พรุ่งนี้วันที่ 21 สิงหาคม ถนนทุกสายจับตาไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ว่า“แพทองธารชินวัตร”จะไปให้การต่อศาลฯ กรณีถูก 36สว.ร้องให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเรื่อง“คลิปอัปยศ”หรือไม่ ก่อนที่จะมีการตัดสินวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคมสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวพยายามถามคนใกล้ชิดของ“คุณหนูนายน้อย-แพทองธาร ชินวัตร” เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดชเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็ยังตอบเหมือนแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้าพูดเด็ดขาดชัดเจนว่า “ลูกสาวนายใหญ่”จะไปหรือไม่
ขณะที่ “สรวงศ์ เทียนทอง” ทายาทของ“เสนาะ เทียนทอง”นักการเมืองบ้านใหญ่แห่งจังหวัดสระแก้ว ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “แพทองธาร ชินวัตร”จะเดินทางไปด้วยตนเอง พร้อมทั้งบอกว่าวันที่ 21 สิงหาคมตรงกับวันเกิดปีที่ 39 ของ“แพทองธาร”ด้วย ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการต้องไปให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วน“แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแบบเลี้ยงไว้“เปลืองข้าวสุก”อีกเหมือนกัน เพราะพอได้กลิ่นว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัย ก็ชิงตั้งตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมดักหน้าไว้ก่อนเลย และหลังได้รับแต่งตั้ง ก็เข้าไปที่กระทรวงวัฒนธรรมเพียงครั้งเดียวเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันแรกเท่านั้น
จากนั้นก็อย่างที่ชาวบ้านพูด “ตะแล๊ดแต๊ดแต๋”ไปตามที่ต่างๆเหมือน“ลูกคุณหนูพ่อรวย”ไม่ต้องทำงาน คือ ไม่เคยเข้ากระทรวงวัฒนธรรมอีกเลย ที่เห็นไปโผล่เป็นประจำก็ที่“บ้านพิษณุโลก” ซึ่งเป็นที่ทำงานของคณะที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ที่มีนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นประธาน และเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแค่ 1ครั้ง ไปสภาฯ 2 ครั้ง ในวันที่ 14 และ 15 สิงหาคม เพื่อฟังและให้กำลังใจสส.พรรคเพื่อไทย ในการประชุมพิจาณางบประมาณปี 2569
โดยที่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมวานนี้ ก็ลาประชุมคณะรัฐมนตรีอีกเป็นครั้งที่2 นับตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนอกจากนั้น ในบ่ายวันเดียวกันในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่เข้าร่วมประชุมพรรค ทำเอาสส.ลูกพรรคเพื่อไทยที่เตรียมช่อดอกไม้และเค้ก มาอวยพรวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้า ต้องรอกันเก้อ เพราะ“คุณหนูหัวหน้าพรรค”แจ้งยกเลิกการเข้าร่วมประชุม
อย่างไรก็ดี เรื่องไปหรือไม่ไปให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 สิงหาคมนี้นั้น “แพทองธาร ชินวัตร”เคยตอบเลี่ยงผู้สื่อข่าวมาแล้วก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ในวันที่ไปสภาฯเพื่อให้กำลังใจสส.ลูกพรรคเพื่อไทย จากการประชุมพิจาณาร่างกฎหมายงบประมาณปี2569 โดยผู้สื่ข่าวถาม“แพทองธาร”ว่า วันที่ 21สิงหาคมจะไปศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเองหรือไม่ ซึ่ง“แพทองธาร”ตอบแบบ“ไปไหนมาสามวาสองศอก”คือถามอย่างหนึ่งตอบอีกอย่างหนึ่งว่า “วันที่ 21สิงหาคมตรงกับวันเกิด” และในวันนั้นตอนขากลับออกจากสภาฯ “แพทองธาร”ก็ไม่กล้าออกทางประตูหน้าอาคารที่มีกองทัพสื่อมวลชนดักรอสัมภาษณ์เหมือนขามา แต่ให้รถไปรับที่ชั้นใต้ดินหลบออกไปจากสภาฯ
วันที่ 21 สิงหาคมนี้ ถ้าหาก“แพทองธาร ชินวัตร”ไม่ไปศาลรัฐธรรมนูญ จะด้วยเหตุที่เป็นวันคล้ายวันเกิด หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของ“แพทองธาร”ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้ถูกร้องยังสามารถจะแถลงการณ์ปิดคดีโดยยื่นเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในวันพุธที่ ๒๗สิงหาคม ก่อนวันวินิจฉัยตัดสินสองวัน หากไม่ยื่นภายในกำหนด ก็ถือว่าผู้ถูกร้องไม่ติดใจอะไร รอฟังคำวินิจฉัยชี้ชะตากรรมว่าจะอยู่หรือไปในวันที่ 29 สิงหาคมอย่างเดียว แต่ที่ไปแน่ๆ ในวันที่ 21สิงหาคมนี้ คือ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะพยานผู้ถูกร้อง ได้ยืนยันกับสื่อแล้วว่าจะไป
ถ้าหาก“แพทองธาร ชินวัตร”ไม่เบี้ยวนัด คือกล้าไปปรากฎตัวหน้าลังลังก์ศาลรัฐธรรมนูญ นั่นก็หมายความว่า“แพทองธาร” ที่เวลานี้คนไทยส่วนใหญ่รู้จริงแล้ว่าไร้สติปัญญา ต้องทำการบ้านมาอย่างดีแล้ว และพร้อมจะไปให้ปากคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ ชนิดที่ไม่ต้องมีไอแพดช่วย หรือมีใครคอยกระซิบบอกบทให้ เนื่องจากการขึ้นศาลฯนัดนี้ ต้องใช้“ปากเปล่า”ตอบการไต่สวนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
ในอีกทางหนึ่ง หากศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้มีการถ่ายทอดสด ตามที่ อดีต สว.สมชาย แสวงการ พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” และนายคมสัน โพธิ์คง อดีต สสร.ได้ยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 19สิงหาคมวานนี้ ขอให้มีการถ่ายทอดการไต่สวนนัดนี้ ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
เพราะประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะได้ยินกับหู และสามารถพิจารณาตัดสินด้วยตนเองว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะที่ทุกคนเป็น“หุ้นส่วน”ของประเทศนี้ สมควรต้องได้รับรู้ข่าวสาร โดยเฉพาะสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ที่อยู่ในความครอบครองของรัฐ ตามที่มีบทบัญญัติรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ อดีต สว.สมชาย แสวงการ ได้กล่าวถึงเหตุผลในการยื่นหนังสือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้มีการถ่ายทอดสดว่า
“สิ่งที่เกิดจากคลิปเสียงก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง มีการบาดเจ็บและเสียชีวิต ของทั้งทหารและประชาชน และยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงเห็นว่าการไต่สวนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรเปิดเผยต่อสาธารณชน และที่ผ่านมาไม่ใช่ทุกกรณีที่ศาลจะอนุญาตให้มีการถ่ายทอด ในกรณีนี้จึงอยากขอความเมตตาต่อศาล เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และยังขอศาลที่จ
ะเข้ารับฟังการไต่สวนเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการต่างๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้แจ้งความดำเนินคดีนางสาวแพทองธารไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งขณะนี้ได้สอบสวนเรียบร้อยแล้ว และส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.จึงหวังว่าศาลจะเมตตาให้เข้าฟังในวันไต่สวนและในวันวินิจฉัย เพื่อจะได้นำข้อมูลเพิ่มเติมเพิ่มเติมส่งให้ป.ป.ช.”
พรุ่งนี้เสร็จจากลูก ก่อนปิดฝาโลงในวันวินิจฉัยตัดสินในวันที่ 29 สิงหาคมสัปดาห์หน้า ถัดไปในวันรุ่งขึ้นก็ลุ้น“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้พ่อ ว่าวันศุกร์ที่ 22สิงหาคม ศาลอาญาชั้นต้นจะพิพากษาตัดสินคดีความผิดมาตรา112 ออกมาในทางใด ซึ่ง“ทักษิณ”ที่กบดานเงียบมาระยะหนึ่ง เพิ่งจะไปปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ และยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าจะไปฟังคำพิพากษาด้วยตนเองหรือไม่ว่า “เรื่องศาลใครเขาพูดกัน”
ถ้าศาลชั้นต้นตัดสินว่า “ทักษิณ ชินวัตร”มีความผิดและสั่งจำคุก ถึงแม้จะอุทธรณ์ได้และต้องไปจบที่ศาลฎีกา ซึ่งยังอีกยาวพอสมควรกว่าคดีจะถึงที่สุด แต่อย่างน้อยก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “ถุงขนม”ไม่มีฤทธิ์เดชพอ ที่จะเปลี่ยน“ดำ”ให้กลับกลายเป็น“ขาว”ได้
”ทักษิณ”ติดคุก-อุ๊งอิ๊งค์ออกไป !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี