ชัดเจนมากขึ้นว่า ปลายปี 61 ไม่มีการเลือกตั้งตามโรดแมปแล้ว หลังจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ผ่านร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ยืดออกไปอีก 90 วัน นั่นคือการเลือกตั้ง จะมีขึ้นประมาณต้นปี 62 หรือประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 62
เหมือนระเบิดลงใจกลาง คสช.สารพัดขบวนการ-หลากหลายกลุ่ม ดาหน้าออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ คสช.คืนอำนาจให้ประชาชน นำโดยกลุ่มของระบอบทักษิณ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม และจ่านิว เจ้าเก่าออกมาปฏิบัติการโดยฉับพลันทันที
และยิ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มีโอกาสได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนต่อไป ได้ออกมาย้ำอีกว่า กพ. 62 อาจไม่มีการเลือกตั้ง ก็ยิ่งทำให้อุณหภูมิการเมือง ความขัดแย้งของกลุ่มอำนาจเก่าระบอบทักษิณ กับ คสช.รัอนแรงยิ่งขึ้น เพราะไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ระบอบทักษิณจะได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง หลังถูก คสช.ปฏิวัติรัฐประหาร มาเกือบสี่ปี คสช.เข้าบริหารประเทศ ไม่ยอมคืนอำนาจกลับมาให้ประชาชนเสียที
คุณหญิงสุดารัตน์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาโจมตี รัฐบาลและ คสช. อย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมอีกต่อไปว่า ตอนนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล สาเหตุมาจากกระบวนการตรวจสอบทุจริตของรัฐบาล ไม่มีมาตรฐาน
“การทำงานของรัฐบาลและ คสช.ที่ไม่เป็นไปตามสัญญา และความคาดหวังของประชาชน โดยเฉพาะการสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งยังไม่ปรากฎให้เห็น ขณะที่การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นก็ไม่มีความชัดเจน แม้แต่การเลือกตั้ง ที่เคยให้คำมั่นสัญญามาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ประกาศไว้ การพูดอย่าง ทำอย่างของรัฐบาล ทำให้ประชาชนรู้สึกอึดอัด…....เกณฑ์มาตรฐานตรวจสอบการทุจริตก็แย่ลง ความน่าเชื่อถือล่มสลาย รัฐบาลไม่ได้เคารพรัฐธรรมนูญที่ตัวเองทำ กลับทำสวนทาง โดยเฉพาะการต่ออายุให้ ปปช....”
“ในเรื่องการเลือกตั้งนั้น ดิฉันไม่เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะอยู่ในความมุ่งหมายที่ คสช.พยายามจะอยู่ในอำนาจต่อไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีการเลื่อนการเลือกตั้ง บอกว่ากุมภา 62 ก็อย่าไปคิดว่า จะได้เลือกกุมภา 62 อาจจะมีเหตุการณ์ มีเหตุปัจจัย ทางกฎหมาย ที่ทำให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นไม่ได้ เสมือนเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ก็มองเห็นร่องรอยของการดำรงความมุ่งหมายอยู่ ตั้งแต่การยึดอำนาจเข้ามา แก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้อยู่ในอำนาจได้ยาวนานที่สุด...”
นานๆ ที คุณหญิงสุดารัตน์ จะออกมาถล่ม คสช.แบบนี้ เหมือนฟิวส์ขาด เลยกลายเป็นพาดหัวหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ สร้างสีสันการเมืองให้ร้อนแรง
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ต่างก็ออกมารุมถล่ม คสช.และรัฐบาลอย่างไม่ยั้ง ...นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลฯ โจมตีนโยบายไทยนิยมของรัฐบาล “รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ หมดฝีมือแล้ว เพราะประชาชนคันหลัง แต่ไปเกาข้างหน้า เกือบสี่ปี พี่น้องประชาชน ยังลืมตาอ้าปากไม่ได้ .. อยากบอกว่า รัฐบาลชุดนี้จะใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ ก็ไม่มีผลต่อคะแนนเลือกตั้ง เพราะประชาชนได้ตัดสินใจหมดแล้ว ว่าจะเลือกใคร โดยรอโอกาสให้ได้กาบัตรเลือกตั้งเท่านั้น ..
เป็นที่น่าสังเกตว่า นี่คือ สัญญาณไฟเขียวจากนายใหญ่ที่อยู่นอกประเทศหรือไม่? จึงกล้าออกมาชนกับ คสช.และรัฐบาลอย่างไม่ยำเกรงต่อกฎหมายอีกต่อไป
การเมืองร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกลุ่มต่างๆ ทั้งที่เคยเป็นกองหนุน “บิ๊กตู่” กลุ่มกลางๆที่รักความถูกต้อง และกลุ่มที่เคลื่อนไหวของระบอบทักษิณต่างไม่พอใจผลงานรัฐบาล โดยใช้ประเด็นเลื่อนเลือกตั้ง และนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โหมกระหน่ำโจมตี โดยใช้กระแสจากโซเชียล มีเดียเรียกร้องให้ “บิ๊กป้อม”ลาออกไป
กระแสกดดันหนักจน “ บิ๊กป้อม” ต้องออกมาประกาศ ต่อหน้าสื่อว่า “หากประชาชนไม่ต้องการให้อยู่ ก็จะออก..” ยิ่งเป็นประเด็นให้สังคมกระหน่ำ ไล่ตะเพิด ...มีการเข้าชื่อให้ บิ๊กป้อม ลาออก โดยนางทิชา ณ นคร อดีต สปช.
“บิ๊กป้อม” บอกรับราชการมา 50 ปี ไม่เคยเจอมรสุมทางการเมืองรุนแรงขนาดนี้ เพราะตลอดชีวิตที่รับราชการทหารมา ก็เพื่อเข้ามาช่วยบ้านเมือง ...
กว่าสองเดือน เรื่องนาฬิกาหรูบิ๊กป้อม ทำให้รัฐบาล และ คสช. ไม่เป็นอันเดินหน้าทำงาน ยิ่งข้ออ้าง ที่บอกว่ายืมเพื่อนมา และได้คืนเพื่อนหมดแล้วกว่า 10 เรือน รวมทั้งแหวนเพชรที่บอกว่า แม่ให้มา เป็นคำแก้ตัวที่ไร้น้ำหนัก ไม่มีใครเชื่อ ส่งผลต่อความเชื่อถือ คสช.ทำให้รัฐบาลเสียศูนย์พอสมควร
กลายเป็นเรื่องบานปลายอีก เมื่อ “นิด้าโพล” ไปสำรวจเรื่องนี้ และอธิการบดีสั่งห้ามเผยแพร่ผลสำรวจ จนผู้ทำโพลต้องประกาศลาออก เพราะถือเป็นการแทรกแซงและปิดกั้นเสรีภาพทางวิชาการ
ความร้อนแรงของนาฬิกาบิ๊กป้อม ลามไปจนถึงขบวนล้อการเมือง บอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ ที่ปรกติผู้คนไม่ค่อยสนใจมากนัก กลับมาถูกจับจ้องของสื่อ เป็นประเด็นพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับได้อีกครั้ง
ร้อนแรงไปทุกจุดในโซเชียลมีเดีย มีทั้งกลุ่ม ขับไล่บิ๊กป้อม และกลุ่ม หนุนบิ๊กป้อม วัดกำลังกันว่าใครมีมากกว่ากัน
มีการทำโพล เรื่องการเลื่อนเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ หวั่นเกิดเหตุรุนแรงบานปลาย โดยสำนักวิจัยซุปเปอร์โพล พบประชาชนร้อยละ 58.9 กังวลความขัดแย้งเรื่องเลือกตั้ง เพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น หวั่นมือที่สามแฝงตัวสร้างสถานการณ์ ก่อเหตุรุนแรงบานปลาย บ้านเมืองหยุดชะงัก ผู้ไม่หวังดี ทั้งในและต่างประเทศ บ่อนทำลายความสงบชาติ กระทบเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ให้ทรุดลงไปอีก
สวนดุสิตโพล ก็สำรวจความเคลื่อนไหวทางการเมือง ในช่วงนี้ เช่นกัน ในเรื่องการเลื่อนเลือกตั้งพบประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดถึง 84 % เพราะมีผลต่อการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่
ทันทีที่มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ผู้ช่วยทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ก็ออกมาสำทับอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ตามโรดแมปที่รัฐบาลประกาศ ส่งรับลูกกันเป็นทอดๆ
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ก็ออกมาแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ขาลงของรัฐบาลในขณะนี้ว่า หากรัฐบาลไม่สามารถหยุดกระแสนี้ได้ เชื่อว่าจะส่งผลต่อการจัดตั้งพรรคทหาร หรือพรรคที่เชียร์ทหาร หรือดับฝันนายกฯคนนอก หลังเลือกตั้งครั้งหน้าได้
“การกอบกู้ศรัทธาจากประชาชนในสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ลำพังจะเดินหน้ามาตรการไทยนิยมเต็มสูบ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธาอย่างเดียวก็พอทำได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ง่าย เพราะแม้หลายเรื่องที่เป็นมาตรการดีๆ ของรัฐบาลที่ทยอยออกมาถี่ๆ ดูเหมือนจะถูกข่าวนาฬิกาหรูบิ๊กป้อมบดบังไปเสียหมด .....
....การปลุกม็อบเชียร์ หรือการออกมาตอบโต้จะไม่ช่วยให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติ แต่กลับจะสร้างปัญหาต่อเนื่อง และมีปัญหาใหม่ตามมา อย่าลืมว่าบทเรียนของรัฐบาลทุกรัฐบาลในช่วงขาลง มักเลือกใช้การจัดตั้งกองเชียร์ออกมาเคลื่อนไหว แต่สุดท้ายก็ไปต่อไม่ได้ เพราะความจริงก็คือความจริง
มีเสียงเรียกร้องจากนักวิชาการให้รัฐบาลรีบหันมาปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง จะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในเวลานี้
“การจัดการปัญหาภายในรัฐบาล ยังเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ขณะเดียวกันสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่าคือ การดึงไม่ให้คนที่เคยเป็นกองหนุน กลายเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ฉะนั้นการปฏิรูปประเทศแบบปฏิรูป 360 องศา ลงมือปฏิรูปในสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง หรือกระทั่งบางคนอาจหมดหวังไปแล้ว ลงมือปฏิรูปในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังทันที และทันตาเห็น เพื่อดึงมวลชนที่เคยคาดหวัง ให้กลับมาเป็นรูปธรรม โดยรัฐบาลอาจเลือกทำใน 3-4 เรื่องใหญ่ๆ เพราะรัฐบาลยังมีอำนาจเต็มในมือ สามารถทำได้เลย.. มีข้อเสนอดีๆ พิมพ์เขียวปฏิรูปที่สำคัญน่าสนใจ ซึ่ง สปช.และ สปท.ศึกษาค้นคว้าไว้แทบจะครอบคลุมทุกเรื่อง และส่งมอบให้รัฐบาลไปแล้ว “
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ฉวยจังหวะที่รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ ในช่วงขาลง ออกมาปลุกมวลชนพวกตัวเองออกมาขับไล่ คสช.และรัฐบาล
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ได้นัดชุมนุมวันที่ 10 กพ. รวมทั้งแกนนำคนเสื้อแดงในต่างประเทศก็ออกมาเรียกร้องให้เสื้อแดงในไทย ร่วมกันออกมารวมพลัง .... โดยนายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ ที่หลบหนีคดีไปต่างประเทศ ได้ออกมาปลุกระดมคนเสื้อแดงในประเทศไทย และกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารผ่านรายการทางยูทูป เมื่อวันที่ 31 มกราคม ให้ร่วมกันออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาล ...ใช้คำพูดที่รุนแรงเผ็ดร้อน ร่วมกันกับนายสุนัย จุลพงศธร อดีตสส. พรรคเพื่อไทย ที่หนีคดีไปต่างประเทศ โดยหวังว่า เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ จะหวลคืนกลับมา... ทั้งเฟซบุ๊ค Red USA. ในยูเอสเอ The Voice International ออกแถลงการณ์ นัดวันเสาร์ที่ 10 กพ.เชิญคนไทยในประเทศไทยพบกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อขับไล่รัฐบาล และ คสช...”
แต่ดูท่ากระแสต้านน่าจะไร้ผล เพราะล่าสุด บิ๊กป้อมยืนยันจะอยู่ ทำงานต่อไป โฆษกกระทรวงกลาโหม พล.ท. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ได้ออกมาประกาศ “ ขอยืนยัน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยังมีกำลังใจ และสุขภาพแข็งแรงดี มีจิตใจเข้มแข็ง หนักแน่นและมั่นคง ที่จะทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ เป็นแกนหลักในการดูแลความมั่นคงของประเทศ และรักษาความปลอดภัยของสังคมต่อไป ...”
ตอกย้ำด้วยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ล่าสุด ว่า “อย่ารักผมคนเดียว รักรองนายกรัฐมนตรี รักรัฐมนตรีด้วย วันนี้มาทั้งครม. ประยุทธ์คนเดียวอยู่ไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ใครต้องออกไปออกมา มันวุ่นกันไปทั้งหมด ต้องอยู่ด้วยกันวันนี้ เพราะเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่น หากมีอะไรบกพร่องไป
ต้องขอโทษด้วย ไม่มีเจตนาเพื่ออะไรทั้งสิ้น อย่าบอกว่าสืบทอดอำนาจ เพราะอำนาจอยู่ที่ประชาชนไปเลือกเอาเอง ...”
การโหมกระแสจัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลจากกลุ่มอำนาจเก่าทั้งจากนอกและในประเทศน่าจะจุดไม่ติด ความคาดหวังว่าฝ่ายต่อต้าน-ฝ่ายหนุนทักษิณจะรวมตัวกันได้ น่าจะเป็นฝันค้าง ถือเป็นความโชคดีของรัฐบาลบิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ที่ประชาชนสามารถจำแนกแยกแยะออก น้ำกับน้ำมันยากที่จะผสานรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกันได้ แต่ก็ต้องย้ำเตือนว่า เวลาบริหารของรัฐบาลคสช.เหลือน้อยลงไปทุกที ต้องรีบเร่งฟื้นศรัทธา-สร้างผลงานที่โดนใจประชาชนโดยเร็ว!!
อัมพา สันติเมทนีดล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี