ผู้ที่อ่านคอลัมน์นี้เป็นประจำอย่าเพิ่งงงนะคะ เพราะอาทิตย์ที่แล้วเขียนเรื่องเนรคุณอินเดียนแดงตอนที่ 2 อยู่ดีๆ อาทิตย์นี้เปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ หลายคนคิดว่าจะได้อ่านเนรคุณอินเดียนแดงตอนที่ 3 ในอาทิตย์นี้ ใจจริงแล้ว ดิฉันก็ตั้งใจเขียนต่อจากอาทิตย์ก่อนนั่นแหละค่ะ แต่พอดีมีข่าวใหญ่อย่างชนิดที่เรียกว่า “ทอล์คออฟเดอะทาวน์” ให้มะริกันชนสุมหัวเม้ามอยกันทั้งประเทศ เลยขอพักไว้ก่อน อาทิตย์หน้าค่อยเขียนเนรคุณอินเดียนแดงตอนที่ 3 ต่อนะคะ
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่านประธานาธิบดีผมเป๋เสนอชื่อเด็กเส้นของตัวเองให้มานั่งเก้าอี้ผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ ท่ามกลางเสียงโห่ฮาด่าทอของสว.เดโมแครต เพราะเห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนี่คือเด็กเส้นของตาลุงผมเป๋นั่นแหละ อายุอานามก็ยังหนุ่มแน่น คือแค่ 53 ปีเท่านั้น หมอนี่ชื่อว่า เบร็ตต์ คาวานอห์ (Brett Kavanaugh)
การที่ลุงทรัมป์ดันตูดเด็กสร้างอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะเก้าอี้ผู้พิพากษาศาลสูงสุดว่างลง เนื่องจากแอนโธนี เคนเนดี้นั้นเหล่าแหย่แก่แล้วด้วยวัย 81 ปีงกเงิ่นเดินลงจากตำแหน่ง ผลงานของแอนโทนี เคนเนดี้คือการรับรองให้คนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้ (same sex marriage)
หน้าที่และบทบาทสำคัญอย่างหนึ่งของประธานาธิบดีมะริกันคือ การเลือกและเสนอชื่อผู้สมควรได้รับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุด ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสำคัญในการบริหาร เพราะเป็นเสาหลักให้แก่การต่อสู้และเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมของพลเมืองลุงแซม
เบร็ตต์ คาวานอห์นั้นอยู่ในสายอนุรักษนิยมสุดกู่ที่ต่อต้านการทำแท้ง ตอนนี้คณะตุลาการสูงสุดประกอบด้วยฝ่ายเสรีนิยม 4 คน และอนุรักษนิยม 4 คน หากดึงคาวานอฟห์มาเสียบก็จะพลิกโผทันที เพราะทำให้คณะตุลาการอนุรักษนิยมมากขึ้น การนั่งเก้าอี้ตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดของคาวานอห์ จะช่วยให้ฝ่ายอนุรักษนิยมมีอำนาจควบคุมศาลสูงสุด และถ่วงดุลอำนาจตุลาการให้เอียงไปทางฝ่ายขวามากขึ้น สมตามความตั้งใจของลุงทรัมป์ผมเป๋นั่นเอง
แล้ววันดีคืนดีหรือวันร้ายคืนร้ายก็ไม่รู้ มีศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่งชื่อ คริสติน บลาสซีย์ ฟอร์ด แถลงต่อสื่อว่าคาวานอห์ ล่วงละเมิดทางเพศต่อเธอเมื่อหลายสิบปีก่อน ย้อนไปเมื่อทั้งคู่อยู่มัธยมโน่นเลยทีเดียว คือคาวานอห์เมาแล้วจับเธอขึงเตียง ลวนลามทั่วร่างกาย แล้วพยายามข่มขืนด้วยการให้มืออุดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง
ฟอร์ดให้การว่า คาวานอห์จับเธอไปขังไว้ในห้องแล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานปาร์ตี้เบียร์ของโรงเรียนที่ชานกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อราวๆ ปี 1982 ตอนที่เธออายุแค่ 15 และเขาอายุ 17 ปีสมัยนั้นคาวานอห์เรียนโรงเรียนชายล้วนสำหรับพวกลูกคนรวยโดยเฉพาะ เด็กนักเรียนที่เรียนโรงเรียนแบบนี้มักคิดว่าตัวเองเป็นอภิสิทธิ์ชน เพราะพ่อแม่มีเงินจึงย่ามใจที่จะทำอะไรก็ได้ที่ตนต้องการ เรื่องแบบนี้เป็นที่รับรู้กันทั้งบ้านลุงแซม ใครเป็นคอหนังฮอลลีวู้ดก็คงพอนึกออก เพราะเด็กแบบนี้มีอยู่จริง
เจออดีตไล่ล่าแบบนี้อาจทำให้เก้าอี้ที่หมายมั่นหายวับไปกับตา คาวานอห์เลยปฎิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยทำตัวเลวๆ แบบนั้น แต่ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็แทรก เดบบราห์ รามิเรซวัย 51 ปีโผล่มายืนยันอีกรายว่า คาวานอห์ ‘แก้ผ้า’ ในงานปาร์ตีที่มหาวิทยาลัยเยลเมื่อช่วงทศวรรษ 1980 และยังนำ ‘อวัยวะเพศ’ มายัดเยียดที่ใบหน้าเพื่อขืนใจให้สัมผัส
เจอหนักแบบนี้ก็งานเข้าสิจ๊ะ คาวานอห์อาจจะฝ่อจนนอหดหายไปเลยก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามคาวานอห์ออกมาปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา เมื่อไม่ยอมรับและปากแข็ง สองหญิงทั้งศาสตราจารย์คริสติน บลาสซีย์ ฟอร์ด และเดบบราห์ รามิเรซ จึงเรียกร้องให้เอฟบีไอตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อให้กระจ่างต่อสาธารณชน
ส่วนคาวานอห์นั้นออกมาลอยหน้าแถลงตอบโต้ว่า ตนนั้นไม่เคยทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าแบบนั้นแม้แต่น้อยในช่วงวัยรุ่น แถมกล้าบอกอีกต่างหากว่ายัง “จิ้น” หลังจากเรียนมัธยมจบไปแล้วหลายปี นั่งฟังคำแถลงของเฮียแล้วอยากหัวเราะเป็นภาษาละติน
ลุงทรัมป์ก็ออกมาดันตูดต่ออย่างสุดลิ่มทิ่มประตูไม่รู้ไม่ดูไม่แคร์แม้วันมามาก โดยสะบัดผมเป๋บอกว่าทั้งหมดนี้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง โว๊ะ..ย้อนกลับไปหลายสิบปี การที่เฮียคาวานอห์เอานอไปทิ่มหน้าสาวๆ นี่เป็นการกลั่นแกล้งตรงไหนจ๊ะลุง
รายแรกมาแล้ว รายที่สองก็มาแล้ว ยังไม่หมดเท่านี้ มีรายที่สามโผล่มาอีก ผู้กล่าวหารายที่สามที่ชื่อ จูลี สเว็ตนิค โดยเธอเล่าถึงการ ‘รุมโทรม’ ที่เกิดขึ้นในงานปาร์ตีระหว่างปี 1981-1983 ซึ่งตัวเธอเองตกเป็นเหยื่อครั้งนั้น เธอเห็นคาวานอห์กับเพื่อนหนุ่มมอมยาผู้หญิงจนมึนงงไม่ได้สติ ก่อนจะพาไปให้พรรคพวกรุมโทรมในห้องนอน และจำได้ว่าคาวานอห์ ก็เข้าไปต่อคิวข่มขืนด้วย
หนักสุดเห็นจะเป็นโปรเฟสเซอร์ฟอร์ดนี่แหละ เพราะถูกขู่ฆ่าจนต้องหนีออกจากบ้านมาอยู่ในที่ปลอดภัยระหว่างให้การ ที่ร้ายไปกว่านั้นโดนท่านประธานาธิบดีผมเป๋แขวะกัดออกสื่ออีกต่างหาก เจอแบบนี้ก็น่าเห็นใจไม่ใช่น้อย เธอให้การว่ามั่นใจ 100% ว่าคาวานอห์เป็นผู้ทำร้ายเธอ และจำได้ดีถึงเสียงหัวเราะชอบใจของคาวานอห์และเพื่อนชื่อมาร์ค จัดจ์ เมื่อสำเร็จกิจ
ส่วนรายที่สามให้การว่า ตัวเองถูกวางยาด้วยการใช้กวอลูเดสหรือที่มีฤทธิ์คล้ายกันใส่ไว้ในเครื่องดื่ม ทั้งตัวคาวานอห์และเด็กผู้ชายคนอื่นๆในเวลานั้น ยืนเรียงคิวรอบริเวณด้านนอกของห้องที่งานปาร์ตีเพื่อรอโอกาสข่มขืนเด็กผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ
เสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มไปทั่วประเทศ กลายเป็นหัวข้อเม้ามอยกันทุกวงแฮมเบอร์เกอร์ แม้ลุงทรัมป์จะยืนยันในตอนแรกว่าจะยืนเคียงข้างนอ เอ๊ย คาวานอห์ แต่พอคาวานอห์โดนด่ามากเข้าๆ ก็เริ่มเสียงอ่อย แล้วเริ่มพลิ้วหลบตามธรรมชาตินิสัย ด้วยการสั่งเอฟบีไอสอบสวนเรื่องคาวๆ ของคาวานอห์
อย่าลืมว่าฉายา “ประธานาธิบดีตะปบจิ๋ม” ของลุงทรัมป์ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความหื่นและย่ามใจของลุงแกล้วนๆ อีกทั้งคดีคาวๆ ที่พัวพันกับดาราหนังโป๊และสาวเพลย์บอยสองคนยังทำให้เมียลุงหน้าตึงเหมือนหนังกลองมาจนวันนี้
ที่ฮาหนักคือสาวออกมาให้ข่าวเสียด้วยว่า “ไอ้นั่น” ของลุงเล็กตุ้มเท่าเห็ด เพราะลุงแกชอบความคาว จึงมองว่าเรื่องเน่าคาวฉาวโฉ่แบบนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่าขี้ผง แต่สำหรับมะริกันชนแล้วถือเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร เพราะคนที่จะมานั่งเก้าอี้ผุ้พิพากษาสุงสุด ถ้าก้นเน่าหนอนเสียแล้ว จะหาความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้อย่างไร
ผลสำรวจ YouGov ซึ่งเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสพบว่า ชาวอเมริกันเกินครึ่งเห็นสมควรให้เอฟบีไอสอบสวนเรื่องนี้ก่อนที่จะมีการโหวตรับรองตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี