างมีอิทธิพลแก่กัน แต่เราต้องเริ่มที่คนก่อน เพราะคนเป็นหลักที่เป็นเหตุให้มีเรื่องอื่นๆตามมา
“ดุลยภาพ” นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติ ซึ่งมีกฎของมันอยู่เองแล้ว จะเรียกว่า “นิเวศวิทยา” ก็ได้ จะเรียกว่า “อิทัปปัจจยตา” ก็ได้ เมื่อจะสร้างสังคมมนุษย์ให้มีดุลยภาพก็ต้อง “เอาอย่าง” ธรรมชาติ เพราะมนุษย์ก็เป็นธรรมชาติและอยู่ในธรรมชาติ (เพียงแต่มนุษย์แปลกแยกกับธรรมชาติเพราะสร้าง “อัตตา” ขึ้นมาด้วยการมโน)
และก็ไม่ได้สร้างดุลยภาพเฉพาะสังคมมนุษย์เท่านั้น แต่ต้องสร้างมนุษย์และสังคมมนุษย์ให้มีดุลยภาพกับธรรมชาติด้วย
ดังนั้นการสร้างดุลยภาพจึงต้องบูรณาการ 3 ส่วนให้เป็นองค์รวม คือ
1 มนุษย์ อย่างน้อยมนุษย์ต้องมีจริยธรรม ฯ มีความรับผิดชอบต่อตนและสังคม พัฒนาตนและสังคมขึ้นสู่เป้าหมายคือการมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข รวมถึงสรรพชีวิตอื่นและโลก
2 กิจกรรมทั้งหลายของมนุษย์ โดยเฉพาะเศรษฐกิจการเมือง มนุษย์จะต้องไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น เกื้อกูล แบ่งปันกัน มีความยุติธรรมและมีความเป็นธรรมแก่กัน
3 โลกธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิวเวศ...โลกธรรมชาติที่เราเรียกว่าทรัพยากรธรรมชาติจะยั่งยืนอยู่ได้จะต้องถูกมนุษย์ใช้อย่างรู้คุณค่าและจำเป็น และถนอมรักษามันไว้เพื่อจะได้มีใช้ต่อไป เพราะหลายสิ่งหลายอย่างใช้แล้วหมดไป หลายสิ่งหลายอย่างสร้างทดแทนได้ แต่กระนั้นโลกธรรมชาติก็จะไม่เหมือนเดิมเสมอไป
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมด้วยว่า การผลิตและการบริโภคของมนุษย์เป็นโทษหรือไม่ อย่างขยะ น้ำเน่า สารพิษ เป็นต้น ถ้ามนุษย์ใช้โลกธรรมชาติอย่างระมัดระวัง ให้มีสภาพสมบูรณ์และสมดุลก็เป็นการถนอมรักษาระบบนิเวศเอาไว้ ผลที่จะตามมาก็คือ มนุษย์จะมีทรัพยากรธรรมชาติใช้ได้อย่างยั่งยืน และไม่ขาดแคลน
ส่วนวิธีบูรณาการก็ต้องใช้ 1 กฎหมาย 2 จริยธรรม 3 นโยบายพรรคการเมือง เข้าช่วย
เรื่องจริยธรรมกับนโยบายการเมืองนั้นผมขอข้ามไป เพราะทุกคนเข้าใจกันดีอยู่แล้ว
ส่วนกฎหมายจะเป็นอย่างไรนั้น คนรุ่นใหม่นิยมชมชอบความคิดของชาวตะวันตก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการเมือง ก็ต้องหาข้อดี - สิ่งดีมาใช้ โดยคำนึงถึงการสร้างดุลยภาพทั้ง 3 ส่วนดังกล่าว
ดุลยภาพทั้ง 3 ส่วนนี้จะเชื่อมโยงสนับสนุนกัน เคลื่อนไปด้วยกัน หล่อเลี้ยงกัน ไม่ให้ขาดพร่องด้านใดด้านหนึ่ง เช่นเดียวกับอวัยวะต่างๆในร่างกายทำงานตามหน้าที่ของมัน ที่ประสานเกื้อและกูลกันด้วย
โลกมาไกล...คือถูกทำลายล้างเกินกว่าจะ “คิดและทำ” กันแต่เรื่องเศรษฐกิจ(ผลประโยชน์) และการเมือง(อำนาจ) อย่างที่เคยทำเลียนแบบกันมาทั่วโลก ทั้งทุนนิยมและสังคมนิยม
เราจำเป็นต้องสร้างวิสัยทัศน์และองค์ความรู้ขึ้นมาใหม่ อะไรที่ดีมีประโยชน์แก่สังคม มีคุณค่าต่อจิตใจก็นำมันมาใช้ ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นขนบธรรมเนียม ประเพณีใด ลัทธิอุดมการณ์ไหน ศาสนาอะไร รวมถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย
“ตัวชี้วัด” ว่าสามารถสร้างสังคมดุลยภาพได้สำเร็จหรือไม่ก็คือ ชีวิต สังคมและโลกธรรมชาติมีสันติสุขหรือไม่
ดังนั้นคำตอบว่าผมอยู่ฝ่ายไหนก็คือ “ผมอยู่ฝ่ายโลกและชีวิต”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี