ช่วงนี้สถานการณ์ในอเมริกาออกแนวเรื่อยๆ มาเรียงๆ ตาลุงผมเป๋กระโดดโลดเต้นด่าทอพรรคเดโมแครตไปวันๆ เรื่องผลการสอบสวนของมุลเลอร์ที่ถูกเกลาโดยเด็กสร้างของตนจนลุงแกขาวสะอาดราวผ้ารองตูดเด็กทารก
อีกอย่างน้ำมันขึ้นราคาเล่นเอามะริกันชนสงบเสงี่ยมกันทั้งประเทศ บวกกับย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ต่างก็เริ่มทำความสะอาดบ้านช่องกัน ในส่วนการเมืองคือมีการตระเตรียมผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งหน้าใหม่หน้าเก่ามาให้เลือก ในขณะที่ลุงผมเป๋ก็คุยโวว่าจะลงสมัครและมั่นใจว่าจะเป็นต่ออีกสมัยแน่นอน
ช่วงนี้พักเบรคจากการเมืองอเมริกันอันแสนยุ่งเหยิงมาเขียนเรื่องเบาๆ แนวเล่าสู่กันฟังสลับฉากนะคะมีภาพหนึ่งที่เผยแพร่กันสนั่นโซเชียลในอเมริกา นั่นคือภาพลุงคนหนึ่งในรัฐอินเดียน่า ฝ่าฝนออกมายืนแสดงความเคารพรถขบวนศพบนถนนโดยออกมายืนกลางฝนพร้อมเปิดหมวกเพื่อแสดงความอาลัยร่วมกับญาติผู้เสียชีวิต ภาพนี้เป็นภาพที่จับใจมวลอเมริกันมาก จนส่งต่อๆกันพลางเขียนว่า จิตวิญญาณอเมริกันควรเป็นแบบนี้ ควรมีมารยาทและรู้จักเคารพผู้อื่น
คนที่ไม่ได้อาศัยในอเมริกาอาจจะไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายในงานศพและประเพณีงานศพที่นี่เป็นอย่างไร เลยถือโอกาสเล่าสู่กันฟัง ฝรั่งนิยมส่งพ่อแม่ไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา ซึ่งบ้านพักคนชรามีหลายแบบ หากเป็นแบบเอกชนจะเสียค่าใช้จ่ายสูง เมื่อสิ้นชีวิตลง ค่าใช้จ่ายในพิธีศพก็แตะๆ หลักล้านบาทไทย นี่วัดจากการจัดงานศพพ่อแม่สามีตัวเองซึ่งเป็นคนชั้นกลาง ไม่หรูหราอะไร แต่ก็ยังแพงจับจิต
ฝรั่งที่พอมีเงินเก็บจะซื้อแพกเกจงานศพของตัวเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นภาระลูกหลานหลังตนเสียชีวิตแล้ว แพกเกจที่ว่าคือ เลือกโลงศพทั้งแบบเป็นคู่หรือโลงเดี่ยว ที่ดินในการฝังศพใช้บริการสุสานไหน ป้ายหินหลุมศพ จะให้สลักแบบใดและเลือกป้ายกินแบบฝังเดี่ยวหรือฝังคู่
หากไม่นิยมฝัง ใช้แบบเผา ก็ต้องเลือกบริการโลงศพและโถเก็บเถ้ากระดูก นอกจากนี้ยังต้องซื้อบริการฉีดน้ำยาศพ แต่งศพ และบริการตั้งศพให้สถานจัดพิธีเพื่อให้คนมาแสดงความอาลัย ค่าทำคลิปวิดีโอ ซึ่งส่วนมากทำแบบง่ายๆ ญาติๆหรือลูกหลานเอารูปผู้เสียชีวิตมาแล้วทางสถานบริการนำมาใส่เพลงเพราะๆ ฉายวนในห้องตั้งศพ
เคยไปร่วมพิธีศพหลายหน เนื่องจากพ่อแม่สามีเสียชีวิตและญาติๆ ฝ่ายสามีล้วนแก่ชราลาโลกไปทีละคน หากเป็นพิธีศพแบบคาธอลิกจะอลังการและมีพิธีกรรมมากมาย รวมถึงการสวดโรซารี่อันยืดยาวแต่ไพเราะเพราะพริ้ง
ในส่วนของคริต์แบบโปรแตสเตนท์จะสั้นกว่าและไม่มีพิธีการยืดยาวแบบคาธอลิก โดยมาตรฐานตะวันตก สมัยก่อนคนที่ไปงานศพจะแต่งกายสุภาพด้วยชุดดำ แต่อเมริกันคืออเมริกัน มารยาทไม่เคร่ง นึกอยากจะใส่ชุดไหนมางานก็ใส่มา บางครั้งมีแค่คนเขียนเท่านั้นที่แต่งชุดดำ บรรดาญาติๆ และผู้มาร่วมแสดงความอาลัยไม่ได้แต่งสีดำแต่อย่างใด แต่นุ่งห่มสีเขียวสีแดงอย่างเต็มที่ เล่นเอาคนไทยหนึ่งเดียวทำตาปริบๆ
งานศพคนอเมริกันผิวสียิ่งมหัศจรรย์กว่าอเมริกันผิวขาว นี่เล่าถึงอเมริกันผิวสีระดับล่างถึงระดับกลาง ไม่ใช่คนผิวสีที่มีการศึกษาและพูดด้วยสำเนียงคนผิวขาว คนผิวสีมีโบสถ์ของตนเอง เมื่อจัดพิธีศพจะมีชีวิตชีวามาก ใครอยากใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็จัดเต็ม แต่แทบไม่เห็นใครแต่งชุดดำ ช่วงแรกจะมีการไว้อาลัย จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการร้องรำทำเพลงแล้วลุกขึ้นเต้นพลางโบกมือโบกไม้ร้อง “ฮัลเลลูย่า”
เต้นไปร้องไปสักพักก็นำศพไปสุสาน ซึ่งกระบวนการนี้ไม่ว่าทั้งคนผิวชาวและผิวดำปฎิบัติเหมือนกันคือ ให้ญาติผู้ตายฝ่ายชายเป็นคนแบกโลงศพมาสู่รถนำศพที่จอดรอหน้าโบสถ์ จากนั้นสัปเหร่อซึ่งแต่งตัวหล่อเฟี้ยวในชุดสูทก็จะปักธงเล็กๆ ไว้บนหลังคารถทุกคันที่จะขับตามไปสุสาน
รถคันที่นำหน้าคือรถขนศพ ถัดมาคือรถลีมูซีนซึ่งให้ลูกหลานคนในครอบครัวนั่งรวมกัน จากนั้นรถญาติห่างๆ หรือมิตรสหาย รถทุกคันปักธงสัญลักษณ์สถานจัดงานศพจะขับตามกันมาเป็นขบวนยาว ซึ่งสั้นหรือยาวแล้วแต่จำนวนคนที่มาร่วมงาน หากเป็นผู้ที่ใครๆ รักใคร่เคารพก็จะเป็นขบวนยาว หากเป็นชาวบ้านธรรมดาขบวนก็จะไม่ยาวนัก
ขบวนรถนี้จะมุ่งหน้าสู่สุสาน การติดธงไว้เพื่อให้ทุกคันสามารถขับฝ่าไฟแดงได้ทุกสี่แยก โดยไม่ผิดกฎหมาย และไม่ขาดตอน ทำให้รถทุกคันไปถึงสุสานได้อย่างพร้อมเพรียงกัน คนอเมริกันโดยทั่วไป เมื่อเห็นขบวนรถแบบนี้ผ่านมา หากขับตามหลังก็จะไม่แซง แต่จะชะลอให้รถทุกคันไปก่อน และถ้าขับสวนมาฝั่งตรงข้าม ก็จะรีบชิดชอบถนนแล้วจอดสงบนิ่ง เพื่อแสดงความเคารพและอาลัยร่วมกับญาติผู้วายชนม์ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นี่ถือเป็นมารยาทสังคมที่คนส่วนใหญ่ปฎิบัติตาม
แต่ดูเหมือนว่าอเมริกันรุ่นใหม่ไม่สนใจมารยาท ถึงเห็นว่ารถข้างหน้าคือรถนำขบวนศพ แต่ถ้าอยากแซงก็จะแซงโดยไม่สนใจ แถมบางคนมารยาททรามขนาดกดแตรใส่ ส่วนรถฝั่งตรงข้ามก็ไม่ค่อยจะหยุดแสดงความเคารพแล้ว ดังนั้นการที่คุณลุงคนนี้แสดงความเคารพอย่างสูงสุดด้วยการเปิดประตูมายืนตากฝนและถอดหมวกถือเป็นภาพที่น่าประทับใจ กระตุ้นจิตสำนึกอเมริการุ่นหลังให้คิดถึงคุณค่าความงามและความดีที่เคยปฎิบัติต่อกัน
ไหนๆ เล่าแล้วก็เล่าต่อให้จบ เมื่อมาถึงสุสาน ทางสุสานจะเตรียมหลุมฝังศพให้เรียบร้อย มีการนำหีบศพไปตั้งเพื่อการส่งสู่ปรภพ ในกรณีที่เคยเป็นหทารหรือรับใช้ชาติช่วงสงคราม ไม่ว่าจะสงครามที่ไหนเมื่อใด จะมีทหารยิงสลุตหรือเป่าแตรแสดงความเคารพ จากนั้นก็จะนำธงชาติอเมริกันที่คลุมโลงศพพับทบไปมา จนเป็นสามเหลี่ยม นำไปมอบให้ภรรยาหรือลูกสาว ตะเบ๊ะอีกหนก่อนกล่าวแสดงความเสียใจ และชื่นชมผู้เสียชีวิตว่าได้รับใช้ชาติสมเป็นทหารหาญ
หากไม่ได้เป็นทหารบาทหลวงกล่าวแสดงความอาลัยแล้ววางดอกไม้บนหีบศพ ชักรอกโลงลงสู่หลุม กรณีที่เลือกแพกเกจจากสถานที่จัดพิธีศพก็จะสลักข้อความบนป้าย เช่น นาย/นาง ชาตะ-มรณะ ภรรยา/สามี/พ่อ/แม่ผู้เป็นที่รักของครอบครัว....... ส่วนมากจะออกแนวนี้ทั้งสิ้น
แต่ป้ายหินหลุมฝังศพบางหลุมจารึกข้อความแปลกๆ เช่น ป้ายหนึ่งเขียนว่า “ชีวิตมันเส็งเคร็ง ตายเสียดีกว่าจะได้จบเห่” บางป้ายก็เขียนแนวสบถว่า “ช่างแม่งเถอะวะ”
เมื่อฝังศพแล้วมีงานเลี้ยงเล็กๆ ที่บ้าน ซึ่งไม่ได้เป็นงานเลี้ยงแบบกินหนักจัดเต็มแบบบ้านเรา เคยไปงานศพเพื่อนทางภาคใต้ เลี้ยงโต๊ะจีนกันเลย ใครไปใครมาก็ลากไปกินข้าวหมด กับข้าวหลายอย่างอลังการทั้งสิ้น แตกต่างลิบลับกับงานเลี้ยงหลังงานศพที่อเมริกา อาหารก็เป็นพวกน้ำชากาแฟ ขนมกรุบกรอบกินกับกาแฟเท่านั้นเอง
......................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี