ตอนเปิดตัว “พรรคอนาคตใหม่” คุณธนาธรประกาศอย่างย่ามใจและมั่นใจว่า “พรรคไหนคิดไม่เหมือนเราก็ต้องเป็นศัตรูกับเรา” มันรวมถึงคนทั้งประเทศด้วยที่คิดไม่เหมือนเขาและพรรคอนาคตใหม่ย่อมเป็นศัตรูกับเขา
ผลคือ...เขาได้ศัตรูเพียบนับแต่สิ้นเสียงประกาศ!
ธนาธร(รวมทั้งปิยบุตรและพรรณิการ์) คิดอะไร?
เขาคิดจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือ The Portrait และต่อมาก็ประกาศแก่สื่อมวลชนว่าจะ “สืบทอดภารกิจ 2475” ของคณะราษฎร
ภารกิจ 2475 ของคณะราษฎรนั้นไม่ใช่อะไรอื่น หากแต่คือการกำจัดกษัตริย์และสถาบันกษัตริย์ออกจากประเทศไทย (ซึ่งคณะราษฎรไปไม่รอด จึงนำกษัตริย์กลับมา) เมื่อไม่มีกษัตริย์และสถาบันกษัตริย์ ประเทศไทยก็จะเป็น “ระบอบสาธารณรัฐ”
ธนาธรนั้น “สมาทาน” เอาลัทธิมาร์กซ์ไว้เป็นสรณะของตนนับตั้งแต่เป็นนักศึกษา แม้ว่าครอบครัวของเขาจะเป็นนายทุนใหญ่ระดับต้นๆของประเทศไทยก็ตาม ประเด็นนี้ดูเหมือนมันขัดแย้งกับลัทธิมาร์กซ์ที่เขารับไว้เป็นสรณะ เพราะลัทธินี้ไม่ต้องการนายทุน แต่มุ่งมั่นจะกำจัดนายทุนให้เหลือเพียงชนชั้นกรรมาชีพเท่านั้น แต่ก็มีคนแก้ตัวให้เขาว่า ฟิเดล คาสโตก็มีครอบครัวเป็นนายทุน เป็นเจ้าของไร่นับพันเอเคอร์ เมื่อเขายึดครองอำนาจของประเทศได้ เขาก็ยึดเอาทรัพย์สมบัติของครอบครัวเป็นของรัฐรายแรก!
พวกมาร์กซิสต์ทั้งเก่าและใหม่ที่เชียร์ธนาธรก็คงคิดว่าเขาจะเป็นเช่นนั้น?
แต่สำหรับผม...เขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างฟิเดล คาสโตร หรือตามคำสอนของลัทธิมาร์กซ์ก็ได้ เพราะเมื่อยึดอำนาจประเทศได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ระบอบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ ใช้แค่ระบอบสาธารณรัฐก็พอ ทรัพย์สินของครอบครัวก็ไม่ต้องถูกยึดเข้ารัฐ เพราะระบอบสาธารณรัฐก็คือระบอบทุนนิยมหรือตลาดเสรี อย่างในปัจจุบันนี้ เพียงแต่ไม่มีกษัตริย์เป็นประมุขที่สืบทอดกันมาตามจารีตประเพณี แต่เป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง
ทำไมธนาธร(รวมทั้งปิยบุตรและพรรณิการ์) จึงกล้าประกาศเป็นศัตรูกับคนที่คิดต่างทั้งแผ่นดิน?
ประการแรก...ลัทธิมาร์กซ์มันฝังหัวเขา ประกอบกับเป็นคนหนุ่มที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบคุณหนู อยากทำอะไร - อยากได้อะไรก็จะเอาให้ดังใจและทันใจ ยิ่งมีพวกคอมมิวนิสต์ทั้งเก่า - ใหม่ส่งเสริมสนับสนุน รวมทั้งเป็นกุนซือให้ด้วย เขาก็ยิ่งย่ามและมั่นใจ
ประการที่สอง...เขาคิดว่ามีคนจำนวนมหาศาลที่คิดอย่างเขา โดยดูจากจำนวนคนเสื้อแดงในยุคทักษิณเรืองอำนาจ (เขาร่วมลงถนนต่อสู้กับอำนาจรัฐด้วย) เขาเชื่อว่าจำนวนคนเสื้อแดงยังคงอยู่เท่าเดิมหรืออาจจะมากขึ้น เพราะไม่พอใจการปกครองของพวกทหาร (คสช.) และวันเวลาที่ผ่านไปนับสิบปีก็ยิ่งมีคนรุ่นใหม่ๆที่ถูกปลูกฝังอย่างเขาจากสถาบันการศึกษามากขึ้นทุกปี รวมทั้งคนทั่วไปที่เบื่อนักการเมืองหน้าเดิมที่ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรจริงจัง
เขาสร้างนโยบายที่แตกต่างจากพรรคอื่น และกล้าชนกับพรรคทหาร! จากนั้นก็ “ทำการตลาด” ให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย คือคนหนุ่มสาว
เขาปั่นกระแสแบ่งแยก “คนรุ่นเก่า - คนรุ่นใหม่” “พวกก้าวหน้า - พวกล้าหลัง” “ฝ่ายประชาธิปไตย - ฝ่ายเผด็จการ” จนกลายเป็นความแตกแยกร้าวลึก ไม่เพียงแต่เรื่อง “ความเชื่อต่อลัทธิอุดมการณ์” เท่านั้น แต่ยังแตกแยกไปถึงหน่วยงาน - สถาบันต่างๆ จนถึงระดับครอบครัว!
บางคนเขียนโปสเตอร์ในเฟซบุ๊คว่า จะไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ จะให้อดตาย เพราะไม่คิดอย่างเขา เป็นพวกสลิ่ม
บางคนประกาศว่า “ฆ่าสลิ่มไม่บาป!”
(อย่างเดียวกับกิตติวุฒิโฑเคยบอกในยุค 6 ตค. 19 ว่า ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป (เพราะฆ่าลัทธิ แต่คนฆ่ากันจริง)
ชนชั้นสูงบางคนก็เข้าสนับสนุนเขาด้วย!
ประการที่สาม...ครอบครัวเขาเป็นมหาเศรษฐี จึงมีเงินทุนต่อสู้ทางการเมืองได้ยาวนาน
เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคอนาคตใหม่ได้ สส. มากเป็นอันดับ3 ด้วยคะแนนเสียง 6 ล้านกว่า ยิ่งทำให้เขาจึงมั่นใจมากขึ้น มุ่งแต่จะตลุยไปข้างหน้าจนสะดุดขาตัวเองหลายครั้ง
สุดท้ายก็ล้มด้วยเรื่องเงินกู้ - เงินบริจาคที่เขาให้แก่พรรคอนาคตใหม่
พรรคถูกยุบ กรรมการบริหารพรรคหมดสิทธิ์เล่นการเมือง 10 ปี และยังจะมีคดีอาญาตามมาอีก!
สส.ในพรรคก็แตก...ไปอยู่กับฝ่ายรัฐบาลหลายคน เขา ปิยบุตร และพรรณิการ์แทบกระอักเลือดด้วยความโกรธแค้นที่ถูกทรยศ
ฝ่ายเดียวกันยังคงเชียร์พวกเขาต่อไปและก่นด่าศาลรัฐธรรมนูญ ด่ารัฐธรรมนูญ ด่ารัฐบาล ว่าไม่ยุติธรรม และพาลแขวะไปถึงบุคคลที่เขาเรียกว่า “ผู้กำกับภาพยนตร์”!
แต่เสียงก่นด่าพวกเขา สมน้ำหน้าพวกเขา เยาะเย้ยแดกดัน แช่งด่าพวกเขาดังกระหึ่มมากกว่าพวกเชียร์เขามากมายเท่านัก
นั่นเพราะอะไร?
เพราะพวกเขาได้แบ่งฝ่ายไว้เอง ทำให้สังคมแตกแยกไว้เอง และเหยียบย่ำหัวใจคนค่อนประเทศที่รักกษัตริย์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำไว้ ล้วนกลับมาทำร้ายและทำลายพวกเขาเอง
ทำอะไรไว้ก็ได้รับผลอย่างนั้น!
ผลจาก “ไม่ต้องการอยู่ร่วมกับคนที่คิดต่าง”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี