วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ออนไลน์ / แก้ผ้าลุงแซม
แก้ผ้าลุงแซม

แก้ผ้าลุงแซม

โดย...เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้
วันอังคาร ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560, 02.00 น.
กฎหมายจิมโครว์..โชว์ความคับแคบแห่งจิตใจ

ดูทั้งหมด

  •  

ช่วงนี้ถือเป็นช่วงเทศกาลงานฉลองและการซื้อของขวัญเพื่อมอบให้กันในวันคริสต์มาส การเมืองฝั่งอเมริกาเลยค่อนข้างเงียบเหงา เพราะมะริกันต่างวุ่นกับการจับจ่ายใช้สอยช้อปสินค้าลดราคาในวันแบล็คฟรายเดย์ ข่าวที่ออกมาจากสำนักข่าวต่างๆ จึงไม่มากเหมือนช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น


ช่วงใกล้สิ้นเดือนพฤศจิกายนเข้ารอบต่อเดือนสุดท้ายของปีแบบนี้ อดคิดถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เหตุการณ์หนึ่งไม่ได้  ใครจะคิดว่าการลุกขึ้นยืนนำไปสู่การเดินขบวนเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์อเมริกาและสืบสาวไปถึงต้นตอกฎหมายอันไม่เป็นธรรม

วันนั้นเป็นวันที่ 1 ธันวาคม คศ.1955 โรซ่า พาร์กส์ สตรีผิวดำวัยสี่สิบสอง ถูกตำรวจจับขังด้วยเหตุที่ไม่ลุกจากเก้าอี้ในรถเมล์ให้แก่ชายผิวขาวคนหนึ่งนั่ง..!!

โรซ่า พาร์กส์เป็นหญิงผิวดำวัย 42 ปี หลังเลิกงานก็เดินมาขึ้นรถประจำทางสายถนนครีฟแลนด์ (Cliveland Avenue) หมายเลข 2857 ของรัฐอลาบามาเพื่อที่จะกลับบ้าน  เธอได้ที่นั่งและทรุดตัวลงอย่างอ่อนล้า จากนั้นชายผิวขาวคนหนึ่งขึ้นมาบนรถโดยสาร แต่ปรากฏว่าวันนั้นที่นั่งในฝั่งคนผิวขาวเต็มหมดทุกที่นั่ง ตามกฎหมายของรัฐ คนผิวดำจะต้องลุกขึ้นให้คนผิวขาวนั่ง คนขับรถจึงเอ่ยปากให้เธอสละที่นั่งให้คนผิวขาว แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะทำตาม

เพียงคำปฎิเสธที่จะลุกให้คนผิวขาวนั่ง ได้สั่นสะเทือนสิทธิพลเมืองของอเมริกาอย่างถึงรากถึงโคน คนขับจึงหันมาใช้วิธีข่มขู่เพื่อให้เธอลุกขึ้นให้คนผิวขาวนั่ง แต่เธอยังคงปฎิเสธ คนขับจึงสำทับว่า

“ถ้าไม่ลุก จะเรียกตำรวจมาจับ"

"คุณจะทำอย่างนั้นก็ได้"

โรซ่า พาร์กส์ตอบกลับอย่างสงบ หลังจากนั้นโรซ่า พาร์กส์ก็ถูกตำรวจจับก่อนจะได้รับการประกันตัวออกมา โดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัว 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงมากในยุคนั้น หลังจากได้รับการประกันตัว โรซ่าตัดสินใจทำใบปลิว 35,000 ใบกระจายไปทั่วเมือง โดยในใบปลิวมีใจความว่า

“คนผิวดำทุกคนจะไม่ขึ้นรถเมล์ทุก ๆ คันในวันจันทร์ที่จะถึง แต่จะเดินแทนการนั่งรถประจำทาง”

เมื่อถึงเช้าวันจันทร์ ไม่มีคนผิวดำคนไหนขึ้นรถเมล์เลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนพร้อมใจกันเดินไปทำงานแม้ว่าสายฝนจะกระหน่ำลงมาตลอดทั้งวัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมกันที่เรียกว่า Montgomery Bus Boycott

ผลที่ตามมาคือการเรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียมของคนผิวดำจนนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายในที่สุด  แต่ที่อยากเล่าสู่กันฟังในวันนี้คือ เรื่องของกฎหมายอันไม่เป็นธรรมที่กดสิทธิและความเป็นอยู่คนผิวดำให้ต่ำกว่าคนผิวขาวที่เรียกว่า “กฎหมายจิมโครว์”

ความเป็นมาของกฎหมายอันแสนอยุติธรรมนี้ย้อนกลับไปถึงช่วงหลังสงครามกลางเมืองเลยทีเดียว หลังสงครามกลางเมือง  รัฐบาลกลางพยายามฟื้นฟูประเทศโดยนำรัฐทางใต้ผนวกเข้าเป็นสหรัฐอเมริกาอีกครั้งด้วยความมุ่งหวังให้กลมเกลียว มีการออกกฎหมายเพื่อให้สิทธิเสรีภาพแก่ทาสผิวดำในฐานะพลเมืองอเมริกันให้เท่าเทียมกับคนผิวขาวด้วย

แต่รัฐทางใต้นั้นใช้กฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งเป็นกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของทาสผิวดำ กฎหมายฉบับนี้เรียกว่ากฎหมายคนผิวดำ (Black Codes) การที่รัฐทางใต้ยังมีกฎหมายที่กดขี่คนผิวดำทำให้สมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นเสียงข้างมากในสภาคองเกรสไม่พอใจ  จึงปฏิเสธไม่ยอมให้ผู้แทนจากรัฐใต้กลับเข้าร่วมสภาคองเกรส

จากสถิติในปี ค.ศ.1860 คนผิวขาวทั้งหมดในรัฐที่มีทาสทางใต้มีประมาณแปดล้านคน และมีทาสผิวดำถึงสี่ล้านคน  สำหรับเจ้าของที่ดินและนายทาสแล้ว ทาสถือเป็นทรัพย์สมบัติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่มนุษย์ นายทาสสามารถกระทำการใดๆ กับทาสของตนได้ทั้งสิ้นโดยไม่ผิดกฎหมาย เพราะทาสมีฐานะเป็นเพียงทรัพย์สมบัติของนายทาสเท่านั้น โดยห้ามพวกทาสเรียนหนังสือและเมื่อแต่งงานก็ไม่มีการรับรองทางกฎหมายใดๆ อีกทั้งห้ามคนผิวขาวแต่งงานกับคนผิวดำด้วย

ในสมัยนั้นชาวอเมริกันในรัฐทางใต้มองว่าการค้าทาสเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากเป็นยุคแผ่ขยายอาณานิคม ทาสจึงเป็นแรงงานสำคัญในการสร้างผลผลิต จึงไม่ได้ถูกมองอย่างให้ค่าในฐานะ “มนุษย์”  หากแต่เป็นสิ่งของที่สามารถซื้อขายหรือยกให้ใครก็ได้ ทาสจึงถูกกดขี่จากเจ้าของไร่อย่างทารุณ

ความคิดเช่นนี้คือจุดเริ่มต้นของการเหยียดผิว โดยมองคนที่มีสีผิวต่างจากตนเองเป็นพวกที่ต่ำกว่า หากเจ้าของไร่ไม่พอใจทาสคนใดมักลงโทษทาสคนนั้นอย่างทรมานจนตาย ส่วนทาสที่เป็นผู้หญิงก็ถูกข่มขืน และเป็นเรื่องที่ไม่มีใครมองว่าคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด ทั้งๆที่การค้าทาสเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างน่าเศร้าที่สุด

สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายออกมาเป็นบทบัญญัติรัฐธรรมนูณข้อที่ 14 (Fourteenth Amendment) ในค.ศ. 1868 ใจความสำคัญคือการให้สิทธิเสรีภาพแก่ชาวผิวดำเป็นพลเมืองอเมริกัน  และบังคับให้รัฐทางใต้ยอมรับบทบัญญัติข้อนี้เข้าไปในธรรมนูญไม่เช่นนั้นจะไม่รับกลับเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับสหรัฐอเมริกา

ผลของการให้สิทธิเสรีภาพแก่คนผิวดำมีสิทธิเท่าเทียมคนผิวขาวสร้างความไม่พอใจอย่างใหญ่หลวงแก่ชาวอเมริกันในรัฐทางใต้                 เมื่อมีการเลือกตั้งในปี ค.ศ.1877 เกิดความคลุมเครือในผลการเลือกตั้งจึงทำให้พรรคใหญ่สองพรรคคือรีพับลิกันและเดโมแครตหันมาจับมือกันโดยทางพรรคเดโมแครตยอมให้รัทเทอร์ฟอร์ด บี. เฮส์จากพรรครีพับลิกันเป็นประธานาธิบดี  เพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อตกลงว่ารัฐบาลกลางจะต้องถอนกองกำลังทหารทั้งหมดออกจากรัฐทุกรัฐในภาคใต้ 

ผลของการยื่นหมูยื่นแมวในครั้งนั้นทำให้พรรคเดโมแครตมีอำนาจอีกครั้งในรัฐภาคใต้ และออกกฎหมายกีดกันริดรอนสิทธิเสรีภาพของคนผิวดำอีกครั้งในชื่อกฎหมายจิมโครว์ (Jim Crow Laws) โดยมีการแบ่งแยกคนผิวขาวและคนผิวดำอย่างชัดเจนในเรื่องการใช้บริการสาธารณะและสาธารณูปโภค เช่น การโดยสารรถประจำทาง คนผิวดำจะต้องไปนั่งข้างหลัง ส่วนคนผิวขาวได้นั่งข้างหน้า หากคนผิวดำได้ที่นั่งแล้วคนผิวขาวขึ้นมาบนรถโดยสาร คนผิวดำจะต้องลุกให้คนผิวขาวนั่ง หรือการใช้ห้องน้ำสาธารณะก็ห้ามใช้ปะปนกัน ก๊อกน้ำดื่มสาธารณะก็แยกออกจากกันโดยชัดเจน แม้แต่ประตูทางเข้า-ออกของอาคารแต่ละแห่ง  

นอกจากนี้ยังมีการออกกฎหมายแบ่งแยกโรงเรียนระหว่างเด็กผิวขาวและผิวดำอีกด้วย  ที่สำคัญคือห้ามแต่งงานข้ามสีผิวอย่างเด็ดขาด  ทั้งหมดนี้ภายใต้นโยบาย "แบ่งแยกอย่างเท่าเทียม" ("Seperate but equal") ส่งผลให้คนผิวดำในรัฐทางตอนใต้กลายเป็นพลเมืองชั้นสอง มีคุณภาพชีวิตด้อยกว่าคนผิวขาวและไม่ได้รับความเสมอภาคทางกฎหมาย

การที่โรซ่า พาร์กส์ ไม่ยอมลุกให้คนผิวขาวนั่ง ถือว่าทำผิดกฎหมายจิมโครว์ จึงต้องถูกจับไปดำเนินคดี และนำไปสู่การเดินขบวนเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของคนผิวดำในเวลาต่อมา บางทีเมื่อมองย้อนประวัติศาสตร์แล้วอดเศร้าใจไม่ได้ เพราะเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์แทบทุกชาติ ทำให้ตระหนักว่าความเสมอภาคและความเท่าเทียมไม่เคยมีอยู่อย่างแท้จริง แม้ในประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าเปี่ยมไปด้วยสิทธิและเสรีภาพอย่างอเมริกา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
08:06 น. ‘รมว.นฤมล’เรียกถกผู้บริหารศธ. ยึด 3 กรอบปฏิบัติ เคลียร์ดราม่าคำสั่งโรงเรียนงดจัดงาน 1 ปี
08:00 น. กพช.เคาะกรอบเบื้องต้น เดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน
07:45 น. ‘หมอวีระพันธ์’วอนอย่าสาดโคลนปม‘บัตรทอง’ ลั่นไม่มีใครจ้องล้มระบบหลักประกันสุขภาพ
07:44 น. ธพว.คาดปี68ปล่อยสินเชื่อ7.5หมื่นล.วาง3มาตรการช่วยเหลือSMEกลุ่มเปราะบาง
07:31 น. ส่งออกขยายตัว19% ทำสถิติสูงสุดในรอบ42เดือน
ดูทั้งหมด
เข้าใจยากตรงไหน? 'โดม'โพสต์สั้นๆง่ายๆ หลังคนงงเรื่องการจัดงานรื่นเริง
'ต๊ะ นารากร'เปิดผนึกถึง'หนุ่ม กรรชัย'ขยี้ปมเงินบริจาค ยก'องค์กรทำดี'จัดตั้งโปร่งใส
รู้จัก'อีฟ กาญจนา' ประธานมูลนิธิ เคียงข้าง'กัน จอมพลัง'ที่เจ้าตัวไว้วางใจที่สุด!
สื่อทั่วโลกรายงานข่าว 'สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง' สวรรคต
ทุบเปรี้ยง! ‘ก.ร.ตร.’มีมติ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์’กับพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนัน
ดูทั้งหมด
คิดถึงรีดเดอร์ส ไดเจสท์
MOU-แร่หายาก‘อนุทิน’ชักศึกเข้าบ้าน
แผ่นดินของเรา
ขอมยอมถอย(1)?
มะเร็งร้าย กัดกินระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปลวไฟแห่งศรัทธา! อ๊ามจุ๊ยตุ่ยเต้าโบ้เก้งจัดพิธีลุยไฟ สะท้อนความเชื่อกินเจภูเก็ต

เผยอาถรรพ์ขนลุกซู่! เหตุเรือจมสังเวย2ชีวิต เชื่อทำผิดผีแม่ย่านาง

เช็กที่นี่! กรมอุตุฯประกาศ‘ฉบับ 2’เตือน‘อากาศแปรปรวน’ ฝนตกเพิ่มขึ้น 29 ต.ค.-2 พ.ย.

TMAC ลุยกวาดล้างทุ่นระเบิดบ้านหนองจาน 11,360 ตรม.-อ.พนมดงรัก 355,026 ตร.ม.

หนุ่มใหญ่ชาวตรัง! สะสมภาพ'พระพันปีหลวง' นาน 30 ปี ตั้งใจพาครอบครัวไปกราบพระบรมศพ

ทร.ยินดี'ไทย-กัมพูชา'ใช้กลไกการทูต แต่ความขัดแย้งชายแดน ยังคงอยู่ จำเป็นต้องดำรงความพร้อมรบ

  • Breaking News
  • ‘รมว.นฤมล’เรียกถกผู้บริหารศธ. ยึด 3 กรอบปฏิบัติ เคลียร์ดราม่าคำสั่งโรงเรียนงดจัดงาน 1 ปี ‘รมว.นฤมล’เรียกถกผู้บริหารศธ. ยึด 3 กรอบปฏิบัติ เคลียร์ดราม่าคำสั่งโรงเรียนงดจัดงาน 1 ปี
  • กพช.เคาะกรอบเบื้องต้น เดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน กพช.เคาะกรอบเบื้องต้น เดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน
  • ‘หมอวีระพันธ์’วอนอย่าสาดโคลนปม‘บัตรทอง’ ลั่นไม่มีใครจ้องล้มระบบหลักประกันสุขภาพ ‘หมอวีระพันธ์’วอนอย่าสาดโคลนปม‘บัตรทอง’ ลั่นไม่มีใครจ้องล้มระบบหลักประกันสุขภาพ
  • ธพว.คาดปี68ปล่อยสินเชื่อ7.5หมื่นล.วาง3มาตรการช่วยเหลือSMEกลุ่มเปราะบาง ธพว.คาดปี68ปล่อยสินเชื่อ7.5หมื่นล.วาง3มาตรการช่วยเหลือSMEกลุ่มเปราะบาง
  • ส่งออกขยายตัว19% ทำสถิติสูงสุดในรอบ42เดือน ส่งออกขยายตัว19% ทำสถิติสูงสุดในรอบ42เดือน
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

คิดถึงรีดเดอร์ส ไดเจสท์

คิดถึงรีดเดอร์ส ไดเจสท์

28 ต.ค. 2568

มินิทแมน

มินิทแมน

21 ต.ค. 2568

สุดเฮี้ยนแห่งอเมริกา

สุดเฮี้ยนแห่งอเมริกา

13 ต.ค. 2568

ดื่มด่ำยามเช้าแบบชาวอเมริกัน

ดื่มด่ำยามเช้าแบบชาวอเมริกัน

7 ต.ค. 2568

แต่งงานอย่างอเมริกัน

แต่งงานอย่างอเมริกัน

30 ก.ย. 2568

Bobby Mackey..ชื่อนี้ประกันความหลอน

Bobby Mackey..ชื่อนี้ประกันความหลอน

23 ก.ย. 2568

ในความต่างระหว่างสีผิว

ในความต่างระหว่างสีผิว

16 ก.ย. 2568

แหล่งเรียนรู้อันไม่รู้จบ

แหล่งเรียนรู้อันไม่รู้จบ

9 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved