มีคนที่คิดว่าตนเป็นนักปฏิวัติและก็อยากจะปฏิวัติประเทศของตนอยู่ทั่วโลก ประเทศไทยก็มีเรื่อยมาจนวันนี้ ทั้งหมดเป็นการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครอง บ้างก็อยากปฏิวัติให้เป็นประชาธิปไตย บ้างก็อยากปฏิวัติให้เป็นสังคมนิยม และบ้างก็อยากปฏิวัติให้เป็นเผด็จการ ซึ่งทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเกือบทั่วโลกในศตวรรษก่อน
การปฏิวัติให้เป็นสังคมนิยมนั้นล้มเหลวมาแล้วทุกประเทศ สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนเป็นระบอบทุนนิยมโดยรัฐบ้าง โดยเอกชนบ้าง มีเกาหลีเหนือเท่านั้นที่เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและต่างขั้วกันมากกับอุดมการณ์สังคมนิยม
ประเทศไทยก็มีการปฏิวัติ ตั้งแต่ พศ. 2475 ทำได้สำเร็จในด้านการยึดอำนาจจากกษัตริย์ แต่ล้มเหลวที่จะสร้างสังคมให้เป็นจริงตามที่ป่าวประกาศไว้ เพราะมัวแต่แย่งชิงอำนาจกันเอง ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็ล้มเหลว เพราะปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคเองและนโยบายของรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้ "คนป่าคืนเมือง" จนกระทั่งมีความพยายามอีกครั้งหลังใช้รัฐธรรมนูญ พศ.2540 หรือตั้งแต่ยุคทักษิณกับชาวเสื้อแดงเรืองอำนาจ แต่แพ้ศึก
สงครามไม่ได้มีศึกเดียว สองปีมานี้จึงมีความพยายามที่จะปฏิวัติเปลี่ยนระบอบการปกครองอีกครั้ง แต่ผมไม่เชื่อว่าจะสำเร็จ
เพราะขนาดคุณทักษิณกับชาวเสื้อแดงมีพร้อมทั้งเงิน เครื่องมือและช่องทางการสื่อสาร รวมทั้งกำลังคนที่พวกเขาประกาศว่า “มีแก้ว 3 ประการ คือ 1 ชาวเสื้อแดง 2 พรรคการเมือง 3 กองกำลังติดอาวุธ” ก็ยังเอาชนะรัฐบาลไม่ได้
สมมุติว่าสำชนะ...ผมก็ไม่เชื่อว่าจะเป็น “การปฏิวัติที่แท้” ตามนิยามของคำ และยิ่งห่างไกลจากความมุ่งหวังของคนที่ต้องการปฏิวัติด้วย นั่นคือ “สร้างสังคมที่เป็นธรรม สังคมที่เท่าเทียม หรือแม้จะเพ้อไปถึงสังคมพระศรีอาริย์ด้วยก็ตาม!”
“สงครามไม่เคยสร้างความเป็นธรรม มีแต่ทำลายธรรม” ซึ่งการปฏิวัติทุกครั้งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว โดยเฉพาะการปฏิวัติที่เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสังคมนิยม - คอมมิวนิสต์
โลก..ยังไม่เคยมีการปฏิวัติที่แท้สักครั้ง เพราะถ้ามีการปฏิวัติที่แท้ “คนและสังคมจะเปลี่ยนอย่างมีคุณภาพ” ตามความมุ่งหวังของการปฏิวัติ (สร้างสังคมที่เป็นธรรม สังคมที่เท่าเทียม สังคมพระศรีอาริย์) ด้วยการยินดีพร้อมใจทั้งชนชั้นผู้ปกครองและชนชั้นผู้ถูกปกครอง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การกดขี่ การบังคับ การควบคุม และใช้ความรุนแรงกับผู้ถูกปกครองจนบาดเจ็บล้มตายเกลื่อนแผ่นดิน...กลายเป็น “รัฐข้าราชการ” ขนาดมหึมาและใช้กฎเหล็ก
มันคือการปฏิวัติตรงไหน?
จะสร้างสังคมแห่งความเป็นธรรมและเท่าเทียมได้อย่างไร?
เพราะแม้ในชนชั้นผู้ปกครองก็แย่งชิงอำนาจเข่นฆ่ากันเอง มีให้เห็นทุกประเทศที่มีการปฏิวัติ
ทั้งหมดมันจึงไม่ใช่การปฏิวัติ ไม่ใช่แม้แต่ภาพฝันที่พล่ามกันอยู่เสมอมาจนถึงวันนี้
มันคือ “การปล้นชิงอำนาจ” โดยมีพลเมีองที่เข้าร่วมการปฏิวัติเป็นเครื่องมือ และพลเมืองทั่วไปเป็นเหยื่อ
ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่ว่ายุคไหนก็ไม่แตกต่างกัน
วันนี้เมื่อเห็นพวก “นักอยากปฏิวัติ” กำลังสำแดงเดชกันอีกครั้ง เราจะหวังได้ไหมว่าพวกเขาจะทำได้อย่างที่ป่าวประกาศอยู่ทุกวัน คือ “สร้างสังคมที่เป็นธรรม สังคมที่เท่าเทียม” ไม่ต้องถึงสังคมพระศรีอาริย์หรอก
เพราะแค่คิดต่างพวกเขาก็รุมก่นด่าอย่างถ่อยสถุลแล้ว
เราจะหวังได้ไหมกับพวกนักอยากปฏิวัติที่มีแต่ความป่าเถื่อน แต่ไม่มีสติปัญญา
ชั่วชีวิตของผม...ผมรู้จักนักปฏิวัติเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มุ่งแต่ปฏิวัติคนอื่นให้ได้อย่างใจตน หากแต่ปฏิวัติตนก่อน จากนั้นสังคมก็ปฏิวัติตามอย่างสันติ
นั่นคือ พระพุทธเจ้า
“วิมล ไทรนิ่มนวล”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี