“แพทองธาร ชินวัตร”..อ้างในหนังสือคำชี้แจงที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ..เพื่อหักล้างข้อกล่าวหาของ 36 สว.กรณี“คลิปอัปยศ”..ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยตัดสินในวันที่ 29 สิงหาคมนี้..ว่าการเจรจากับ“ฮุน เซน”ตามที่ปรากฏเสียงในคลิปนั้น..ไม่มีผลผูกพันทางนิติสัมพันธ์ระหว่างรัฐได้
กล่าวคือ..ถ้าแปลตรงๆ ก็ต้องบอกว่า..การที่“แพทองธาร ชินวัตร”..คุยโทรศัพท์กับ“ฮุน เซน”เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568..แล้ว“ฮุน เซน”ปล่อยคลิปที่อัดเสียงการสนทนาออกมาตลบหลังในเวลาต่อมานั้น..เป็นการยืนยันว่า..สิ่งที่ตนคุยกับ“ฮุน เซน” ไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน.. หรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการการเมือง
หรือพูดให้ชัด..“แพทองธาร ชินวัตร”ไม่ได้ละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5)..คือ..ไม่ได้ขาดความซื่อสัตย์สุจริต..และไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่..ตามที่ 36 สว. ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด..เนื่องเพราะ“ฮุน เซน”ไม่ได้มี“สถานะตามกฎหมายภายในประเทศกัมพูชา”
อีกทั้งยังตีความต่อได้ว่า..เมื่อ“ฮุน เซน”ไม่ได้มีสถานะตามกฎหมาย..คือไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี..หรือมีอำนาจตัดสินใจใดๆ..อันจะทำให้เกิดผลผูกพันทางนิติสัมพันธ์ระหว่างรัฐได้..นั่นก็ย่อมไม่มีผลทำให้..การที่“แพทองธาร ชินวัตร”ไปสัญยิงสัญญากับ“อังเคิล”ว่าจะให้ ตามที่ปรากฏเสียงในคลิปว่า..“ถ้าท่านอยากได้อะไร..ก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ..เดี๋ยวอิ๊งค์จะจัดการให้”นั้น..ไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงอาณาเขตไทย..และอำนาจอธิปไตยของไทย..ตามที่ 36 สว.กล่าวหา
คิดอย่างชาวบ้านและพูดอย่างชาวบ้าน..ก็ต้องบอกและมีคำถามว่า..ในเมื่อ“ฮุน เซน”ไม่มีอำนาจใดๆ..ในการตัดสินใจเพื่อคลี่คลายปัญหาระหว่าง“ไทย-กัมพูชา”ตามที่“แพทองธาร ชินวัตร”อ้าง..แล้ว“แพทองธาร”ไปคุยกับ“ฮุน เซน”หาพระแสงอะไรกัน..มิหนำซ้ำคุยแล้วก็ไม่คุยเปล่า..ยังเอา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2..ซึ่งเป็นนายทหารแห่งกองทัพราชอาณาจักรไทย..ไป“ขาย”ให้แก่ศัตรู..เหมือนกับ“ตัดหัว”ไปมอบให้“ฮุน เซน”..ว่า “ไม่อยากให้อังเคิลไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา..อย่างพวกแม่ทัพ 2 เงี้ยค่ะ”
ในหนังสือหักล้างข้อกล่าวหา 36 สว.ของ“แพทองธาร ชินวัตร”..ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับคำสนทนาที่ใช้ถ้อยคำกับ“อังเคิล-ฮุน เซน”ว่า..“อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้”นั้น..“แพทองธาร”ชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญว่า..“เป็นเพียงเจตนาที่ต้องการให้คู่เจรจาได้เสนอเงื่อนไขหรือความต้องการออกมาก่อน..ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการเจรจาเชิงผลประโยชน์ (Principled Negotiation)..โดยการใช้เทคนิคสำคัญ..คือ..การตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง (Interest-Based)..ไม่ได้มีเจตนาที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่เสนอมาทุกกรณีแต่อย่างใด”
ใครได้ยินได้ฟังคำชี้แจงที่“แพทองธาร ชินวัตร”แก้ตัวกับศาลรัฐธรรมนูญ..กรณีที่“สัญญาว่าจะให้”กับ“ฮุน เซน”..และกล่าวหาว่า พล.ท.บุญสิน ว่า“เป็นฝั่งตรงข้าม”..โดยอ้างหลักการในการเจรจากับ“ฮุน เซน”..ทั้ง“Principled Negotiation”..และ “Interest-Based”นั้น..หากไม่รู้ที่มาที่ไป..และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ไม่รู้ว่า“แพทองธาร”เป็นคนไร้สติปัญญา และขาดความรู้ความสามารถ..หากแต่มีเพียงแค่ไอแพดที่เป็น“สมองกล”จากที่มีคนเขียนโพยให้ท่องจำ..ก็จะรู้สึก“อึ้งกิมกี่”โดยพลัน..ว่า“แพทองธาร”มีปัญญาเฉียบแหลมถึงขนาดนั้นทีเดียวเชียวหรือ
แต่อย่างไรก็ตาม..หลักการที่“แพทองธาร ชินวัตร”อ้างนั้น..เป็นการอ้างเพื่อหาข้อแก้ตัวหลังจากพลาดท่าเสียที..ถึงขั้นปลิดชีวิตด้วยปากของตนเองจาการไปเจรจากับ“ฮุน เซน”..โดยทีมงานที่เขียนคำชี้แจงให้“แพทองธาร”..ไปลอกโดยไม่ได้ให้เครดิตหนังสือในการอ้างอิง..จากหนังสือที่ชื่อว่า “Getting to Yes: Negotiating Agreement Without Giving In”..เขียนโดย Roger Fisher, William Ury, และ Bruce Patton จากมหาวิทยาลัย“Harvard” สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้..“สุทธิชัย หยุ่น”สื่ออาวุโส..ได้จับโป๊ะและแฉในรายการ“Suthichai Live” พร้อมทั้งเขียนโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก “Suthichai Yoon” เมื่อวันก่อน..เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้..ซึ่งเป็นหนังสือที่นักธุรกิจ, นักการทูต และนักเจรจาทั่วโลกใช้เป็นคู่มือ..โดย“สุทธิชัย หยุ่น”ได้ตั้งคำถามว่า..“แกะคำชี้แจงต่อศาลของอุ๊งอิ้งค์..มันจะบังเอิญเกินไปไหม?”..และยังระบุด้วยว่า “อาจไม่ใช่ ‘Getting to Yes’ ในความหมายการบรรลุข้อตกลง แต่เป็น‘Getting to Justify’”
“สุทธิชัย หยุ่น”บอกว่า..“นั่นคือการใช้ภาษาวิชาการและทฤษฎีระดับโลก..มาช่วยทำให้บทสนทนาหนึ่งดูมีที่มา..มีเหตุผล..และมีความเป็นมืออาชีพ..คำถามที่ทะลุกลางปล้องทันทีคือ..นี่คือเจตนาเดิม..หรือเจตนาฉุกเฉิน ?..ประเด็นที่น่าสนใจคือ..มันฟังดูเหมือนการเจรจาระดับ Harvard ตั้งแต่ต้น..หรือเป็นการ ‘หาหนังสือมาประกอบ’ภายหลัง..เพื่อทำให้เหตุการณ์ดูโปรเฟสชันนัลขึ้น ?”
โดยในเฟซบุ๊กที่“สุทธิชัย หยุ่น”เขียนคู่ขนานกับรายการ“Suthichai Live”..เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา..ซึ่งมีภาพหนังสือเล่มดังกล่าวประกอบพร้อมข้อความ..“เชื่อหรือไม่ อุ๊งอิ๊งค์อ่านเล่มนี้ ก่อนคุยกับฮุน เซน”นั้น..ได้ทิ้งท้ายเป็นการปุจฉาไว้ว่า..“เพียงแต่สำหรับคนดูละครการเมืองเรื่องนี้..บางคนอาจตั้งคำถามว่า..นี่คือบทที่เขียนไว้ในสคริปต์ตั้งแต่แรก..หรือบทแก้ไขสำหรับส่งศาลสู้คดี ?”
คงต้องจับตาดูในวันที่ 21 สิงหาคมนี้..ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานบุคคล 2 ปาก..คือ..“แพทองธาร ชิรวัตร”ผู้ถูกร้อง..และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)..พยานผู้ถูกร้อง..ว่า“แพทองธาร”จะกล้าไปให้การในวันนั้นหรือไม่
เพราะถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านถามซักลงในรายละเอียด..และเกี่ยวพันไปถึงหนังสือ“Getting to Yes”ในเชิงลึก..ไม่รู้ว่า“แพทองธาร ชินวัตร”จะเอ้อๆ อ้าๆ ตอบผิดตอบถูกหรือไม่อย่างไร..ด้วยเหตุที่การให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญนัดนี้..คลับคล้ายกับการสอบวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก..ที่ใช้“ปากเปล่า”..หรือโดยวาจา (viva voce)..ต่อหน้าคณะกรรมการสอบไม่น่าจะง่ายเหมือนข้อสอบรั่วตอนสอบเอ็นทรานซ์-เนาะคุณหนูอุ๊งอิ๊งค์ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี